และตอนนี้ บริษัทซึ่งตั้งเป้าหมายแรกเพียงแค่ต้องการเป็นผู้สนองการค้นข้อมูลเพียงอย่างเดียวอย่าง Google ได้ก้าวขึ้นมาท้าทายอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกอินเทอร์เน็ต ผ่านการโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตได้สำเร็จแล้ว
แล้วเหล่ายักษ์ใหญ่ จะรู้ตัวเมื่อไหร่ ว่าพวกเขากำลังถูกแย่งชิงเค้กเม็ดเงินโฆษณาทางออนไลน์จำนวนมหาศาลที่ Google ดึงมาได้สำเร็จ และจะตอบโต้กับ การเติบโตที่รวดเร็วของ Google ได้อย่างไร Google จะทะยานไปทางไหนต่อ ติดตามรับฟังกันต่อได้เลยครับ
หลายท่านอาจจะยังคลางแคลงใจว่า ศึกระหว่าง Microsoft กับ Google นั้นดำเนินต่อไปอย่างไรจาก Blog Series ชุดนี้ ที่จะเห็นได้ว่า Google เริ่มที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เริ่มจะเข้ามารุกรานตลาดของ Microsoft มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างที่เราทราบว่าตอนนี้ Google นั้นมีผลิตภัณฑ์ที่ออกมาท้าทาย Microsoft โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นบริการต่าง ๆ ที่มุ่งสู่ online ตัวอย่างเช่น Google Docs ที่มาท้าชน Microsoft Offices ของ Microsoft โดยตรง รวมถึงบริการต่าง ๆ ที่อยู่บน cloud ที่ทั้งคู่มีผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก
ต้องบอกว่าศึกระหว่างทั้งคู่นั้น เป็นการต่อสู้กันอย่างยาวนาน เพราะมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ที่มีการดึงตัวพนักงานระหว่างกันอยู่ตลอดเวลา เพื่อมาสร้างผลิตภัณฑ์เดียวกัน ฝั่ง Microsoft เองก็พยายามปั้น Bing ที่เป็นบริการด้าน Search Engine เพื่อมาแย่งส่วนแบ่งเค้กโฆษณาออนไลน์จาก Google เหมือนกัน
แต่การโต้ตอบที่น่าสนใจที่สุดของ Microsoft ต่อ Google นั้นในมุมมองผมคือ facebook ที่เป็นตัวแปรสำคัญ ที่มาตัดกำลัง Google ที่กำลังทะยานไปข้างหน้าอย่างน่ากลัว ก่อนการเกิดขึ้นของ facebook ในขณะนั้น
ซึ่งต้องบอกว่า ตลาดโฆษณา online ก่อนหน้ายุค facebook เกิดนั้น google ครองตลาดส่วนนี้แบบแทบจะเบ็ดเสร็จ เหลือช่องว่างไว้ให้ bing ของ microsoft เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้นถือว่า Microsoft ค่อนข้างสั่นคลอนเลยทีเดียว กับการสร้างผลิตภัณฑ์รวมถึง นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องของ Google รวมถึงตลาด Search Engine นั้นดูเหมือนยากที่จะโค่น Google ลงไปได้
เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ที่เมื่อ Social Network กำลังกลายเป็น Trend ใหม่ Microsoft จะพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำการเตะตัดขา google ไม่ให้ take over facebook ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
สำหรับ facebook นั้นก็มีการเติบโตด้านผู้ใช้งานขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงในปี 2007 เรื่องไปถึงหูของ google ซึ่งต้องการที่จะ take over facebook ซึ่ง Microsoft ไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน เพราะตอนนั้นกำลังขับเคี่ยวกันในหลายตลาด ทั้ง search engine , email , document tool ซึ่ง social เป็นเรื่องใหม่ที่ microsoft ไม่ยอมให้ google มายึดไปอีกแน่นอน
Microsoft จึงทำเรื่อง surprise อย่างยิ่งด้วยการลงทุน ซื้อหุ้นเพียง 1.6% ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 240 ล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าของ facebook พุ่งขึ้นไปสูงถึง 15,000 ล้านเหรียญ ซึ่ง ตอนนั้น บริษัท ยังแทบจะไม่มีรายได้เข้ามามากมายเหมือนในปัจจุบัน แต่เป็นการเตะตัดขา google เพื่อไม่ให้มา take over facebook เพียงเท่านั้น
และที่สำคัญแทนที่จะสู้กับ Google ด้วยกำลังพลของตัวเอง Microsoft ทำการส่ง facebook ไปตีกับ google แทน และเป็นการถ่วงดุลอำนาจของ google หลังจากที่ไม่ได้มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมานาน เนื่องจากตัว Microsoft เองนั้นพ่ายแพ้ให้กับ Google ในหลายศึก จึงเปลี่ยนแผนด้วยการส่ง บริษัทคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดใหม่ ๆ อย่าง facebook ไปทำการรบกับ Google แทนเสียเลย
และนั่นเอง มันได้เป็นจุดเปลี่ยน ที่สำคัญที่ทำให้ Microsoft นั้นมีเวลาหายใจมาพัฒนา service ของตัวเองให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งเหมือนปัจจุบัน ที่ข่าวล่าสุด ได้มีมูลค่า บริษัท แซงหน้า apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดได้อีกครั้ง ที่ว่าเป็นเกมส์ที่เดินถูกต้องอย่างยิ่งของ microsoft ในการใช้กลยุทย์นี้
facebook ถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงอย่างยิ่งต่อ google เพราะมันเป็นการทยอยแย่งตลาดโฆษณา online จาก google ไปเรื่อย ๆ จากเดิมที่ นักการตลาดออนไลน์มีทางเลือกไม่มากที่จะใช้เม็ดเงินในการโฆษณา online
facebook และ google ต้องมาประมือกันในศึก social network ที่ google ได้ส่งบริการ google+ เข้ามาแข่ง ซึ่งก็ต้องบอกว่าพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป แทบจะไม่เหลือคนใช้บริการ google+ แล้วในตอนนี้ และคิดว่าไม่น่าจะสร้างรายได้ให้ google ได้อีกต่อไป
google นั้นไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริงในเรื่องของเครือข่ายสังคม online การ design ผลิตภัณฑ์ google+ ออกมานั้น แม้จะมี features มากมายก่ายกอง แถมยังทำทุกอย่างได้เหมือน facebook ทำด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งจาก facebook ได้เลย ต้องบอกว่า พี่มาร์ค เข้าใจ user ในเรื่องเครือข่ายสังคมได้อย่างถ่องแท้ หลังจากมีประสบการณ์อยู่กับ platform มาอย่างยาวนาน
ซึ่งการที่ google ไม่เข้าใจความต้องการของ user อย่างแท้จริง ทำให้ user จาก facebook ไม่ได้ย้ายหนีไปใช้ google+ เลยซะทีเดียว หลังจากการออกผลิตภัณฑ์ ออกมา และgoogle นั้นได้ทำการโปรโมตอย่างรุนแรงมาก แต่สุดท้ายกลายเป็นที่สิงสถิต ของเหล่า geek แทนมากกว่า เป็นสังคม online ของเหล่า geek ซึ่งออกแบบมาโดย วิศวกร geek ขนานแท้จาก google
ต้องยอมรับว่า social network นั้น facebook แข็งแกร่งจริง ๆ มี features หลัก ๆ ที่โดนใจผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้ไม่หนีไปไหน แม้ว่าเกือบจะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรกที่ google+ เปิดบริการ video call hangout แต่ facebook ก็ได้กองหนุนจากพี่ใหญ่อย่าง Microsoft ที่ส่ง skype มาช่วยเหลือ facebook ได้ทันเวลา
ต้องบอกว่า ทุกอย่างนั้นเป็นแผนการของ Microsoft อยู่แล้วที่ต้องการให้ Google นั้น เจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ และ facebook นั้นก็เป็นบริษัทของคนรุ่นใหม่ มีพลังอย่างเหลือล้น พร้อมที่จะสู้กับ Google อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเป็นสถานการณ์เดียวกันกับตอนที่ Microsoft มาเจอคู่แข่งอย่าง Google ในช่วงแรกนั่นเอง ซึ่งสุดท้ายเราจะได้เห็นถึงความเก๋าของพี่ใหญ่อย่าง Microsoft ที่ถือว่า Win ในศึกนี้ อย่างที่เราเห็นในปัจจุบันที่ Microsoft กำลังจะก้าวขึ้นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลกเราได้อีกครั้งนั่นเอง
Google นั้นสามารถสร้าง ฐานข้อมูลทางพันธุศาสตร์ขึ้น และทำการวิเคราะห์ ด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล และ จำนวน server ที่มีจำนวนต่อกันมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ สามารถที่จะช่วยให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ สามารถใช้ในการวิเคราะห์ เพื่อทำแผนที่ Genome ของมนุษย์
การใช้เทคโนโลยี Data Mining ด้วยข้อมูลมหาศาลของ Google ช่วยให้สามารถที่จะวิเคราะห์ลำดับทางพันธุกรรม (Genetic Sequence) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และภายใน 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีอาจจะสร้างสิ่งใหม่ชนิดที่หลาย ๆ คนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงขึ้นมาได้ เพราะสุดท้ายไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม Google นั้นมีพันธกิจหลักที่สำคัญ ก็คือ การสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อให้มนุษย์เราอาศัยอยู่ในโลกที่น่าอยู่ขึ้นนั่นเอง
แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ Google จาก Blog Series ชุดนี้
จากประวัติของ Google นั้นเราจะได้เห็นถึงความสำคัญของนวัตกรรม และงานวิจัยอย่างชัดเจนมาก แม้เริ่มแรกนั้น PageRank จะเป็นแค่หัวข้อวิทยานิพนธ์สำหรับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเพียงเท่านั้น
ใครจะไปคิดว่า การทดลองบ้า ๆ ของบรินและเพจ กับการเข้ามาจัดระเบียบข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ต ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝันในตอนนั้น จะกลายมาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เราเห็นกับ Google ในทุกวันนี้
Google ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ของมนุษย์เราไปเป็นอย่างมาก คลังความรู้มหาศาลที่หาได้เพียงแค่หนึ่งคลิก เราก็สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ได้แทบทุกเรื่อง มันคือการให้ความเท่าเทียมในการรับรู้ข้อมูลให้กับมนุษย์เราทุกคน
Google ยังได้ทำให้การสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาได้โดยใช้เวลาน้อยลงเป็นอย่างมาก เพราะเราสามารถหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เราจะเห็นวิวัฒนาการหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วหลังจากการเกิดขึ้นของ Google เพราะได้ทลายกำแพงเดิม ๆ ในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ให้สามารถใช้ข้อมูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์เพื่อสรรสร้างสิ่งใหม่ ๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับโลกเราได้มากขึ้น
แม้เรื่องราวของ Google จะมีอีกมากมายหลังจากเรื่องราวใน Series ชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ Android ระบบปฏิบัติการที่เชื่อมคนทั่วโลกให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส หรือ นวัตกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่สร้างขึ้นมาโดย Google
แต่สิ่งสำคัญที่ขับเคลื่อน Google มาได้จนถึงทุกวันนี้นั้น มันก็คือ การไม่หยุดสร้างนวัตกรรม การวิจัย และพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่มีตลอดมาของ Google ทำให้พวกเขาเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ และ ยังคงสร้างความแข็งแกร่งด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าไม่ใช่ทุกอย่างที่ Google ทำนั้นจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่พวกเขาก็ไม่เคยที่คิดจะหยุดการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมา ซึ่งคิดว่าผู้ประกอบการหลายท่านน่าจะเคยเจอ แม้บางครั้งความคิดของท่านอาจจะเป็นเรื่องเพ้อฝัน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครเห็นด้วยในตอนแรก แต่ซักวันหนึ่งมันก็อาจจะพิสูจน์ได้ว่า นวัตกรรม หรือ งานวิจัยที่พวกท่านสรรค์สร้างขึ้นมานั้น อาจจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนโลกได้เหมือนที่ Google เคยทำมาก็เป็นได้ครับ