จากตอนจบของ blog series มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก I’m CEO Bitch ที่เขียนตอนจบไปเมื่อวาน เราจะเห็นได้ว่าในตอนจบนั้นมีพี่ใหญ่อย่าง Microsoft และ google เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ซึ่งต้องบอกว่า ตลาดโฆษณา online ก่อนหน้ายุค facebook เกิดนั้น google ครองตลาดส่วนนี้แบบแทบจะเบ็ดเสร็จ เหลือช่องว่างไว้ให้ bing ของ microsoft เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ที่ microsoft ทำการเตะตัดขา google ไม่ให้ take over facebook ได้สำเร็จ ลองจินตนาการถึง หากวันนี้ facebook เป็นครอง google อีกราย เม็ดเงินโฆษณา online แทบจะทั้งโลกคงไม่ต้องแบ่งให้ใครอีกแล้ว
microsoft ต้องเตะตัดขา google ที่พยายาม take over facebook
และที่สำคัญเป็นการส่ง facebook ไปตีกับ google แทน และเป็นการถ่วงดุลอำนาจของ google หลังจากที่ไม่ได้มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมานาน
และ ที่สำคัญยังทำให้ microsoft นั้นมีเวลาหายใจมาพัฒนา service ของตัวเองให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งเหมือนปัจจุบัน ที่ข่าวล่าสุด ได้มีมูลค่า บริษัท แซงหน้า apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดได้อีกครั้ง ที่ว่าเป็นเกมส์ที่เดินถูกต้องอย่างยิ่งของ microsoft ในการใช้กลยุทย์นี้
facebook ถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงอย่างยิ่งต่อ google เพราะมันเป็นการทยอยแย่งตลาดโฆษณา online จาก google ไปเรื่อย ๆ จากเดิมที่ นักการตลาดออนไลน์มีทางเลือกไม่มากที่จะใช้เม็ดเงินในการโฆษณา online
facebook และ google ต้องมาประมือกันในศึก social network ที่ google ได้ส่งบริการ google+ เข้ามาแข่ง ซึ่งก็ต้องบอกว่าพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป แทบจะไม่เหลือคนใช้บริการ google+ แล้วในตอนนี้ และคิดว่าไม่น่าจะสร้างรายได้ให้ google ได้อีกต่อไป
google นั้นไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริงในเรื่องของเครือข่ายสังคม online การ design ผลิตภัณฑ์ google+ ออกมานั้น แม้จะมี features มากมายก่ายกอง แถมยังทำทุกอย่างได้เหมือน facebook ทำด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งจาก facebook ได้เลย ต้องบอกว่า พี่มาร์ค เข้าใจ user ในเรื่องเครือข่ายสังคมได้อย่างถ่องแท้ หลังจากมีประสบการณ์อยู่กับ platform มาอย่างยาวนาน
google plus ที่ google หวังจะมาเอามาใช้ล้ม facebook
ซึ่งการที่ google ไม่เข้าใจความต้องการของ user อย่างแท้จริง ทำให้ user จาก facebook ไม่ได้ย้ายหนีไปใช้ google+ เลยซะทีเดียว หลังจากการออกผลิตภัณฑ์ ออกมา และgoogle นั้นได้ทำการโปรโมตอย่างรุนแรงมาก แต่สุดท้ายกลายเป็นที่สิงสถิต ของเหล่า geek แทนมากกว่า เป็นสังคม online ของเหล่า geek ซึ่งออกแบบมาโดย วิศวกร geek ขนานแท้จาก google
hanouts features เด้ดที่ google จะมาจัดการ facebook
ต้องยอมรับว่า social network นั้น facebook แข็งแกร่งจริง ๆ มี features หลัก ๆ ที่โดนใจผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้ไม่หนีไปไหน แม้ว่าเกือบจะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรกที่ google+ เปิดบริการ video call hangout แต่ facebook ก็ได้กองหนุนจากพี่ใหญ่อย่าง microsoft ที่ส่ง skype มาช่วยเหลือ facebook ได้ทันเวลา
skype for facebook ที่ลูกพี่ใหญ่อย่าง microsoft ส่งมาช่วย facebook ได้ทันเวลา
ทำให้สามารถตีโต้กลับได้ไม่เสียฐานผู้ใช้ไปเท่าที่ควรหลังจากการเปิดตัวของ google+ จนสามารถกลับมาชนะอย่างเด็ดขาดได้อีกครั้ง และการเติบโตของ user ของ facebook นั้นก็เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ จบแทบจะครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จ และทยอยแบ่งเค้กของตลาดโฆษณา online จาก google search ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ google มาเรื่อย ๆ
แม้มูลค่าตลาดจะสูงขึ้นก็ตาม ทำให้ต่างฝ่ายต่างเติบโต แต่ถ้ามองวิเคราะห์กันจริง ๆ แล้วนั้นจะพบว่า facebook เป็น platform ที่มาแย่งส่วนแบ่งของ google ขึ้นเรื่อย ๆ และออกบริการที่เสริม ที่เห็นชัดเจนว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ google เช่น facebook video และ facebook live ซึ่งมาแย่งฐานผู้ใช้งานจาก youtube โดยตรง
facebook live ที่ facebook นำมาใช้ ตีกลับ บริการ youtube live
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO บริหาร facebook มาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับ facebook นั้นก็มีการเติบโตด้านผู้ใช้งานขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงในปี 2007 เรื่องไปถึงหูของ google ซึ่งต้องการที่จะ take over facebook แต่อย่าที่รู้กันก่อนหน้านี้ ศัตรูคู่ฉกาจของ google อย่าง microsoft ไม่ยอมอย่างแน่นอน เพราะตอนนั้นกำลังขับเคี่ยวกันในหลายตลาด ทั้ง search engine , email , document tool ซึ่ง social เป็นเรื่องใหม่ที่ microsoft ไม่ยอมให้ google มายึดไปอีกแน่นอน
ไมโครซอฟท์ จึงทำเรื่อง surprise อย่างยิ่งด้วยการลงทุน ซื้อหุ้นเพียง 1.6% ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 240 ล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าของ facebook พุ่งขึ้นไปสูงถึง 15,000 ล้านเหรียญ ซึ่ง ตอนนั้น บริษัท ยังแทบจะไม่มีรายได้เข้ามามากมายเหมือนในปัจจุบัน แต่เป็นการเตะตัดขา google เพื่อไม่ให้มา take over facebook เพียงเท่านั้น
microsoft ต้องเตะตัดขา google ที่พยายาม take over facebook
จนในปัจจุบัน กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน internet อย่างเต็มตัว take over บริษัท มากมายไม่ว่าจะเป็น instragram , whatsapp หรือ occulus จนผู้ใช้เติบโตไปถึงกว่า 1,000 ล้านคน อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน เป็นการเดินทางจากจุดเล็ก ๆ ในหอพักที่ ฮาร์วาร์ด จนตอนนี้ ทำให้มาร์ค กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านดอลล่าร์ ที่อายุน้อยที่สุด ซึ่งเป็นการสร้างฐานะมาด้วยตัวเอง ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
แนวคิดที่ได้จาก Blog Series มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก I’m CEO Bitch