Geek Life EP139 : หยุด 3 ความคิดทำลายจิตใจ บทเรียนจาก Amy Morin ที่จะทำให้คุณลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

ชีวิตมักเต็มไปด้วยเรื่องราวที่คาดไม่ถึง เฉกเช่นเรื่องราวของ Amy Morin นักจิตบำบัดวัย 23 ปี ที่กำลังมีความสุขกับการดูบาสเกตบอลและหัวเราะร่วมกับแม่ของเธอ

แต่โชคชะตากลับพลิกผัน เมื่อเพียง 24 ชั่วโมงต่อมา แม่ของเธอจากไปอย่างกะทันหันด้วยโรคหลอดเลือดสมองแตก ความโศกเศร้าครั้งนั้นยังไม่ทันจางหาย อีกสามปีต่อมา สามีของเธอก็เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/mp7fuz7f

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/mwjbuxn6

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/pdh9K7Oz5PU

ชีวิตคือการออกแบบ : จากสถาปนิกสู่ผู้บริหาร Mercedes-Benz เส้นทางชีวิตที่ไม่มีใครกล้าฝัน

เป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจากเวที Ted Talks กันอีกครั้ง กับเรื่องราวของ Parul Pradhan แบ่งปันเรื่องราวการเดินทางอันเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอในการฝ่าฟันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของเธอในฐานะสถาปนิกจนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการออกแบบในบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่าง General Motors และ Mercedes-Benz R&D India

ก็ต้องบอกว่าการศึกษาถือเป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมตัวตนของ Parul ด้วยพื้นฐานด้านสถาปัตยกรรมจาก GNC และการต่อยอดด้วยปริญญาโทด้านการออกแบบจาก IIT Bombay ทำให้เธอมีความรู้และทักษะที่แข็งแกร่ง แม้จะเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดี แต่เส้นทางอาชีพในช่วงแรกกลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คาดหวัง

ในปี 2001 Parul เริ่มต้นอาชีพในอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เปิดโอกาสให้เธอได้สัมผัสกับงานที่หลากหลาย ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กอย่างขวด ไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่อย่างรถยนต์

ประสบการณ์เหล่านี้ได้หล่อหลอมให้เธอเป็นนักออกแบบที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และรู้จักเรียนรู้จากทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว

การทำงานในภาคบริการได้สอนบทเรียนสำคัญหลายอย่าง ทั้งการนำเสนองานอย่างมืออาชีพ การจัดการกับความคาดหวังของลูกค้า และการพัฒนาทักษะด้านซอฟต์แวร์ที่จำเป็น

ทุกโครงการคือโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต แม้บางครั้งจะต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรค แต่สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ช่วยวางรากฐานสำหรับความสำเร็จในอนาคต

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตของ Parul เกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจที่จะก้าวออกจากความสบายของการเป็นพนักงานประจำ เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองร่วมกับ Gorov สามีของเธอซึ่งเป็นนักออกแบบจาก NID ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติอย่างไม้และไผ่ พวกเขามุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างและความยั่งยืนให้กับโลก

ช่วงเวลาของการเป็นผู้ประกอบการเป็นบทเรียนที่มีค่า แม้จะมีแนวคิดที่ดีและผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ แต่การขาดประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจและเงินทุนที่จำกัดทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย

การทำงานกับหน่วยงานภาครัฐและการรอรับชำระเงินที่ล่าช้าได้สอนให้รู้ว่า passion เพียงอย่างเดียวมันไม่เพียงพอสำหรับความสำเร็จในธุรกิจ

เมื่อต้องเผชิญกับความล้มเหลวของธุรกิจ Parul ไม่ยอมแพ้ แต่เลือกที่จะปรับตัวด้วยการรับงานพาร์ทไทม์และเป็นอาจารย์ในวิทยาลัย แม้จะเป็นประสบการณ์ที่ท้าทาย แต่มันก็ทำให้เธอได้เรียนรู้และเติบโต การเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจกลับเข้าสู่การทำงานประจำที่ General Motors Technical Center

ที่ General Motors Parul ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความทุ่มเทจนได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายสีและวัสดุตกแต่ง และได้เป็นตัวแทนของอินเดียในสำนักงานใหญ่ที่ Detroit การทำงานในบริษัทระดับโลกเปิดโอกาสให้เธอได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการได้รับประกาศนียบัตรจาก IIM Bangalore

แต่แล้วในปี 2015 การตัดสินใจของ General Motors ที่จะปิดการดำเนินงานด้านการออกแบบในอินเดียได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับชีวิตของเธออีกครั้ง แทนที่จะจมอยู่กับความกลัวและความผิดหวัง Parul เลือกที่จะมองหาโอกาสใหม่ และนั่นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามเมื่อเธอได้ร่วมงานกับ Mercedes-Benz R&D India

ที่ Mercedes-Benz Parul ได้รับโอกาสให้นำทีมออกแบบและสร้างความร่วมมือกับสตูดิโอออกแบบในเยอรมนี ด้วยวิสัยทัศน์และความสามารถในการบริหาร เธอสามารถขยายทีมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ทั้งสตูดิโอ 3D printing และห้องปฏิบัติการเสมือนจริงสำหรับโครงการ mixed reality

ความสำเร็จที่ Mercedes-Benz ไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ความสามารถของ Parul แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานประสบการณ์ทั้งหมดที่เธอได้สั่งสมมา ทั้งการเป็นผู้ประกอบการ การบริหารทีม และความเข้าใจในอุตสาหกรรมยานยนต์

ภายในเวลาเพียง 6 ปี เธอสามารถสร้างผลงานที่มีส่วนร่วมในการออกแบบรถยนต์ Mercedes ทุกรุ่น ตั้งแต่ระดับ C-Class ไปจนถึง S-Class และรถยนต์ไร้คนขับ

ปัจจุบัน Parul ยังคงไม่หยุดที่จะพัฒนาและท้าทายตัวเอง ด้วยการก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่ในด้านบริการหลังการขาย แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างจากประสบการณ์เดิมอย่างสิ้นเชิง แต่เธอเชื่อว่าการกล้าที่จะออกจาก comfort zone คือหนทางสู่การเติบโตและการค้นพบโอกาสใหม่ๆ

บทเรียนสำคัญที่ Parul ได้เรียนรู้จากการเดินทางในชีวิตคือการไม่กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ การทำงานหนัก และการกล้าที่จะเสี่ยง เธอเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงโดยทางเลือกคือวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถออกแบบชีวิตได้อย่างมีความหมาย แทนที่จะปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา ทุกการเปลี่ยนแปลงคือโอกาสที่จะได้สร้างเรื่องราวใหม่และความสำเร็จในชีวิต

เรื่องราวของ Parul เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยความบังเอิญหรือโดยการเลือก สิ่งสำคัญคือการมองเห็นโอกาสในทุกสถานการณ์และกล้าที่จะก้าวออกจาก Safe Zone เพื่อค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในชีวิต

จากประสบการณ์อันหลากหลาย Parul ได้แบ่งปันบทเรียนสำคัญที่เธอค้นพบ ในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน เมื่อไม่รู้ว่าก้าวต่อไปควรเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ ก็ตาม เพราะการรอคอยให้ทุกอย่างลงตัวอาจทำให้พลาดโอกาสที่สำคัญไป

การทำงานหนักคือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ แม้บางครั้งผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ความพยายามและความทุ่มเทจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ เสมอ นอกจากนี้ การรักษาความกระตือรือร้นและความกระหายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า

เรื่องราวของ Parul ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงในชีวิตไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่เป็นโอกาสในการเติบโตและค้นพบตัวตนที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากสถานการณ์บังคับหรือการเลือกด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญคือการมองเห็นคุณค่าและโอกาสในทุกการเปลี่ยนแปลง เพราะนั่นคือวิธีที่จะทำให้เราสามารถออกแบบชีวิตได้อย่างมีความหมายและประสบความสำเร็จในที่สุด

ปัจจุบัน Parul ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมายผ่านการแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองของเธอ การเดินทางของเธอแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้วัดจากตำแหน่งหรือเงินเดือน แต่วัดจากความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและความสามารถในการปรับตัวเพื่อเติบโตในทุกสถานการณ์นั่นเองครับผม

References :
Change by chance and change by choice | Parul Pradhan | TEDxMGMU
https://youtu.be/DJW1aLpVdGQ?si=vfyX-zP1uHCc-ey5

เลิกทุกข์ได้ ถ้ากล้าให้เขาเกลียด : จิตวิทยา Adlerian กับบทเรียนจากหนังสือ The Courage to be Disliked

ในยุคที่ผู้คนต่างแสวงหาความสุขและความสำเร็จในชีวิต หนังสือ “The Courage to be Disliked” โดย Ichiro Kishimi และ Fumiaki Koga ได้นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการค้นพบความสุขที่แท้จริง ผ่านแนวคิดจิตวิทยา Adlerian ที่มีมานานกว่าศตวรรษ

เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามที่ว่า ทำไมเราถึงไม่มีความสุข? คำตอบที่น่าประหลาดใจคือ ความทุกข์ที่เราเผชิญอยู่นั้นไม่ได้เกิดจากสภาพแวดล้อมหรือโชคชะตา แต่เป็นเพราะเราเลือกที่จะทุกข์ด้วยตัวเอง ความโกรธ ความวิตกกังวล และความเครียดที่เราเผชิญล้วนมีจุดประสงค์แอบแฝง เราใช้อารมณ์เหล่านี้เป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ

เมื่อมีคนทำร้ายจิตใจเรา เราเลือกที่จะจมอยู่กับความเจ็บปวดนั้นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดและพยายามชดเชยมัน ความเจ็บปวดจึงกลายเป็นอาวุธที่เราใช้เพื่อเรียกร้องความสนใจและความเห็นอกเห็นใจ เช่นเดียวกับความโกรธที่เราแสดงออกมาเพื่อบอกว่า “มองฉันสิ” หรือความเหนื่อยล้าที่เราใช้เป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความกลัวการถูกปฏิเสธ

หากลองจินตนาการว่าเราเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนโลก ไม่มีใครให้เราต้องรู้สึกประทับใจ ไม่มีใครปฏิเสธเรา และไม่มีแรงกดดันทางสังคม เราก็จะดำเนินชีวิตไปอย่างเรียบง่าย ปราศจากความปั่นป่วนทางอารมณ์ โดยเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนมุมมองและวิธีที่เราสัมพันธ์กับผู้อื่น

ประการแรก เราต้องตระหนักว่าไม่มีความสัมพันธ์แนวตั้งในโลกนี้ มนุษย์ทุกคนล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน การที่เรามักเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น ทำให้เกิดปมด้อยและปมเหนือกว่าที่บั่นทอนความสุขของเรา

เมื่อรู้สึกด้อยเราจะหมกมุ่นกับการถูกตัดสินจากคนที่เราคิดว่าเหนือกว่า เมื่อรู้สึกเหนือกว่า เราก็จะหวาดกลัวการสูญเสียตำแหน่งนั้น ทำให้ชีวิตกลายเป็นการแข่งขันที่น่าเบื่อหน่าย

แต่หากเราเปลี่ยนมุมมองใหม่ โดยมองว่าทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันอยู่บนระนาบเดียวกัน ความปั่นป่วนจะค่อยๆ สงบลง เพราะไม่มีใครที่เราต้องพยายามทำให้ประทับใจ และไม่มีใครที่ทำให้เรารู้สึกว่าถูกคุกคาม

เราสามารถเห็นคุณค่าที่มีอยู่ในตัวทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทารกแรกเกิดที่นำความสุขมาสู่ครอบครัวเพียงแค่การมีตัวตน หรือคนชราที่เป็นโรคสมองเสื่อมที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกหลานระลึกถึงความรักและคุณค่าที่ได้รับการส่งต่อ

ในทางกลับกัน สิ่งที่เรามองว่าเป็นข้อได้เปรียบในชีวิต เช่น ความมั่งคั่งและชื่อเสียง อาจกลายเป็นสิ่งที่ผูกมัดผู้คนไว้กับภาระที่ไม่ได้เลือก จนสูญเสียอิสรภาพในการใช้ชีวิต หากเราได้เห็นปัญหาที่แท้จริงของคนที่เรามองว่าประสบความสำเร็จ เราอาจพบว่าปัญหาของเราไม่ได้หนักหนาอย่างที่คิด

ประการที่สอง เราต้องแยกแยะภารกิจในความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ในทุกปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ มีภารกิจหลักสองประการ คือ ภารกิจของเราในการหาวิธีที่ดีที่สุดในการมีส่วนร่วม และภารกิจของผู้อื่นในการตัดสินใจว่าจะตอบสนองต่อการมีส่วนร่วมของเราอย่างไร โดยสรุปคือ เราทำหน้าที่ของเราในการให้ และปล่อยให้ผู้อื่นมีอิสระในการคิดและทำอะไรก็ได้กับสิ่งที่เราให้

ยกตัวอย่างเช่น ในฐานะพ่อแม่ หน้าที่ของเราคือการสร้างโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้และเติบโต แต่การที่ลูกจะใช้โอกาสเหล่านั้นหรือไม่ เป็นการตัดสินใจของพวกเขา ในที่ทำงาน หน้าที่ของเราคือการทำงานให้ดีที่สุด ส่วนผู้อื่นจะชื่นชมความพยายามของเราหรือไม่ เป็นเรื่องของพวกเขา

ปัญหาความสัมพันธ์มักเกิดขึ้นเมื่อเราก้าวก่ายภารกิจของผู้อื่น เช่น การพยายามบังคับให้คนอื่นชื่นชมหรือยอมรับในสิ่งที่เราทำ ทั้งที่จริงแล้ว ภารกิจของเราคือการใช้ความรู้ความสามารถที่มีเพื่อสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น การมีส่วนร่วมของเราควรชัดเจนในตัวเอง โดยไม่ต้องการการยืนยันจากใคร

บางครั้งการมีส่วนร่วมที่ดีที่สุดอาจเป็นเพียงการรับฟังอย่างตั้งใจ การให้กำลังใจ หรือแม้แต่การให้พื้นที่ผู้อื่นได้เติบโตด้วยตัวเอง ยิ่งเราทุ่มเทกับการเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมากเท่าไร เราจะยิ่งพบความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนมากขึ้นเท่านั้น เพราะความสุขที่แท้จริงเกิดจากความรู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมในการสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่น

เมื่อเรารู้ว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดแล้ว เราก็ไม่ต้องกังวลว่าใครจะคิดอย่างไรกับเรา นี่คือสิ่งที่ Kishimi และ Koga เรียกว่า “ความกล้าที่จะถูกเกลียด” ซึ่งเป็นอิสรภาพขั้นสูงสุดที่จะปลดปล่อยเราจากความทุกข์ทั้งปวง และนำพาเราไปสู่ความสุขที่แท้จริงและยั่งยืน

การเดินทางสู่ความสุขที่แท้จริงอาจไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องและความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง เราทุกคนสามารถก้าวผ่านความกลัวและความทุกข์ไปสู่ชีวิตที่มีความหมายและเต็มเปี่ยมด้วยความสุขได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ The Courage to Be Disliked: How to Free Yourself, Change your Life and Achieve Real Happiness โดย Ichiro Kishimi, Fumitake Koga

จากคนที่แย่ที่สุด สู่คนที่ดีที่สุด : Your Future Self หยุดทำร้ายตัวเองในอนาคตด้วยการตัดสินใจผิดๆ วันนี้

ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกหนึ่งเล่มนะครับ หนังสือ “Your Future Self” ที่เขียนโดย Hal Hershfield ได้เปิดมุมมองใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง ผ่านแนวคิดที่ท้าทายความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าตัวตนของเราเป็นสิ่งที่หยุดนิ่งและไม่เปลี่ยนแปลง

Hershfield นำเสนอมุมมองที่แตกต่างว่า ตัวตนของเราคือการเดินทาง เป็นเรื่องราวที่เขียนขึ้นใหม่ได้เสมอผ่านการตัดสินใจและการกระทำในแต่ละวัน

เรื่องราวของ Pedro Rodriguez Filio ที่ถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างในหนังสือ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของมนุษย์ในการเปลี่ยนแปลงตนเอง แม้จะเคยเป็นอาชญากรที่โหดร้าย แต่เขาก็สามารถพลิกผันชีวิตและสร้างตัวตนใหม่ได้อย่างสิ้นเชิง

การเปลี่ยนแปลงของเขาไม่เพียงท้าทายความเชื่อเรื่องโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราตั้งคำถามกับความเชื่อที่ว่าตัวตนของเราถูกกำหนดโดยอดีตเพียงอย่างเดียว

การค้นพบตัวตน

จากการศึกษาของ Harvard Medical School พบว่า สมองของมนุษย์มีความยืดหยุ่นและสามารถสร้างเส้นทางประสาทใหม่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นพื้นฐานทางชีววิทยาที่รองรับความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตนเองของมนุษย์ เรื่องราวของ Rodriguez Filio เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความจริงข้อนี้

เขาเกิดมาในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรุนแรง มีรอยแผลเป็นบนกะโหลกศีรษะจากการถูกพ่อแท้ ๆ ทำร้าย ความรุนแรงในวัยเด็กนำไปสู่เส้นทางอาชญากรรม

จนกระทั่งในปี 1985 เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 71 ราย แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2007 เมื่อเขาได้รับโอกาสกลับสู่สังคม การเปลี่ยนแปลงของเขาเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมพื้นฐาน เช่น การตื่นแต่เช้าตรู่ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการละเว้นจากสิ่งเสพติดทุกชนิด

การศึกษาอันลึกซึ้งของ Professor Nina Strohminger ได้ช่วยไขปริศนาเกี่ยวกับธรรมชาติของอัตลักษณ์มนุษย์ ผ่านการศึกษาผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ ทั้งผู้ป่วย Alzheimer’s, ALS และ frontotemporal dementia ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า แก่นแท้ของตัวตนไม่ได้อยู่ที่ร่างกายหรือความทรงจำ แต่อยู่ที่คุณค่าทางศีลธรรมและจริยธรรมที่เรายึดถือ

นักประสาทวิทยาได้ค้นพบว่า บริเวณสมองส่วน prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงจริยธรรมและการควบคุมพฤติกรรม สามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้แม้ในวัยผู้ใหญ่ ผ่านการฝึกฝนและประสบการณ์ใหม่ๆ การค้นพบนี้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ Rodriguez Filio ที่เลือกสร้างตัวตนใหม่บนพื้นฐานของคุณค่าที่ดีงาม

ความท้าทายและอุปสรรค

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เราต้องเผชิญกับอคติทางความคิดหลายประการที่ฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือ “projection bias” ที่ทำให้เราเชื่อว่าความรู้สึกและความต้องการในปัจจุบันจะคงอยู่ตลอดไป เช่น การตัดสินใจซื้อบ้านในวันที่อากาศร้อนจัด อาจทำให้เราให้ความสำคัญกับระบบปรับอากาศมากเกินไป โดยลืมพิจารณาปัจจัยสำคัญอื่นๆ

อีกหนึ่งอคติที่สำคัญคือ “end of history illusion” ที่ทำให้เราเชื่อว่าตัวตน ความชอบ และค่านิยมของเราจะไม่เปลี่ยนแปลงในอนาคต

การศึกษาจาก MIT แสดงให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มักประเมินการเปลี่ยนแปลงของตนเองในอนาคตต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 40% ความเชื่อนี้อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม เช่น การสักรูปที่อาจไม่สะท้อนตัวตนในอนาคต หรือการเลือกเส้นทางอาชีพโดยไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของความสนใจ

ความท้าทายสำคัญอีกประการหนึ่งคือการมองตัวตนในอนาคตเป็นคนแปลกหน้า ทำให้เรามักตัดสินใจโดยคำนึงถึงแต่ความสุขเฉพาะหน้า เช่น การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยด้วยบัตรเครดิต การผลัดวันประกันพรุ่งในการทำงานสำคัญ หรือการเลือกรับประทานอาหารที่ให้ความสุขทันทีแทนที่จะคำนึงถึงสุขภาพในระยะยาว

การก้าวข้ามอุปสรรคสู่ความสำเร็จ

Hershfield นำเสนอกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคต โดยเริ่มจากการเปลี่ยนมุมมอง แทนที่จะมองพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า ให้มองว่าเป็นเพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือและการดูแล สร้างวิธีการในการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เช่น การเขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต การสร้างแคปซูลเวลาที่บรรจุความหวังและความฝันของเรา และการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนพร้อมแผนการปฏิบัติที่เป็นขั้นเป็นตอน

นักจิตวิทยาจาก University of Pennsylvania พบว่า การจินตนาการถึงตัวเองในอนาคตอย่างละเอียดสามารถเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานหนักเพื่อเป้าหมายระยะยาวได้ถึง 80%

การสร้างภาพที่ชัดเจนของตัวตนในอนาคตช่วยให้เราตัดสินใจในปัจจุบันได้ดีขึ้น เช่น การจินตนาการถึงตัวเองในวัยเกษียณที่มีความมั่นคงทางการเงิน อาจช่วยให้เราเริ่มออมและลงทุนตั้งแต่วันนี้

การสร้างสมดุลระหว่างความสุขในปัจจุบันกับเป้าหมายระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ แทนที่จะมองว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราสามารถผสมผสานทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันได้อย่างชาญฉลาด เช่น การฟัง Audio Book หรือพอดแคสต์ที่ให้ความรู้ระหว่างออกกำลังกาย การทำงานในร้านกาแฟที่ชื่นชอบเพื่อเพิ่มความสุขในการทำงาน หรือการแบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นขั้นตอนย่อยๆ ที่ทำให้รู้สึกสำเร็จและมีความสุขได้ในทุกๆ วัน

การวิจัยด้านพฤติกรรมศาสตร์พบว่า การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อพฤติกรรมที่ต้องการมีประสิทธิภาพมากกว่าการพึ่งพาแรงจูงใจเพียงอย่างเดียวถึง 3 เท่า ดังนั้น การจัดสภาพแวดล้อมให้สนับสนุนเป้าหมายระยะยาว เช่น การเก็บอาหารที่มีประโยชน์ไว้ใกล้มือ การตั้งค่าหักเงินออมอัตโนมัติ หรือการจัดตารางเวลาที่เอื้อต่อการออกกำลังกาย จึงเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

บทส่งท้าย: สู่อนาคตที่ดีกว่า

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์และความมุ่งมั่นในการพัฒนา แนวคิดของ Hershfield ไม่เพียงช่วยเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวตนในปัจจุบันและอนาคต แต่ยังชี้ให้เห็นว่า การสร้างความเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคตเป็นกุญแจสำคัญสู่การตัดสินใจที่ดีในปัจจุบัน

เมื่อเรามองตัวตนในอนาคตเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ไกลเกินเอื้อม เราจะเริ่มเห็นว่าการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันล้วนมีความหมาย เปรียบเสมือนการวาดภาพที่ค่อยๆ เติมสีและรายละเอียดทีละนิด จนกลายเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบในที่สุด

ในท้ายที่สุด การสร้างอนาคตที่ดีกว่าไม่ใช่เรื่องของการเสียสละความสุขในปัจจุบันทั้งหมด แต่เป็นเรื่องของการสร้างสมดุลและความเชื่อมโยงระหว่างตัวตนในแต่ละช่วงเวลา เหมือนการเต้นรำที่ต้องก้าวไปข้างหน้าและถอยหลังอย่างสอดประสาน เพื่อสร้างท่วงทำนองที่งดงามของชีวิตนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Your Future Self: How to Make Tomorrow Better Today โดย Hal Hershfield

หยุด 3 ความคิดทำลายจิตใจ : บทเรียนจาก Amy Morin ที่จะทำให้คุณลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

ชีวิตมักเต็มไปด้วยเรื่องราวที่คาดไม่ถึง เฉกเช่นเรื่องราวของ Amy Morin นักจิตบำบัดวัย 23 ปี ที่กำลังมีความสุขกับการดูบาสเกตบอลและหัวเราะร่วมกับแม่ของเธอ

แต่โชคชะตากลับพลิกผัน เมื่อเพียง 24 ชั่วโมงต่อมา แม่ของเธอจากไปอย่างกะทันหันด้วยโรคหลอดเลือดสมองแตก ความโศกเศร้าครั้งนั้นยังไม่ทันจางหาย อีกสามปีต่อมา สามีของเธอก็เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ

ความสูญเสียครั้งใหญ่ทั้งสองครั้งผลักให้ Amy ตกอยู่ในห้วงแห่งความซึมเศร้า แต่ด้วยความที่เธอเป็นนักจิตบำบัด เธอตระหนักดีว่าต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งไปมากกว่านี้ เธอจึงเริ่มบันทึกสิ่งที่คนจิตใจเข้มแข็งไม่ทำ เพื่อใช้เป็นเข็มทิศนำทางชีวิตของตนเอง

จากประสบการณ์การทำงานด้านจิตบำบัดและการเยียวยาตนเอง Amy ค้นพบว่ามีสามนิสัยทางความคิดสำคัญที่มักบั่นทอนจิตใจมนุษย์ หากเราสามารถแก้ไขนิสัยเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยป้องกันพฤติกรรมทำลายจิตใจอื่นๆ ได้โดยอัตโนมัติ

นิสัยแรกคือ “การรู้สึกว่าโลกเป็นหนี้บุญคุณ” เมื่อประสบความล้มเหลวในการทำธุรกิจ หลายคนมักคิดว่า “ฉันทำงานหนักมาตลอด ฉันไม่สมควรได้รับสิ่งนี้” หรือ “ฉันเป็นคนดี มันไม่ยุติธรรมเลย”

ความคิดเช่นนี้เป็นการเปิดประตูต้อนรับความคับข้องใจและความโกรธเข้ามาในชีวิต Amy อธิบายว่าความคิดนี้มักหยั่งรากลึกมาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อเราทำดีและขยัน พ่อแม่หรือครูก็จะตอบแทนด้วยรางวัลหรือคำชม แต่เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ โลกไม่ได้ทำงานในลักษณะเดียวกัน

นิสัยที่สองคือ “การหมกมุ่นกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้” เรื่องราวของ Heather von St. James เป็นแบบอย่างที่ดีของการเอาชนะนิสัยนี้ เมื่อเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตอนลูกสาวอายุเพียงสามเดือน แทนที่จะจมอยู่กับความกลัว เธอเลือกที่จะต่อสู้ หลังผ่านการรักษาด้วยการผ่าตัดและเคมีบำบัดเป็นเวลาหนึ่งปี เธอหายจากโรคร้าย แต่ความกลัวว่ามะเร็งจะกลับมายังคงหลอกหลอนเธอ

Heather จึงคิดค้นพิธีกรรมที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นคือการเขียนความกลัวลงบนจานแล้วทุบจานทิ้งในกองไฟ พิธีกรรมนี้ช่วยให้เธอปลดปล่อยความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และนำพลังงานไปใช้กับสิ่งที่เธอทำได้ ปัจจุบันเธอได้กลายเป็นผู้จัดงานระดมทุนวิจัยมะเร็งประจำปีที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่าแปดสิบคน

นิสัยที่สามคือ “การทำความผิดพลาดซ้ำซาก” คนที่มีจิตใจเข้มแข็งจะหยุดและวิเคราะห์สาเหตุของความล้มเหลวก่อนลุกขึ้นเริ่มต้นใหม่ Amy แนะนำเทคนิคการมองตัวเองจากมุมมองบุคคลที่สาม เสมือนเรากำลังให้คำปรึกษาเพื่อน วิธีนี้จะช่วยให้เรามองเห็นปัจจัยต่างๆ ที่นำไปสู่ความผิดพลาดได้ชัดเจนขึ้น ทั้งในแง่ความคิด พฤติกรรม และปัจจัยภายนอก

เทคนิคที่ Amy แนะนำอีกประการหนึ่งคือการเขียนรายการเหตุผลที่ไม่ควรทำผิดซ้ำและพกติดตัวไว้ เช่น หากต้องการสร้างนิสัยออกกำลังกายหลังอาหารเย็น ให้เขียนเหตุผลสำคัญที่เราควรออกกำลังกายแทนการดูโทรทัศน์ เมื่อใดที่รู้สึกท้อหรืออยากล้มเลิก การอ่านรายการนี้จะช่วยกระตุ้นแรงจูงใจให้เรายังคงเดินหน้าต่อไป

การเอาชนะนิสัยทั้งสามประการนี้จะส่งผลกระเพื่อมไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านอื่นๆ ในชีวิต เมื่อเราเลิกคิดว่าโลกเป็นหนี้บุญคุณ เราจะเริ่มมองเห็นคุณค่าของการให้มากกว่าการรับ ความอิจฉาริษยาในความสำเร็จของผู้อื่นจะค่อยๆ จางหายไป เพราะเราตระหนักว่าทุกคนล้วนต้องฝ่าฟันอุปสรรคของตัวเอง

เมื่อเราหยุดหมกมุ่นกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ พลังงานที่เคยสูญเสียไปกับการครุ่นคิดถึงอดีตหรือกังวลกับคำพูดของผู้อื่นจะถูกนำมาใช้ในทางที่สร้างสรรค์มากขึ้น เราจะเริ่มเห็นว่าการพยายามเอาใจคนอื่นเป็นเรื่องสิ้นเปลือง เพราะเราไม่มีทางควบคุมความคิดหรือการกระทำของพวกเขาได้

และเมื่อเรามุ่งมั่นที่จะไม่ทำผิดซ้ำ เราจะกล้าเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงอย่างมีเหตุผล ความกลัวที่จะล้มเหลวจะถูกแทนที่ด้วยความเข้าใจว่าความผิดพลาดคือบทเรียน เราจะไม่คาดหวังผลลัพธ์ในทันที และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อเจอกับความล้มเหลวครั้งแรก

ที่สำคัญไปกว่านั้น เราจะเริ่มเห็นคุณค่าของการอยู่กับตัวเอง ช่วงเวลาที่อยู่ตามลำพังจะกลายเป็นโอกาสอันมีค่าในการทบทวนตนเอง เหมือนดังที่ Amy ได้ค้นพบในช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย ว่าการอยู่คนเดียวไม่ได้หมายถึงความโดดเดี่ยว แต่เป็นโอกาสในการเยียวยาและค้นพบพลังภายในตัวเอง

บทเรียนจากประสบการณ์ของ Amy Morin แสดงให้เห็นว่าจิตใจที่เข้มแข็งไม่ได้หมายถึงการไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือท้อแท้ แต่หมายถึงความสามารถในการรับมือกับความท้าทายของชีวิตอย่างชาญฉลาด

เมื่อเราเข้าใจและหลีกเลี่ยงนิสัยทางความคิดที่บั่นทอนจิตใจ โดยเฉพาะสามนิสัยหลักที่ได้กล่าวมา เราจะพบว่าตัวเองมีความยืดหยุ่นทางจิตใจมากขึ้น พร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การเดินทางสู่การมีจิตใจที่เข้มแข็งอาจไม่ใช่เส้นทางที่ราบรื่น แต่ด้วยความเข้าใจและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เราทุกคนสามารถพัฒนาความเข้มแข็งทางจิตใจได้ เฉกเช่นที่ Amy ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ในยามที่ชีวิตมืดมน เรายังสามารถลุกขึ้นยืนและก้าวเดินต่อไปได้อย่างสง่างาม

References :
หนังสือ 13 Things Mentally Strong People Don’t Do: Take Back Your Power, Embrace Change, Face Your Fears, and Train Your Brain for Happiness and Success โดย Amy Morin