Geek Life EP125 : 3 นิสัยหยุดล้มเหลวตลอดกาล ทำไมคนเก่งถึงเก่งได้ตลอด เคล็ดลับความสำเร็จจาก CEO ระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความท้าทาย การพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะทำได้สำเร็จ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยยกระดับชีวิตของคุณสู่อีกขั้น ผ่านแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Brendon Bouchard ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4r9wt5b6

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/f7da9z33

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/kUpj1hkhE2w

Geek Life EP120 : เปลี่ยนความกังวลให้เป็นพลังบวก ไขความลับความกังวลของคนดัง ที่เปลี่ยนพวกเขาให้ประสบความสำเร็จ

มนุษย์ทุกคนล้วนมีประสบการณ์เกี่ยวกับความวิตกกังวล แต่น้อยคนนักที่จะสามารถเปลี่ยนความรู้สึกนี้ให้กลายเป็นพลังบวกได้

ย้อนกลับไปกว่าสองทศวรรษ David Rosmarin ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่เผชิญกับอาการวิตกกังวลได้อย่างแม่นยำ ความรู้สึกร้อนผ่าวที่แล่นปราดขึ้นมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว ลมหายใจที่ถี่กระชั้นจนควบคุมไม่ได้ และเหงื่อเย็นๆ ที่ซึมออกมาตามผิวกาย

นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจอุทิศตนในการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับความวิตกกังวล จนกระทั่งได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักจิตวิทยาคลินิกและก่อตั้งศูนย์บำบัดรักษาอาการวิตกกังวล

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/327uvaws

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/3hzpefjt

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/tpRtsUG6Zpc

3 นิสัยหยุดล้มเหลวตลอดกาล : ทำไมคนเก่งถึงเก่งได้ตลอด เคล็ดลับความสำเร็จจาก CEO ระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความท้าทาย การพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะทำได้สำเร็จ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยยกระดับชีวิตของคุณสู่อีกขั้น ผ่านแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Brendon Bouchard ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์

Brendon Bouchard ไม่ใช่เพียงนักเขียนหรือโค้ชธรรมดา แต่เขาได้ฝึกอบรมผู้คนกว่า 2 ล้านคนผ่านระบบออนไลน์ในด้านการพัฒนาประสิทธิภาพ และใช้เวลาถึง 3 ปีในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และติดตามผลการเปลี่ยนแปลงของผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด เพื่อค้นหาว่าอะไรคือนิสัยที่แท้จริงของผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูง

จากการศึกษาอย่างละเอียดของ Bouchard พบว่ามีนิสัยสำคัญสามประการที่โดดเด่นและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยแต่ละนิสัยมีพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง

การเปลี่ยนความตึงเครียดให้เป็นพลัง

เรื่องราวที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อ Bouchard ได้รับการติดต่อจาก CEO แห่งหนึ่งใน Silicon Valley ผู้กำลังเผชิญกับวิกฤตชีวิต ทั้งด้านการงานและชีวิตครอบครัว ความเครียดจากการทำงานได้คืบคลานเข้ามาทำลายความสัมพันธ์กับภรรยา จนเขารู้สึกหมดไฟและสิ้นหวัง

Bouchard ได้แนะนำเทคนิคง่ายๆ แต่ทรงพลัง นั่นคือการฝึกปล่อยวางความตึงเครียดก่อนเข้าสู่สถานการณ์สำคัญ โดยเริ่มจากการหยุดพัก หลับตา และพูดคำว่า “ปล่อยวาง” กับตัวเอง พร้อมกับค่อยๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน จากไหล่ คอ ใบหน้า กราม หลัง และขา จากนั้นให้ถามตัวเองว่า “ความรู้สึกที่เราต้องการนำเข้าไปในสถานการณ์นี้คืออะไร?”

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับ CEO ท่านนี้น่าประทับใจมาก เขาสามารถกลับไปสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขกับภรรยาได้อีกครั้ง และรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เทคนิคนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องครอบครัว แต่สามารถนำไปใช้ได้ในทุกช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นก่อนเข้าประชุม ก่อนออกกำลังกาย หรือแม้แต่ก่อนเริ่มต้นวันใหม่

ผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงเข้าใจดีว่า พวกเขามีอำนาจในการเลือกและสร้างอารมณ์ที่ต้องการได้ แทนที่จะปล่อยให้อารมณ์ถูกกำหนดโดยสภาพแวดล้อมภายนอก

การสร้างความจำเป็นผ่านตัวตน

“คุณไม่มีทางรู้ว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหน จนกว่าการแข็งแกร่งจะเป็นทางเลือกเดียวที่คุณมี” คำพูดอันทรงพลังของ Bob Marley สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจสำคัญของนิสัยประการที่สอง นั่นคือการสร้างความรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ

แนวคิดนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์การรบของแม่ทัพจีน Sun Tzu (ซุนวู) ที่ว่า เมื่อกองทัพต้องต่อสู้ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางถอย เพราะมีภูเขาหรือมหาสมุทรขวางอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจะต่อสู้ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า เพราะนั่นคือ “พื้นที่แห่งความตาย” ที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเอาชนะให้ได้

ผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงใช้หลักการเดียวกันนี้ในการสร้างตัวตนที่ผูกติดกับเป้าหมายและความสำเร็จ พวกเขาไม่ได้แค่หวังว่าจะทำได้ดี แต่สร้างสถานการณ์และกรอบความคิดที่ทำให้การประสบความสำเร็จกลายเป็นสิ่งจำเป็น เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของพวกเขาไปเลย

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือนักกีฬาระดับโลก แม้การฝึกซ้อมอย่างหนักจะไม่ใช่เรื่องสนุก แต่พวกเขาทำเพราะมันคือส่วนหนึ่งของการเป็นนักกีฬาระดับแชมเปี้ยน การฝึกซ้อมไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นที่สอดคล้องกับตัวตนของพวกเขา

การนำศักยภาพสูงสุดมาใช้เพื่อผู้อื่น

นิสัยประการสุดท้ายที่น่าสนใจคือการค้นพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงมักไม่ได้มุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงโลกหรือช่วยเหลือคนนับล้าน แต่พวกเขามักจะมุ่งเน้นที่การช่วยเหลือคนเพียงคนเดียว การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมเช่นนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถรักษาแรงจูงใจและความมุ่งมั่นได้ดีกว่า

Bouchard แนะนำให้ฝึกถามตัวเองว่า “ใครต้องการศักยภาพสูงสุดของเรา?” คำถามนี้จะช่วยให้เรามองเห็นภาพที่ชัดเจนว่าใครคือคนที่จะได้รับประโยชน์จากความพยายามของเรา อาจจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ

การมีภาพของบุคคลที่เราต้องการช่วยเหลืออยู่ในใจจะช่วยเพิ่มพลังให้กับการทำงานของเรา เสมือนเป็นเข็มทิศที่คอยชี้นำทางในยามที่เราเหนื่อยล้าหรือท้อแท้ เมื่อเรารู้ว่ามีใครสักคนกำลังรอคอยและต้องการความช่วยเหลือจากเรา พลังและแรงจูงใจจะหลั่งไหลเข้ามาโดยอัตโนมัติ

ดังที่โค้ชฟุตบอลระดับตำนาน Vince Lombardi เคยกล่าวไว้ว่า “คุณภาพชีวิตของคนเราขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศโดยตรง” ซึ่งสุดท้ายแล้วการพัฒนานิสัยทั้งสามประการนี้จะช่วยนำพาเราไปสู่ความเป็นเลิศและชีวิตที่มีความหมายมากขึ้นได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ High Performance Habits: How Extraordinary People Become That Way  โดย ฺBrendon Burchard

เปลี่ยนความกังวลให้เป็นพลังบวก : ไขความลับความกังวลของคนดัง ที่เปลี่ยนพวกเขาให้ประสบความสำเร็จ

มนุษย์ทุกคนล้วนมีประสบการณ์เกี่ยวกับความวิตกกังวล แต่น้อยคนนักที่จะสามารถเปลี่ยนความรู้สึกนี้ให้กลายเป็นพลังบวกได้

ย้อนกลับไปกว่าสองทศวรรษ David Rosmarin ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่เผชิญกับอาการวิตกกังวลได้อย่างแม่นยำ ความรู้สึกร้อนผ่าวที่แล่นปราดขึ้นมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว ลมหายใจที่ถี่กระชั้นจนควบคุมไม่ได้ และเหงื่อเย็นๆ ที่ซึมออกมาตามผิวกาย

นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจอุทิศตนในการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับความวิตกกังวล จนกระทั่งได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักจิตวิทยาคลินิกและก่อตั้งศูนย์บำบัดรักษาอาการวิตกกังวล

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ในระหว่างการทำงาน Rosmarin ค้นพบว่าการพยายามกำจัดความวิตกกังวลให้หมดไปจากชีวิตอาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุด เพราะความวิตกกังวลในระดับที่เหมาะสมสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จได้

ดังจะเห็นได้จากบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์หลายท่าน อย่างเช่น Sir Winston Churchill ที่เคยเผชิญกับอาการกลัวการพูดในที่สาธารณะอย่างรุนแรงจนต้องหยุดนิ่งไปถึงสามนาทีในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่สภา แต่ด้วยการเผชิญหน้ากับความกลัวนั้น Churchill ได้พัฒนาตนเองจนกลายเป็นหนึ่งในนักพูดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 20

เช่นเดียวกับ Oprah Winfrey ที่เคยประสบกับภาวะวิตกกังวลอย่างหนักในช่วงทศวรรษ 1990 หลังจากภาพยนตร์ของเธอทำรายได้ไม่ดี จนต้องพึ่งพาการกินเพื่อกลบความรู้สึก แต่ประสบการณ์นั้นได้สอนให้เธอเรียนรู้ที่จะปล่อยวางความคาดหวังและก้าวผ่านความล้มเหลว จนสามารถพัฒนาตนเองขึ้นมาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการสื่อ

หรืออย่าง Taylor Swift ที่เคยเผชิญกับความกลัวอย่างรุนแรงในการร้องเพลงชาติครั้งแรก แต่เธอได้เรียนรู้ที่จะแบ่งปันความรู้สึกผ่านบทเพลง จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย

ประสบการณ์จากการทำงานของ Rosmarin ได้พบกับกรณีที่น่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของ Nicole ผู้ป่วยที่มีอาการ hypochondriasis

แม้ผล MRI จะยืนยันว่าเธอปกติดี แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นโรคหลอดเลือดโป่งพอง จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

Nicole ได้เข้ารับการบำบัดด้วยวิธี exposure therapy ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากับความกลัวโดยตรง ทั้งการศึกษาข้อมูล การดูวิดีโอ การเข้าไปที่แผนกประสาทวิทยา และที่ท้าทายที่สุดคือการนั่งรถไฟใต้ดินในนิวยอร์กโดยไม่พกโทรศัพท์

หลังจากผ่านการบำบัดได้ไม่นาน Nicole ก็ตั้งครรภ์ และพบว่าทารกในครรภ์มีภาวะหลอดเลือดโป่งพองจริงๆ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เธอสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างเข้มแข็ง จนสามารถพาลูกชายผ่านการผ่าตัดและเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง

จากประสบการณ์ของ Nicole ทำให้เห็นว่า ความวิตกกังวลสามารถเปลี่ยนเป็นพลังในการเอาชนะอุปสรรคได้ เช่นเดียวกับประสบการณ์ส่วนตัวของ Rosmarin ที่เคยมีความกลัวความล้มเหลวในหน้าที่การงานอย่างมาก จนบางครั้งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น

โดยเฉพาะในช่วงแรกที่พบกับ Miri ภรรยาของเขา ที่มักจะสร้างกำแพงและไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง แต่ด้วยความรักและความเข้าใจที่ไม่มีเงื่อนไขจากเธอ ทำให้ Rosmarin กล้าที่จะเริ่มแบ่งปันความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น

ความจริงแล้วการปล่อยวางเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับทุกคน แต่หากเราสามารถยอมรับและเตรียมใจรับมือกับมันได้ ความวิตกกังวลก็จะกลายเป็นแรงผลักดันที่มีพลัง

เหมือนกับที่เราเห็นได้จากความนิยมของภาพยนตร์แนวแอคชั่นและผจญภัยที่มียอดขายมากกว่า 50% ของรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ และภาพยนตร์สยองขวัญที่กลายเป็นประเภทภาพยนตร์ที่ทำกำไรมากที่สุด สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์เรามีความต้องการที่จะสัมผัสกับความตื่นเต้นในบางครั้ง

สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนความวิตกกังวลให้เป็นพันธมิตรแทนที่จะเป็นศัตรู Rosmarin ได้นำเสนอแนวทางสี่ประการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ โดยเริ่มจากการระบุสาเหตุที่แท้จริงของความกลัว ใช้เวลาทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตนเองอย่างลึกซึ้ง

ต่อมาคือการแบ่งปันความรู้สึกกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน จากนั้นคือการยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่พยายามต่อสู้หรือกดมันเอาไว้ และสุดท้ายคือการปล่อยวาง ยอมรับว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้

ความวิตกกังวลเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและใช้มันให้เป็นประโยชน์ จะช่วยให้เราเติบโตและพัฒนาตนเองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เปรียบเสมือนการเดินทางที่แม้จะมีอุปสรรค แต่ทุกก้าวที่ผ่านไปล้วนมีคุณค่าและความหมาย การเผชิญหน้ากับความวิตกกังวลจึงไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชนะ แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันอย่างสมดุล

อย่างไรก็ตาม หากความวิตกกังวลส่งผลกระทบรุนแรงต่อการดำเนินชีวิต การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะการดูแลสุขภาพจิตก็สำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพกาย และไม่ใช่เรื่องที่ต้องอับอายแต่อย่างใดนั่นเองครับผม

References :
How to turn anxiety into your ally, not your enemy | David H. Rosmarin | TEDxNashville
https://youtu.be/iMJ_lpxiTNg?si=yDfrUs5Gk5KwnyQ9