เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ถือว่าได้ว่ามีเนื้อหาฉีกแนวบทเรียนทางด้านธุรกิจแบบเดิม ๆ ที่ตัวผมเองได้เคยอ่านมาสำหรับหนังสือ Good Power: Leading Positive Change in Our Lives, Work, and World โดย Ginni Rometty
ในทุกวันนี้หลายคนอาจรู้สึกว่าตนเองไม่มีพลังพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง การขาดความมั่นใจในศักยภาพของตนเองมักเป็นกำแพงที่ขวางกั้นผู้คนจากการลงมือทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม
แต่ Ginni Rometty อดีต CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง IBM มีมุมมองที่แตกต่างออกไป เธอเชื่อว่าทุกคนมีพลังที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้ ผ่านสิ่งที่เธอเรียกว่า “Good Power” หรือ “พลังแห่งความดี” ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องนามธรรมที่วัดยากในเชิงธุรกิจเป็นอย่างมาก
ในหนังสือ “Good Power” Rometty ได้ถ่ายทอดประสบการณ์และแนวคิดที่หล่อหลอมตัวเธอตั้งแต่วัยเด็ก จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรระดับโลก เธอเล่าถึงการเติบโตมาในครอบครัวที่มีความท้าทาย
หลังจากพ่อจากไป แม่ของเธอต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ทำให้ Rometty ต้องรับบทบาทดูแลน้องๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย ประสบการณ์นี้ได้ปลูกฝังความรับผิดชอบและความเข้าใจในการดูแลผู้อื่น
ความท้าทายในวัยเด็กไม่ได้ทำให้ Rometty ย่อท้อ แต่กลับกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอเข้าใจถึงความสำคัญของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การที่ต้องดูแลน้องๆ ในขณะที่แม่ออกไปทำงาน ทำให้เธอเรียนรู้ทักษะการจัดการ การแก้ปัญหา และการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในครอบครัว ซึ่งทักษะเหล่านี้กลายเป็นรากฐานสำคัญในการทำงานของเธอในอนาคต
เมื่อ Rometty เริ่มทำงานที่ IBM เธอได้นำหลักการของ “พลังแห่งความดี” มาประยุกต์ใช้ในบริบทธุรกิจ โดยเฉพาะในการทำงานร่วมกับลูกค้ารายสำคัญอย่าง Allstate บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ที่ต้องการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยเทคโนโลยี
แทนที่จะเสนอโซลูชันแบบสำเร็จรูป เธอและทีมเลือกที่จะทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ทำการวิจัยอย่างละเอียดเกี่ยวกับแนวโน้มและความท้าทายในอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อนำเสนอทางออกที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง
ความสำเร็จในการทำงานกับ Allstate ไม่ได้เกิดจากความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่มาจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเทคโนโลยีควรเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
Rometty และทีมใช้เวลาอย่างมากในการรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทุกระดับของ Allstate เพื่อให้มั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่ผู้บริหารระดับสูง
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง CEO ของ IBM เปิดโอกาสให้ Rometty ได้ใช้ “พลังแห่งความดี” ในการสร้างผลกระทบระดับโลก เธอริเริ่มโครงการ “Skills First” ที่ปฏิวัติแนวทางการจ้างงานของบริษัท โดยให้ความสำคัญกับทักษะมากกว่าวุฒิการศึกษา
แม้จะเผชิญกับความท้าทายและการต่อต้านในช่วงแรก แต่นโยบายนี้ได้เปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถแต่ขาดโอกาสทางการศึกษาได้เข้าสู่อาชีพด้านเทคโนโลยีที่มีรายได้สูง
โครงการ “Skills First” ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการจ้างงาน แต่เป็นการท้าทายความเชื่อดั้งเดิมของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี Rometty เชื่อว่าความสามารถที่แท้จริงไม่ได้วัดจากใบปริญญา แต่วัดจากความมุ่งมั่น ความสามารถในการเรียนรู้ และการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง
การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงช่วยให้ IBM ได้พนักงานที่มีความสามารถหลากหลาย แต่ยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วย
นอกจากการสร้างโอกาสในการทำงาน Rometty ยังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กร เธอส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วม สร้างสภาพแวดล้อมที่พนักงานทุกคนรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาศักยภาพของตนเอง เธอเชื่อว่าองค์กรจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อพนักงานทุกคนได้รับโอกาสในการเติบโตเช่นกัน
หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นของ Rometty คือการที่เธอสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมไม่ได้ขัดแย้งกับการสร้างผลกำไร
ในทางตรงกันข้าม การใช้พลังแห่งความดีในการบริหารองค์กรกลับช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว เพราะนำมาซึ่งความไว้วางใจจากลูกค้า ความจงรักภักดีของพนักงาน และภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของสังคม
แนวคิดเรื่อง Good Power หรือ “พลังแห่งความดี” ของ Rometty ไม่ใช่เพียงทฤษฎีหรือแนวคิดเชิงอุดมคติ หรือเรื่องนามธรรม แต่เป็นหลักการที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงและสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้ เธอแสดงให้เห็นว่าการนำองค์กรด้วยความเมตตา ความเข้าใจ และความมุ่งมั่นที่จะสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม สามารถนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้
พลังแห่งความดีที่ Rometty นำเสนอมีองค์ประกอบสำคัญหลายประการ เริ่มจากการรับฟังและเข้าใจความต้องการของผู้อื่นอย่างแท้จริง การคิดค้นทางออกที่สร้างสรรค์และตอบโจทย์ความต้องการนั้น การลงมือทำอย่างมุ่งมั่นและต่อเนื่อง และที่สำคัญที่สุดคือการวัดผลลัพธ์และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
แก่นแท้ของพลังแห่งความดีอยู่ที่การตระหนักว่าทุกคนมีความสามารถที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งหรือบทบาทใด การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มักเริ่มต้นจากการกระทำเล็กๆ ที่มาจากความตั้งใจดีและความมุ่งมั่นที่จะสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น
ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและปัญหาที่ซับซ้อน เราอาจรู้สึกว่าความพยายามของเราเพียงคนเดียวนั้นเล็กน้อยเกินไปที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่เรื่องราวของ Rometty เตือนใจเราว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่อำนาจหรือตำแหน่ง แต่เป็นความตั้งใจดีและความมุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพของเราเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น
เรื่องราวของ Rometty จึงไม่เพียงเป็นบทเรียนสำหรับผู้นำองค์กรเท่านั้น แต่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนที่ปรารถนาจะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในโลกใบนี้ เธอพิสูจน์ให้เห็นว่าพลังแห่งความดีไม่ใช่แนวคิดที่เป็นนามธรรม แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ทั้งสำหรับตัวเราเองและสังคมโดยรวม
ในท้ายที่สุด บทเรียนสำคัญที่สุดจากเรื่องราวของ Rometty อาจไม่ใช่วิธีการบริหารองค์กรหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่เป็นการตระหนักว่าทุกคนมีพลังที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง และการใช้พลังนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนรวมคือหนทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงและยั่งยืนได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม
References :
หนังสือ Good Power: Leading Positive Change in Our Lives, Work, and World โดย Ginni Rometty