ผมว่าหลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ก่อนที่ YouTube จะกลายเป็นเจ้าพ่อวงการวิดีโอออนไลน์อย่างทุกวันนี้ Google เคยมีบริการวิดีโอของตัวเองที่ชื่อว่า Google Video มาก่อน แต่คำถามก็คือทำไมมันถึงต้องปิดตัวลง ทั้งๆ ที่อยู่ในมือของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google แท้ ๆ
เรื่องราวเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2005 เมื่อ Google ปลุกปั้น Google Video ขึ้นมาด้วยไอเดียเรียบง่าย คือให้คนค้นหาคำบรรยายจากรายการทีวีได้
ผู้ใช้แค่พิมพ์คำค้นอย่าง “iPod” หรือ “Napa Valley” แล้ว Google Video ก็จะไปค้นข้อความในคำบรรยายรายการทีวี แล้วโชว์ภาพนิ่งจากรายการนั้นๆ ให้ดู
ความคิดนี้มันฟังดูเทพมาก ๆ ในยุคนั้น แต่คนใช้กลับรู้สึกว่าพวกเขาต้องการเข้ามาดูวิดีโอแต่ดันไม่เจอวิดีโอให้ดูซะอย่างงั้น
Google ไม่ใช่บริษัทที่จะยอมแพ้ง่ายๆ พอเห็นว่าคนอยากดูวิดีโอจริงๆ ในเดือนเมษายน 2005 เลยเริ่มให้อัพโหลดวิดีโอกันได้ แถมยังให้ตั้งราคาขายเองอีกต่างหาก
แต่ความวุ่นวายเริ่มต้นในเดือนมิถุนายน 2005 เมื่อเปิดให้ดูวิดีโอได้จริงๆ แต่ต้องใช้ปลั๊กอินพิเศษที่พัฒนาจาก VideoLAN ซึ่งใช้ยากเหลือเกิน บางทีดูไม่ได้ด้วยซ้ำ คนใช้ถึงกับบ่นอุบกันเป็นแแถว
ในเดือนกันยายน 2005 เป็นจุดพีคของการเปลี่ยนแปลง เมื่อ Google ได้นำเอาปลั๊กอินที่ใช้งานยุ่งยากทิ้งไป หันมาใช้ Flash แทน ซึ่งมันโคตรเจ๋งมากในยุคนั้นเพราะเร็วกว่าและคนส่วนใหญ่ก็มี Flash กันอยู่แล้ว
ในเดือนมกราคม 2006 Google เปิดตัว Google Video Store ตลาดเนื้อหาพรีเมียมจากผู้ให้บริการระดับท็อปอย่าง CBS, SONY BMG และ ITN ใช้ระบบจ่ายเงินที่ต่อมากลายเป็น Google Checkout
เมษายน 2006 มีการเปิดตัว Google Video Top 100 แสดงวิดีโอฮิตติดลมบน ตามมาด้วยพฤษภาคม 2006 ที่ทำให้อัพโหลดวิดีโอง่ายขึ้นผ่านเว็บฟอร์ม ไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม Google ยังเริ่มทดสอบโฆษณาวิดีโอตามบริบทอีกด้วย
มิถุนายน 2006 Google จัดหนักเพิ่มฟีเจอร์ชุมชนเข้ามา ทั้งคอมเมนต์ การให้คะแนน และ Tags แถมพัฒนาโปรแกรมเล่นวิดีโอสำหรับ Mac ด้วย
กรกฎาคม 2006 Google Video ขยายไปต่างประเทศด้วยการเปิด 8 เวอร์ชันนานาชาติ พร้อมปรับให้แชร์วิดีโอลงบล็อกและ MySpace ได้ง่ายขึ้น
สิงหาคม 2006 Google Video ได้เข้าไปอยู่บนหน้าแรกของ Google เป็นครั้งแรก ทำให้การเข้าถึงพุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดด
แต่แล้วในเดือนตุลาคม 2006 เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น Google ซื้อกิจการ YouTube ด้วยเงินมหาศาลถึง 1.65 พันล้านดอลลาร์!
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ทั้งๆ ที่มี Google Video อยู่แล้ว? นี่คือคำถามที่ทำให้หลายคนต่างสัยสัยกับสิ่งที่ Google ทำในตอนนั้น
มกราคม 2007 Google Video เริ่มกลายพันธุ์ โดยเริ่มรวมวิดีโอจาก YouTube เข้ามาในผลการค้นหา พร้อมประกาศว่าจะมุ่งเป็นเครื่องมือค้นหาวิดีโอแทน
เมษายน 2007 มีการปรับปรุงผลการค้นหาให้ฉลาดขึ้น สามารถแนะนำวิดีโอได้แม่นยำแม้คำค้นจะคลุมเครือ ในเดือนมิถุนายน 2007 เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ Google Video กลายเป็นเครื่องมือค้นหาอย่างแท้จริง โดยรวมวิดีโอจากแพลตฟอร์มอื่นๆ มากมาย ทั้ง Metacafe, Yahoo Video, MySpace, Daily Motion, Vimeo และอีกเพียบ แต่ YouTube ยังครองอันดับหนึ่งในผลการค้นหา
สิงหาคม 2007 Google ปิด Google Video Store ทำให้คนที่เคยซื้อวิดีโอไว้ดูไม่ได้อีกต่อไป แม้จะแก้ไขด้วยการคืนเครดิตเป็น Google Checkout ที่ใช้ได้ 60 วัน แต่ก็สร้างความโกรธเคืองให้กับผู้ใช้เป็นจำนวนมาก
พฤศจิกายน 2007 Google Video ขยายการทำ index ไปทั่วทั้งเว็บ และในเดือนธันวาคม มีการรีดีไซน์หน้าแรกใหม่ ให้แสดงวิดีโอฮิต คำแนะนำ และวิดีโอใหม่ล่าสุด
เมษายน 2008 Google พยายามสู้อีกครั้งด้วยการปรับปรุงหน้าวิดีโอให้ยืดหยุ่นขึ้น และเพิ่มโหมด “TV view” สุดเจ๋งที่ให้ดูวิดีโอโดยไม่ต้องออกจากหน้าค้นหา
แต่ความพยายามทั้งหมดไม่อาจต้านกระแส YouTube ได้ มกราคม 2009 Google จึงประกาศยุติการรับอัพโหลดวิดีโอใหม่ เพื่อมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีการค้นหาเท่านั้น
15 เมษายน 2011 เป็นจุดเริ่มต้นของการปิดฉาก Google ประกาศจะหยุดโฮสต์วิดีโอที่ผู้ใช้อัพโหลด แต่หลังจากคนโวยวาย ก็เปลี่ยนเป็นย้ายวิดีโอไป YouTube อัตโนมัติแทน
20 สิงหาคม 2012 คือวันที่ Google Video ดับสนิท บริการโฮสต์วิดีโอถูกปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ เนื้อหาทั้งหมดถูกย้ายไป YouTube โดยตั้งเป็นวิดีโอส่วนตัว แต่เจ้าของสามารถปรับเป็นสาธารณะได้
เมื่อมองย้อนกลับไป มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ ที่ Google Video มีข้อดีมากมาย ทั้งการดาวน์โหลดได้หลายรูปแบบ ข้อจำกัดน้อย และมีแบรนด์ Google หนุนหลัง แต่กลับมีวิดีโอแค่ 2.5 ล้านวีดีโอ
ในขณะที่ YouTube ที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงาน PayPal สามคนในปี 2005 กลับครองส่วนแบ่งมากกว่า 60% ของวิดีโอออนไลน์ในสหรัฐฯ
YouTube เป็นที่หมายปองของผู้ใช้เพราะมีจุดเด่นหลายอย่าง เช่น เปิดกว้างมากกว่า แสดงจำนวนการรับชม มีลิงก์ไปยังวิดีโอโดยตรง และเน้นการสร้างชุมชนตั้งแต่ต้น
YouTube ให้คุณมีวิดีโอโปรด สร้างเพลย์ลิสต์ได้ เข้าร่วมกลุ่ม และสร้างตัวตนออนไลน์ รวมถึงมีระบบค้นหาที่ดีกว่าอีกด้วย
เรื่องราวของ Google Video สอนเราว่า แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ก็ล้มเหลวได้ ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทุนหรือเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่ยังต้องเข้าใจผู้ใช้อย่างลึกซึ้ง Google Video ควรจะเพิ่มอิสระให้คนใช้งานวิดีโออย่างสร้างสรรค์มากกว่า ไม่ใช่แค่พยายามเลียนแบบสิ่งที่ YouTube เป็น
ถึงวันนี้ แม้ Google Video จะดับสูญไปแล้ว แต่มรดกของมันยังคงอยู่ในรูปแบบของเครื่องมือค้นหาวิดีโอและบทเรียนสำคัญในวงการเทคโนโลยี ที่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่คนที่มีทรัพยากรมากที่สุดก็อาจพลาดได้ หากไม่ฟังเสียงของผู้ใช้อย่างแท้จริง