Geek Life EP131 : 3 บทเรียนสำคัญจาก Winning เคล็ดลับที่ทำให้ Jordan และ Kobe กลายเป็นตำนาน

ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการทุ่มเทและความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ

Tim Grover ผู้เขียนหนังสือ Winning ได้ใช้เวลากว่าสองทศวรรษในการศึกษาและทำงานร่วมกับนักกีฬาระดับตำนานอย่าง Michael Jordan และ Kobe Bryant ในฐานะเทรนเนอร์ส่วนตัว ประสบการณ์อันล้ำค่านี้ทำให้เขาได้เรียนรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็นผู้ชนะอย่างลึกซึ้ง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/mf47sh7z

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/332xza22

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/vd5sshfeiLU

3 บทเรียนสำคัญจาก Winning : เคล็ดลับที่ทำให้ Jordan และ Kobe กลายเป็นตำนาน

ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการทุ่มเทและความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ

Tim Grover ผู้เขียนหนังสือ Winning ได้ใช้เวลากว่าสองทศวรรษในการศึกษาและทำงานร่วมกับนักกีฬาระดับตำนานอย่าง Michael Jordan และ Kobe Bryant ในฐานะเทรนเนอร์ส่วนตัว ประสบการณ์อันล้ำค่านี้ทำให้เขาได้เรียนรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็นผู้ชนะอย่างลึกซึ้ง

จากสนามบาสสู่สนามชีวิต

การเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้กับ Michael Jordan ยาวนานถึง 15 ปี และ Kobe Bryant อีก 9 ปี ทำให้ Grover ได้เห็นการพัฒนาและการเติบโตของพวกเขาในทุกแง่มุม ไม่เพียงแค่การเตรียมความพร้อมทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกฝนทางจิตใจและการสร้างทัศนคติของผู้ชนะ

หลักการและแนวคิดที่พวกเขาใช้ในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นเลิศนั้นสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกแง่มุมของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การแข่งขันในธุรกิจ หรือการบรรลุเป้าหมายส่วนตัวที่ท้าทาย

บทเรียนสำคัญที่ Grover ได้เรียนรู้คือ ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์หรือโชคชะตา แต่เป็นผลมาจากการตัดสินใจและการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกๆ วัน

การเลือกที่จะลุกขึ้นมาซ้อมในขณะที่คนอื่นยังนอนหลับ การยอมอดทนกับความเจ็บปวดในขณะที่คนอื่นเลือกความสบาย และการมุ่งมั่นฝึกฝนต่อไปแม้จะเหนื่อยล้าในขณะที่คนอื่นยอมแพ้

รหัสลับสู่ชัยชนะ

Grover อธิบายถึงการชนะด้วยอุปมาอุปไมยที่น่าสนใจ โดยเปรียบเสมือนว่าชัยชนะครั้งต่อไปของเราถูกเก็บไว้ในตู้เซฟ และมีสิ่งที่เรียกว่า “การชนะ” เป็นผู้ถือรหัสลับ “การชนะ” นี้จะคอยสังเกตและประเมินการกระทำของเราตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อพิจารณาว่าเราคู่ควรกับชัยชนะหรือไม่ โดยมีคำถามสำคัญสามข้อที่เราต้องตอบให้ได้

1. ความกล้าที่จะเดิมพันกับตนเอง

ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จล้วนต้องผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่เชื่อมั่นจากผู้อื่น เหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าที่จะเดิมพันกับตนเองเกิดขึ้นในปี 1990

หลังจากที่ทีม Chicago Bulls พ่ายแพ้ต่อ Detroit Pistons ในรอบเพลย์ออฟ นักวิจารณ์มากมายต่างลงความเห็นว่า Jordan ไม่มีทางรับมือกับสไตล์การเล่นที่หนักหน่วงของ Pistons ได้

แทนที่จะย่อท้อ Jordan กลับทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักจนสามารถเพิ่มกล้ามเนื้อได้ถึง 15 ปอนด์ในช่วงซัมเมอร์เดียว แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลเสียต่อการยิง แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นพัฒนาตนเองต่อไป จนในที่สุดสามารถปรับปรุงเปอร์เซ็นต์การยิงให้ดีขึ้น และนำทีมเอาชนะ Pistons จนคว้าแชมป์แรกได้สำเร็จ

เช่นเดียวกับ Kobe Bryant ที่ตัดสินใจก้าวกระโดดเข้าสู่ NBA ทันทีหลังจบมัธยมปลาย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง เพียงสี่ปีต่อมา เขาก็สั่งสมประสบการณ์มากพอที่จะนำทีม Lakers คว้าแชมป์สามสมัยติดต่อกัน

เมื่อถูกท้าทายว่าไม่สามารถคว้าแชมป์ได้โดยปราศจาก Shaquille O’Neal เขาก็พิสูจน์ให้เห็นด้วยการปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นจนสามารถคว้าแชมป์เพิ่มได้อีกสองสมัย

และแม้กระทั่งหลังเกษียณจากวงการบาสเกตบอล Kobe ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความกล้าที่จะท้าทายตัวเองในวงการใหม่ ด้วยการคว้ารางวัล Oscar จากภาพยนตร์สั้นเรื่อง “Dear Basketball” ที่เขาเป็นทั้งผู้บรรยายและผู้ผลิต

2. การยอมรับและใช้ประโยชน์จากด้านมืด

หนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจที่สุดในหนังสือ Winning คือการมองด้านมืดในตัวเองในแง่บวก Grover เชื่อว่าทุกคนมีด้านมืดในตัวเอง แต่สิ่งที่แยกผู้ชนะออกจากคนทั่วไปคือความกล้าที่จะยอมรับและใช้ประโยชน์จากมัน

Kobe เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ประโยชน์จากด้านมืด เขาสร้างบุคลิกภาพที่แยกต่างหากในชื่อ “Black Mamba” ซึ่งเป็นเสมือนหน้ากากที่เขาสวมใส่เมื่อต้องการตัดขาดจากสิ่งรบกวนและยกระดับผลงานของตนเอง

Black Mamba ไม่ใช่แค่ฉายา แต่เป็นการแปลงร่างทางจิตวิทยาที่ช่วยให้ Kobe สามารถแยกตัวตนส่วนตัวออกจากนักกีฬามืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์

Jordan เองก็ใช้ด้านมืดเป็นแรงผลักดัน โดยเฉพาะความผิดหวังจากการถูกตัดตัวจากทีมบาสเกตบอลมัธยมปลาย ความเจ็บปวดนั้นฝังลึกจนกระทั่งเขายังกล่าวถึงในสุนทรพจน์ตอนเข้าหอเกียรติยศหลังผ่านไป 31 ปี แสดงให้เห็นว่าประสบการณ์ด้านลบสามารถกลายเป็นเชื้อเพลิงอันทรงพลังได้หากรู้จักใช้มันอย่างถูกต้อง

Grover เปรียบเทียบด้านมืดกับพลังพิเศษของซูเปอร์ฮีโร่ เช่น ชุดเกราะของ Iron Man กำไลข้อมือของ Wonder Woman โล่ของ Captain America ค้อนของ Thor และหน้ากากของ Batman ด้านมืดเป็นเสมือนพลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใน รอเวลาที่จะถูกปลดปล่อยออกมาในยามที่ต้องการ

3. การใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล

หนึ่งในบทเรียนที่ยากที่สุดของการเป็นผู้ชนะคือการยอมรับว่าความสำเร็จมักมาพร้อมกับการเสียสละ Grover เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่สะเทือนใจ เมื่อลูกสาววัย 5 ขวบถามว่า “คุณพ่อคะ ทำไมพ่อต้องเดินทางบ่อยจัง?” เขาอธิบายว่าเขาเดินทางเพื่อทำงานและหาเลี้ยงครอบครัว แต่คำตอบของลูกสาวที่ว่า “ถ้าหนูกินน้อยลง พ่อจะอยู่บ้านมากขึ้นไหมคะ?” ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกรถชน จนต้องหันหน้าหนีเพื่อซ่อนน้ำตาของลูกผู้ชาย

Grover ยอมรับว่าถ้าเป็นในภาพยนตร์ พ่อคนหนึ่งอาจจะตัดสินใจเลือกครอบครัวและยุติการเดินทาง แต่ในความเป็นจริง การชนะเรียกร้องความทุ่มเทอย่างไม่มีขีดจำกัด บางครั้งอาจถูกมองว่าคลั่งไคล้ เห็นแก่ตัว หรือละเลยด้านอื่นๆ ของชีวิต แต่นี่คือความจริงที่ผู้ต้องการความสำเร็จต้องเผชิญ

ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการกีฬา แต่ปรากฏในทุกสาขาอาชีพที่ต้องการความเป็นเลิศ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นนวัตกรรม ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานระดับโลก ล้วนต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากระหว่างการไล่ตามความฝันกับการใช้เวลากับครอบครัวและชีวิตส่วนตัว

การยอมรับความไม่สมดุลไม่ได้หมายความว่าเราต้องละทิ้งทุกสิ่ง แต่หมายถึงการเข้าใจว่าในช่วงเวลาสำคัญของการไล่ตามเป้าหมาย เราอาจต้องให้ความสำคัญกับบางด้านของชีวิตมากกว่าด้านอื่นๆ เป็นการชั่วคราว ความท้าทายอยู่ที่การหาจุดที่เหมาะสมระหว่างการทุ่มเทเพื่อความสำเร็จกับการรักษาความสัมพันธ์ที่สำคัญในชีวิต

ราคาของชัยชนะ

Grover เน้นย้ำว่าการชนะไม่ใช่สิ่งที่จะครอบครองได้ถาวร แต่เปรียบเสมือนการเช่าที่ต้องจ่ายค่าเช่าใหม่ทุกวัน แม้จะประสบความสำเร็จแล้ว ก็ต้องพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่และฝ่าฟันอุปสรรคอีกครั้งเพื่อรักษาความสำเร็จนั้นไว้

เขาอธิบายว่า “การชนะไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ เราแค่เช่ามันได้เท่านั้น และไม่ว่าเราจะจ่ายเท่าไหร่ เราก็ต้องจ่ายทั้งหมดอีกครั้งเมื่อตื่นขึ้นหลังจากชัยชนะ”

ความสำเร็จเปรียบเสมือนการปีนเขา เมื่อถึงยอดเขาลูกหนึ่ง เรามักจะเห็นยอดเขาที่สูงกว่ารออยู่เบื้องหน้า การรักษาตำแหน่งผู้นำหรือแชมป์มักจะยากกว่าการก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้นเสียอีก เพราะทุกคนต่างจับจ้องและพยายามที่จะแซงขึ้นมา

บทเรียนสุดท้าย: เวลาคือทรัพยากรที่มีจำกัด

ท้ายที่สุด Grover เตือนว่าเวลาและโอกาสนั้นมีจำกัด เขามักพูดคุยกับ Kobe เสมอว่าไม่ควรคิดว่าเรามีเวลาเหลือเฟือ ซึ่งการจากไปอย่างกะทันหันของ Kobe ในปี 2020 ยิ่งตอกย้ำความสำคัญของการลงมือทำในวันนี้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

การรอคอยเวลาที่เหมาะสมอาจเป็นข้ออ้างที่อันตรายที่สุดในการไม่ลงมือทำ เพราะความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตคือการคิดว่าเรามีเวลาเหลือเฟือ ทักษะและโอกาสของเรามีวันหมดอายุ และบางครั้งเราอาจไม่ได้รับโอกาสที่สองให้แก้ตัวอีกต่อไป

บทสรุป

หนังสือ Winning ไม่เพียงแต่เป็นคู่มือสู่ความสำเร็จ แต่ยังเป็นการเปิดเผยความจริงอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับราคาที่ต้องจ่ายเพื่อก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด Grover ได้ถ่ายทอดบทเรียนอันล้ำค่าที่ได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับนักกีฬาระดับตำนาน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกแง่มุมของชีวิต

หนังสือเล่มนี้อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน แต่สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจและแนวทางในการยกระดับตัวเองสู่ความเป็นเลิศ Winning จะเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นว่าเราพร้อมที่จะจ่ายเพื่อความสำเร็จมากแค่ไหน และช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมบางคนถึงประสบความสำเร็จในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่กับความฝัน

References :
หนังสือ Winning: The Unforgiving Race to Greatness โดย Tim Grover

Geek Life EP120 : เปลี่ยนความกังวลให้เป็นพลังบวก ไขความลับความกังวลของคนดัง ที่เปลี่ยนพวกเขาให้ประสบความสำเร็จ

มนุษย์ทุกคนล้วนมีประสบการณ์เกี่ยวกับความวิตกกังวล แต่น้อยคนนักที่จะสามารถเปลี่ยนความรู้สึกนี้ให้กลายเป็นพลังบวกได้

ย้อนกลับไปกว่าสองทศวรรษ David Rosmarin ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่เผชิญกับอาการวิตกกังวลได้อย่างแม่นยำ ความรู้สึกร้อนผ่าวที่แล่นปราดขึ้นมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว ลมหายใจที่ถี่กระชั้นจนควบคุมไม่ได้ และเหงื่อเย็นๆ ที่ซึมออกมาตามผิวกาย

นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจอุทิศตนในการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับความวิตกกังวล จนกระทั่งได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักจิตวิทยาคลินิกและก่อตั้งศูนย์บำบัดรักษาอาการวิตกกังวล

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/327uvaws

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/3hzpefjt

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/tpRtsUG6Zpc

Geek Life EP117 : Ego คือศัตรู ทำไมคนเก่งถึงพังในวันสำคัญ เผยวิธีรับมือแบบนักกีฬามืออาชีพ

ณ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว Sochi 2014 Craig Manning ยืนอยู่ท่ามกลางโค้ชและนักกีฬาทีมชาติสหรัฐอเมริกาในพื้นที่ที่พวกเขาเรียกว่า “the pit” ขณะชมการแข่งขันรายการแรก คำถามหนึ่งผุดขึ้นในความคิด: อะไรคือปัจจัยที่ทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดเช่นนี้?

การได้เป็นตัวแทนประเทศในกีฬาโอลิมปิกนั้นถือเป็นจุดสูงสุดของนักกีฬาอยู่แล้ว แต่พวกเขายังต้องแข่งขันกับนักกีฬาที่เก่งที่สุดจากทั่วโลก นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องเป็นที่สุดในบรรดาผู้ที่เป็นที่สุดอยู่แล้ว แล้วเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้ พวกเขาจะทำอย่างไรให้ไม่เพียงแค่ได้เหรียญ แต่ต้องเป็นเหรียญทองด้วย?

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/5ccr2492

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4mtxk4ub

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/sdYsWmv5wCY

เปลี่ยนความกังวลให้เป็นพลังบวก : ไขความลับความกังวลของคนดัง ที่เปลี่ยนพวกเขาให้ประสบความสำเร็จ

มนุษย์ทุกคนล้วนมีประสบการณ์เกี่ยวกับความวิตกกังวล แต่น้อยคนนักที่จะสามารถเปลี่ยนความรู้สึกนี้ให้กลายเป็นพลังบวกได้

ย้อนกลับไปกว่าสองทศวรรษ David Rosmarin ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่เผชิญกับอาการวิตกกังวลได้อย่างแม่นยำ ความรู้สึกร้อนผ่าวที่แล่นปราดขึ้นมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว ลมหายใจที่ถี่กระชั้นจนควบคุมไม่ได้ และเหงื่อเย็นๆ ที่ซึมออกมาตามผิวกาย

นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจอุทิศตนในการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับความวิตกกังวล จนกระทั่งได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักจิตวิทยาคลินิกและก่อตั้งศูนย์บำบัดรักษาอาการวิตกกังวล

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ในระหว่างการทำงาน Rosmarin ค้นพบว่าการพยายามกำจัดความวิตกกังวลให้หมดไปจากชีวิตอาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุด เพราะความวิตกกังวลในระดับที่เหมาะสมสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จได้

ดังจะเห็นได้จากบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์หลายท่าน อย่างเช่น Sir Winston Churchill ที่เคยเผชิญกับอาการกลัวการพูดในที่สาธารณะอย่างรุนแรงจนต้องหยุดนิ่งไปถึงสามนาทีในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่สภา แต่ด้วยการเผชิญหน้ากับความกลัวนั้น Churchill ได้พัฒนาตนเองจนกลายเป็นหนึ่งในนักพูดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 20

เช่นเดียวกับ Oprah Winfrey ที่เคยประสบกับภาวะวิตกกังวลอย่างหนักในช่วงทศวรรษ 1990 หลังจากภาพยนตร์ของเธอทำรายได้ไม่ดี จนต้องพึ่งพาการกินเพื่อกลบความรู้สึก แต่ประสบการณ์นั้นได้สอนให้เธอเรียนรู้ที่จะปล่อยวางความคาดหวังและก้าวผ่านความล้มเหลว จนสามารถพัฒนาตนเองขึ้นมาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการสื่อ

หรืออย่าง Taylor Swift ที่เคยเผชิญกับความกลัวอย่างรุนแรงในการร้องเพลงชาติครั้งแรก แต่เธอได้เรียนรู้ที่จะแบ่งปันความรู้สึกผ่านบทเพลง จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย

ประสบการณ์จากการทำงานของ Rosmarin ได้พบกับกรณีที่น่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของ Nicole ผู้ป่วยที่มีอาการ hypochondriasis

แม้ผล MRI จะยืนยันว่าเธอปกติดี แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นโรคหลอดเลือดโป่งพอง จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

Nicole ได้เข้ารับการบำบัดด้วยวิธี exposure therapy ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากับความกลัวโดยตรง ทั้งการศึกษาข้อมูล การดูวิดีโอ การเข้าไปที่แผนกประสาทวิทยา และที่ท้าทายที่สุดคือการนั่งรถไฟใต้ดินในนิวยอร์กโดยไม่พกโทรศัพท์

หลังจากผ่านการบำบัดได้ไม่นาน Nicole ก็ตั้งครรภ์ และพบว่าทารกในครรภ์มีภาวะหลอดเลือดโป่งพองจริงๆ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เธอสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างเข้มแข็ง จนสามารถพาลูกชายผ่านการผ่าตัดและเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง

จากประสบการณ์ของ Nicole ทำให้เห็นว่า ความวิตกกังวลสามารถเปลี่ยนเป็นพลังในการเอาชนะอุปสรรคได้ เช่นเดียวกับประสบการณ์ส่วนตัวของ Rosmarin ที่เคยมีความกลัวความล้มเหลวในหน้าที่การงานอย่างมาก จนบางครั้งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น

โดยเฉพาะในช่วงแรกที่พบกับ Miri ภรรยาของเขา ที่มักจะสร้างกำแพงและไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง แต่ด้วยความรักและความเข้าใจที่ไม่มีเงื่อนไขจากเธอ ทำให้ Rosmarin กล้าที่จะเริ่มแบ่งปันความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น

ความจริงแล้วการปล่อยวางเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับทุกคน แต่หากเราสามารถยอมรับและเตรียมใจรับมือกับมันได้ ความวิตกกังวลก็จะกลายเป็นแรงผลักดันที่มีพลัง

เหมือนกับที่เราเห็นได้จากความนิยมของภาพยนตร์แนวแอคชั่นและผจญภัยที่มียอดขายมากกว่า 50% ของรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ และภาพยนตร์สยองขวัญที่กลายเป็นประเภทภาพยนตร์ที่ทำกำไรมากที่สุด สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์เรามีความต้องการที่จะสัมผัสกับความตื่นเต้นในบางครั้ง

สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนความวิตกกังวลให้เป็นพันธมิตรแทนที่จะเป็นศัตรู Rosmarin ได้นำเสนอแนวทางสี่ประการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ โดยเริ่มจากการระบุสาเหตุที่แท้จริงของความกลัว ใช้เวลาทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตนเองอย่างลึกซึ้ง

ต่อมาคือการแบ่งปันความรู้สึกกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน จากนั้นคือการยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่พยายามต่อสู้หรือกดมันเอาไว้ และสุดท้ายคือการปล่อยวาง ยอมรับว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้

ความวิตกกังวลเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและใช้มันให้เป็นประโยชน์ จะช่วยให้เราเติบโตและพัฒนาตนเองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เปรียบเสมือนการเดินทางที่แม้จะมีอุปสรรค แต่ทุกก้าวที่ผ่านไปล้วนมีคุณค่าและความหมาย การเผชิญหน้ากับความวิตกกังวลจึงไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชนะ แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันอย่างสมดุล

อย่างไรก็ตาม หากความวิตกกังวลส่งผลกระทบรุนแรงต่อการดำเนินชีวิต การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะการดูแลสุขภาพจิตก็สำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพกาย และไม่ใช่เรื่องที่ต้องอับอายแต่อย่างใดนั่นเองครับผม

References :
How to turn anxiety into your ally, not your enemy | David H. Rosmarin | TEDxNashville
https://youtu.be/iMJ_lpxiTNg?si=yDfrUs5Gk5KwnyQ9