Geek Life EP74 : ปลดล็อกชีวิตติดลูป ทลายกำแพงความคิดเก่า สูตรลับสร้างชีวิตใหม่ที่คุณต้องการ

ผมว่าหลายคนคงจะเคยประสบพบเจอกับชีวิตที่เหมือนติดอยู่ในวงจรเดิม ๆ ที่วนซ้ำไปมาไม่รู้จบ? ทุก ๆ วันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความคิดและความรู้สึกแบบเดิม ทำกิจวัตรประจำวันแบบเดิม พบเจอผู้คนกลุ่มเดิม และเผชิญกับปัญหาแบบเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าชีวิตของมันถูกกำหนดไว้แล้วและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ซึ่งความจริงแล้ว สิ่งที่เหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจากหนังสือ Breaking The Habit of Being Yourself: How to Lose Your Mind and Create a New One โดย Dr. Joe Dispenza  ที่มองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมจำนนและปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปแบบนี้ตลอดไป เพราะทุกคนมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ด้วยตัวของเราเอง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/yteccrxd

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/3vesfsu3

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/jrQtacnR8lA

ปลดล็อกชีวิตติดลูป : ทลายกำแพงความคิดเก่า สูตรลับสร้างชีวิตใหม่ในแบบที่คุณต้องการ

ผมว่าหลายคนคงจะเคยประสบพบเจอกับชีวิตที่เหมือนติดอยู่ในวงจรเดิม ๆ ที่วนซ้ำไปมาไม่รู้จบ? ทุก ๆ วันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความคิดและความรู้สึกแบบเดิม ทำกิจวัตรประจำวันแบบเดิม พบเจอผู้คนกลุ่มเดิม และเผชิญกับปัญหาแบบเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าชีวิตของมันถูกกำหนดไว้แล้วและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ซึ่งความจริงแล้ว สิ่งที่เหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจากหนังสือ Breaking The Habit of Being Yourself: How to Lose Your Mind and Create a New One โดย Dr. Joe Dispenza  ที่มองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมจำนนและปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปแบบนี้ตลอดไป เพราะทุกคนมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ด้วยตัวของเราเอง

เมื่อสมองกลายเป็น “เทปม้วนเก่า”

ลองนึกภาพว่าสมองของเราเป็นเหมือนเครื่องเล่นเทปเก่า ๆ ที่เล่นเพลงซ้ำไปซ้ำมาวันแล้ววันเล่า เพลงที่เล่นนั้นก็คือความคิด ความทรงจำ และอารมณ์ความรู้สึกของเรานั่นเอง ทุกครั้งที่เรานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต สมองของเราจะส่งสัญญาณไปยังร่างกาย ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังประสบเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเคยโดนเพื่อนร่วมงานพูดจาไม่ดีใส่ เมื่อคุณนึกถึงเหตุการณ์นั้น คุณอาจรู้สึกโกรธหรือเสียใจขึ้นมาทันที ทั้ง ๆ ที่มันผ่านไปนานแล้ว นี่เป็นเพราะสมองและร่างกายของคุณไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง ๆ ตอนนี้ หรือเป็นแค่ความทรงจำในอดีต

การที่เราติดอยู่ในวงจรความคิดและอารมณ์แบบนี้ ทำให้เราสร้างชีวิตแบบเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่รู้ตัว เปรียบเสมือนการดูหนังม้วนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วหวังว่าจะได้เห็นฉากจบที่แตกต่างออกไป

ทำไมเราถึงเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ยาก?

คำตอบง่าย ๆ ก็คือ เพราะเราถูกควบคุมโดย “โปรแกรมจิตใต้สำนึก (subconscious programming)” ที่ฝังอยู่ในตัวเรามาเป็นเวลานาน ลองคิดดูว่า 95% ของตัวตนเรา เมื่ออายุ 35 ปี ประกอบไปด้วยชุดของพฤติกรรม ปฏิกิริยาทางอารมณ์ นิสัยที่ไม่รู้ตัว ทัศนคติที่ฝังแน่น ความเชื่อ และการรับรู้ที่ถูกจดจำจนทำงานเหมือนโปรแกรมอัตโนมัติ

เมื่อเราพยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราใช้จิตสำนึกที่มีเพียง 5% พยายามต่อสู้กับจิตใต้สำนึกที่มีถึง 95% เปรียบเสมือนการให้นักยกน้ำหนักมือสมัครเล่นแข่งกับนักยกน้ำหนักระดับโอลิมปิก ไม่แปลกเลยที่เราจึงมักล้มเหลวและกลับไปสู่พฤติกรรมเดิม ๆ อยู่เสมอ

ก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลง: รู้เท่าทันความคิดตัวเอง

การเปลี่ยนแปลงตัวเองเริ่มต้นจากการตระหนักรู้ถึงความคิดและพฤติกรรมของเราเอง ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่าในแต่ละวัน เรามีความคิดผ่านเข้ามาในหัวประมาณ 60,000 ถึง 70,000 ความคิด และ 90% ของความคิดเหล่านั้นเป็นความคิดเดียวกับวันก่อนหน้า

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมชีวิตของเราจึงไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง เพราะความคิดเดิม ๆ นำไปสู่การเลือกแบบเดิม ๆ การเลือกแบบเดิม ๆ นำไปสู่พฤติกรรมแบบเดิม ๆ พฤติกรรมแบบเดิม ๆ สร้างประสบการณ์แบบเดิม ๆ และประสบการณ์แบบเดิม ๆ ก็สร้างอารมณ์แบบเดิม ๆ วนเวียนไปเรื่อย ๆ เหมือนงูกินหางตัวเอง

พลังแห่งการทำสมาธิ: กุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงตนเอง

แล้วเราจะหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์นี้ได้อย่างไร? คำตอบอยู่ที่การฝึกสมาธิ การทำสมาธิไม่ใช่แค่การนั่งหลับตาสงบจิตใจเท่านั้น แต่เป็นการฝึกให้เราตระหนักรู้ถึงความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของตัวเองมากขึ้น

เมื่อเราเริ่มทำสมาธิ เราอาจรู้สึกอึดอัดหรือทรมานในตอนแรก เพราะร่างกายและจิตใจของเราไม่คุ้นเคยกับการอยู่นิ่ง ๆ และไม่ทำอะไร มันจะพยายามดึงเรากลับไปสู่พฤติกรรมเดิม ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ทำให้เรารู้สึกคัน นึกถึงงานที่ต้องทำ หรือความทรงจำในอดีต

แต่ทุกครั้งที่เราตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านี้และกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เราก็กำลังฝึกให้จิตใจของเราแข็งแกร่งขึ้น และค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงโปรแกรมเก่า ๆ ในสมองของเรา

สร้างอนาคตใหม่ด้วยพลังแห่งจินตนาการ

เมื่อคุณฝึกสมาธิจนเกิดความชำนาญ คุณจะสามารถใช้พลังแห่งจินตนาการในการสร้างอนาคตใหม่ให้กับตัวเองได้ ลองนึกภาพชีวิตที่คุณต้องการ คุณอยากเป็นคนแบบไหน? คุณอยากมีพฤติกรรมอย่างไร? แล้วลองจินตนาการว่าคุณเป็นคนแบบนั้น

สิ่งสำคัญคือ คุณต้องไม่เพียงแค่จินตนาการเท่านั้น แต่ต้องรู้สึกถึงอารมณ์และความรู้สึกนั้นในร่างกายของคุณด้วย เพราะถ้าความคิดคือภาษาของสมอง ความรู้สึกก็คือภาษาของร่างกาย เมื่อคุณสามารถทำให้ร่างกายรู้สึกถึงอารมณ์ของอนาคตที่คุณต้องการได้ นั่นหมายความว่าคุณกำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในสู่ภายนอก

เริ่มต้นใหม่ทุกวัน ไม่มีคำว่าสายเกินไป

การเปลี่ยนแปลงตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับการปลูกพืชทำสวนใหม่ คุณต้องเริ่มจากการถอนวัชพืชเก่า ๆ ออกไปก่อน แล้วค่อย ๆ เตรียมดินและปลูกเมล็ดพันธุ์ใหม่ ทีละเล็กทีละน้อย

ถ้าคุณเริ่มฝึกสมาธิและใช้พลังแห่งจินตนาการในการสร้างอนาคตใหม่ทุกวัน แม้เพียงแค่ 10-15 นาทีต่อวัน คุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์

จำไว้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดวิกฤตหรือเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิตก่อนถึงจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่หรืออยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

บทสรุป: ก้าวสู่การเป็นผู้สร้างชีวิตของตัวเอง

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะมันทำให้เราสามารถหลุดพ้นจากวงจรความคิดและพฤติกรรมเดิม ๆ ซึ่งเราจะพบว่าตัวเองมีอิสระในการเลือกและสร้างชีวิตแบบที่เราต้องการได้อย่างแท้จริง

เราไม่จำเป็นต้องเป็นเหยื่อของอดีตหรือสถานการณ์รอบตัวอีกต่อไป แต่เราสามารถเป็นผู้สร้างอนาคตของตัวเองได้ ด้วยการฝึกสมาธิ การตระหนักรู้ และการใช้พลังแห่งจินตนาการ เราจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในสู่ภายนอก และสร้างชีวิตที่มีความสุข มีความหมาย และเต็มไปด้วยศักยภาพที่ไม่มีขีดจำกัด

Dr. Joe Dispenza แนะนำให้เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ด้วยการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ฉันอยากเป็นคนแบบไหน?” และ “ฉันจะสร้างชีวิตแบบที่ฉันต้องการได้อย่างไร?” แล้วลงมือทำ ทีละก้าว ทีละวัน คุณจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นั้น เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในแต่ละวันนั่นเอง

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นการเดินทางที่ท้าทาย แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสอันน่าตื่นเต้น เมื่อเราเริ่มต้นเดินทางนี้ เราจะค้นพบพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้มาก่อน จงเชื่อมั่นในตัวเอง และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ เพราะเรามีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้อย่างแท้จริง

References :
หนังสือ Breaking The Habit of Being Yourself: How to Lose Your Mind and Create a New One โดย Dr. Joe Dispenza 

Geek Life EP3 : คิดเล็ก ๆ เพื่อบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ กับเรื่องราวแรงบันดาลใจจาก Michael Phelps

ในโลกของกีฬา มีชื่อ ๆ หนึ่งที่โดดเด่นเหนือคนอื่นๆ นั่นก็คือ Michael Phelps นักว่ายน้ำชาวอเมริกันผู้สร้างปรากฏการณ์คว้าเหรียญทองโอลิมปิกถึง 8 เหรียญในการแข่งขันครั้งเดียว

เรื่องราวของเขาไม่เพียงแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนล้ำค่าสำหรับทุกคนที่มุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จในชีวิต

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/y33b95p7

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/2rpk3sfa

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/utkt7_wPN3s

คิดเล็ก ๆ เพื่อบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ : เรื่องราวแรงบันดาลใจจาก Michael Phelps ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ

ในโลกของกีฬา มีชื่อ ๆ หนึ่งที่โดดเด่นเหนือคนอื่นๆ นั่นก็คือ Michael Phelps นักว่ายน้ำชาวอเมริกันผู้สร้างปรากฏการณ์คว้าเหรียญทองโอลิมปิกถึง 8 เหรียญในการแข่งขันครั้งเดียว

เรื่องราวของเขาไม่เพียงแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนล้ำค่าสำหรับทุกคนที่มุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จในชีวิต

เมื่อ Phelps ประกาศเป้าหมายที่จะคว้าเหรียญทองให้ได้ 8 เหรียญ หลายคนในวงการว่ายน้ำมองว่าเป็นความคิดที่เพ้อฝัน แต่สำหรับ Phelps แล้ว นี่คือความท้าทายที่เขาพร้อมจะเผชิญ เขาเชื่อมั่นในตัวเองและกระบวนการฝึกฝนที่จะพาเขาไปถึงจุดนั้น Phelps เข้าใจดีว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์ของการสั่งสมความพยายามทีละเล็กทีละน้อย

ช่วงเวลาระหว่างปี 2002 ถึง 2008 เป็นช่วงแห่งการเรียนรู้และพัฒนาสำหรับ Phelps เขาเริ่มเพิ่มจำนวนรายการแข่งขัน ทั้งประเภทเดี่ยวและทีม ในการแข่งขันระดับนานาชาติที่สำคัญ อย่างเช่น Pan Pacific Championships และ World Championships การเข้าร่วมการแข่งขันเหล่านี้ช่วยให้เขาได้เรียนรู้และปรับตัวกับแรงกดดันในสนามแข่งขันระดับสูง

Phelps ตระหนักดีว่าในกีฬาโอลิมปิก ความสามารถทางกายภาพเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ การจัดการกับความเครียดและแรงกดดันเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน นี่คือเหตุผลที่เขาให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ

การคว้าเหรียญทองเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม แต่สำหรับ Phelps แล้ว เขาต้องรักษาสมาธิและความมุ่งมั่นไว้ตลอดการแข่งขัน แม้จะคว้าเหรียญทองแรกได้สำเร็จและทำลายสถิติโลก เขาก็ไม่ได้หยุดอยู่กับความสำเร็จนั้น แต่กลับมุ่งหน้าสู่การแข่งขันครั้งต่อไปทันที

การดูแลร่างกายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Phelps เขาให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสม การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และการฟื้นฟูร่างกายด้วยวิธีต่างๆ เช่น การแช่ในอ่างน้ำแข็ง การนวด และการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ล้วนมีส่วนสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่

Phelps และทีมงานของเขามองว่าทุกวันคือความท้าทายใหม่และโอกาสในการพัฒนาตัวเอง พวกเขาเปรียบการฝึกซ้อมเหมือนการฝากเงินเข้าธนาคาร เมื่อถึงเวลาแข่งขันสำคัญ พวกเขาสามารถ “ถอน” ผลลัพธ์จากการฝึกฝนที่สั่งสมมาตลอดทั้งปีได้

แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูง Phelps ก็ยอมรับว่ามีหลายวันที่เขาไม่อยากลุกจากเตียง เขาเชื่อว่าทุกคนต่างก็มีวันที่รู้สึกเช่นนั้น แต่สิ่งสำคัญคือการมีเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและอยากลงมือทำ แม้ในวันที่เราไม่มีแรงจูงใจ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราก้าวไปสู่เป้าหมายใหญ่ได้ง่ายขึ้นในที่สุด

Phelps เชื่อว่าสิ่งที่แยกคนที่ประสบความสำเร็จออกจากคนอื่นๆ คือความสามารถในการทำสิ่งที่พวกเขาไม่อยากทำ แม้แต่ตัว Phelps เองก็ยอมรับว่ามีช่วงเวลาที่เขาเกลียดโค้ชของตัวเอง มีการทะเลาะและโต้เถียงกัน แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ทำให้เขาเติบโตและพัฒนา

ดนตรีเป็นแรงบันดาลใจสำคัญสำหรับ Phelps ตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลง “The Sky’s the Limit” ของ Biggie Smalls ที่สอนให้เขาเชื่อว่าไม่มีขีดจำกัดสำหรับสิ่งที่เขาสามารถทำได้ หากเขาเต็มใจที่จะเสียสละและทุ่มเทให้กับมัน

Phelps ยังคงเชื่อในปรัชญานี้จนถึงทุกวันนี้ เขาพยายามท้าทายตัวเองและคนรอบข้างให้คิดนอกกรอบและหาวิธีใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ เพราะเขาเชื่อว่าการทำแบบเดิมซ้ำๆ จะได้ผลลัพธ์แบบเดิม

Phelps เชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่มันขึ้นอยู่กับความทุ่มเทและการอุทิศตัว ความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย มันต้องผ่านความท้าทายและอุปสรรคมากมาย แต่ถ้าคุณมีความฝันที่ชัดเจน มีแรงบันดาลใจ และมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานหนัก ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งคุณได้

ประสบการณ์ของ Phelps เป็นแรงบันดาลใจให้เราเชื่อในตัวเอง ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย และทำงานหนักเพื่อให้ถึงจุดนั้น เพราะในท้ายที่สุด ขีดจำกัดเดียวที่มีอยู่คือขีดจำกัดที่เราสร้างขึ้นมาเอง

เรื่องราวของ Michael Phelps ไม่เพียงแต่เป็นตำนานในวงการกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนล้ำค่าสำหรับทุกคนที่กำลังไล่ตามความฝันของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสาขาอาชีพใด หลักการเดียวกันนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ การตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย การเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ การจัดการกับความเครียดและแรงกดดัน และการไม่ยอมแพ้แม้ในวันที่ยากลำบาก ล้วนเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ

แม้ว่าเราอาจไม่ได้มุ่งหวังที่จะคว้าเหรียญทองโอลิมปิก แต่เราทุกคนมีเป้าหมายและความฝันของตัวเอง บทเรียนจาก Phelps สอนให้เรารู้ว่า ด้วยความมุ่งมั่น การวางแผนที่ดี และการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและประสบความสำเร็จได้ในท้ายที่สุด

References :
Michael Phelps – Think Small To Accomplish Big Things
https://youtu.be/Y8ZZS0qrVNw?si=PY6Z8M467Dcwp4kq
https://www.biography.com/athletes/michael-phelp-perfect-body-swimming