พอดีส่วนตัวได้มีโอกาสอ่านหนังสือ How to turn down a billion dollars : The Snapchat Story โดย Billy Gallagher ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของโซเชียลมีเดียแพล็ตฟอร์มที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง
และเรื่องราวของ Snapchat นั้นก็ไม่ธรรมดา มีเรื่องราวดราม่าทางธุรกิจ หักเหลี่ยมเฉือนคมกันมากมาย แทบไม่ต่างจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ Facebook หรือ Twitter เลย
หลายคนอาจจะเคยได้ยินข่าวใหญ่ที่ Evan Spiegel CEO ของ Snapchat นั้น ได้เคยปฏิเสธการเข้าซื้อกิจการจาก Facebook มูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่บริษัทยังแทบไม่สร้างรายได้เลยซักดอลลาร์
มีความแตกต่างหลายอย่างมาก ๆ สำหรับ Snapchat กับบริการด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่นั้นจะเติบโตในแถบซิลิกอนวัลเลย์ แต่ Spiegel นั้นคิดต่างออกไป เขาไม่ได้มองตัวเองเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่นำโดยกลุ่มเด็กเนิร์ด หรือ ใช้การตัดสินใจผ่านข้อมูลที่คอยชี้นำธุรกิจ
Spiegel มองบริษัทตัวเองเป็นบริษัทด้านความบันเทิง เป็นมีเดีย ที่เน้นความสนุกสนานเสียมากกว่า จึงปลีกตัวมาตั้งสำนักงานใหญ่ที่แคลิฟอร์เนียแทน
Spiegel นั้นแแสดงให้เห็นว่าไอเดียบ้า ๆ บางอย่าง มันก็สามารถสร้างธุรกิจพันล้านได้ อย่างที่เขาทำกับ Snapchat การส่งข้อความที่จะถูกลบออกไป จุดเริ่มต้นง่าย ๆ ของ Snapchat แต่มันดันตอบโจทย์เหล่าวัยรุ่นอายุน้อย ที่เบื่อกับโลกโซเชียลมีเดียที่ถูกยึดครองโดย Facebook
การปฏิเสธ Facebook ของ Spiegel นั้น ทำให้ Mark Zuckerberg โมโหเป็นอย่างมาก และพยายามทำลาย Snapchat ทุกวิถีทาง ระดมสรรพกำลังเพื่อมาสร้างแอปเพื่อมาฆ่า Snapchat โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Poke หรือ Slingshot แต่มันก็ล้มเหลว
มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่แทบจะโคลนนิ่งทุกอย่างมากจาก Snapchat แถมยังได้สุดยอดวิศวกรที่มีเป็นหมื่น ๆ คน หรือทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีมากมาย ที่ Facebook มีนั้นเทียบไม่ได้เลยกับ Snapchat เพิ่งก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา
แต่กลายเป็นว่าแม้จะพยายามทำแอปเลียนแบบ แต่กลุ่มผู้ใช้งานโดยเฉพาะวัยรุ่นแทบจะไม่สนใจแอปของ Facebook เลยด้วยซ้ำ ทำให้ปิดตัวไปในท้ายที่สุด
Snapchat Stories กับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
ความสามารถที่สำคัญอย่างหนึ่งของ Spiegel คือการมองเห็นปัญหาในฟีดและแวดวงโซเชียลมีเดียในแพล็ตฟอร์ม Snapchat ของเขา และคาดการณ์ปัญหาในวงกว้างเพื่อเข้าถึงผู้ใช้ของเขาได้อย่างถ่องแท้
การสร้างฟีดใหม่ของ Snapchat เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนเพื่อมาต่อกรกับ Facebook นั้น ต้องคงคอนเซ็ปต์เดิมของ Snapchat ที่เนื้อหาทั้งหมดจะต้องหายไปในบางจุด เช่น ข้อความที่หายไป ด้วยวิธีนี้ผู้ใช้จะรู้สึกสบายใจที่จะโพสต์สิ่งที่เหมาะกับอารมณ์ของพวกเขาในขณะนั้น
และต้องมีความแตกต่างจาก Facebook หรือ Instagram ที่มักจะแข่งขันกันเพื่อยอดไลค์ ฟีดของ Snapchat จะไม่มีไลค์และความคิดเห็น ผู้ใช้สามารถโพสต์อะไรก็ได้ที่ต้องการ
ในเดือนตุลาคมปี 2013 เกือบหนึ่งปีหลังจากมีแนวคิดนี้ขึ้นมาของ Spiegel Snapchat Stories ก็ถือกำเนิดขึ้น หลังจากเปิดแอป แอปก็ยังคงเปิดไปที่กล้องตามปกติ ผู้ใช้จะเห็นรายชื่อเพื่อนพร้อมภาพถ่ายขนาดย่อรูปวงกลมที่ด้านขวาของแต่ละชื่อ
โดยเมื่อใช้นิ้วแตะลงไปจะเริ่มแสดงภาพสไลด์ที่เล่นเนื้อหาตามลำดับการโพสต์ Spiegel ซึ่งเคยเรียนวารสารศาสตร์ที่ Crossfoads หลงใหลใน Stories ที่สามารถแสดงเรื่องราวได้ เนื่องจากผู้ใช้สามารถเล่าเรื่องราวที่หลากหลายผสมผสานระหว่างภาพถ่ายและวีดีโอ
แทนที่จะโพสต์ภาพถ่ายสองสามภาพจากการไปเที่ยวกลางคืนของพวกเขา เนื้อหาจะปรากฎเป็นเวลา 24 ชั่วโมงแล้วหายไป ถ้าเรื่องของเพื่อนจืดชืดหรือยืดยาวเกินไป ผู้ใช้สามารถแตะเพื่อข้ามไปข้างหน้าได้
และเนื่องจากผู้ใช้ไม่สามารถอัปโหลดรูปภาพหรือวีดีโอจากโทรศัพท์ไปยัง Snapchat ได้ พวกเขาจึงต้องบันทึกใน Snapchat และส่งให้เพื่อนหรือโพสต์ลงใน Stories แบบทันที
การไม่มีไลค์ ไม่มีความคิดเห็นก็ไม่จำเป็นต้องมีอัลกอริธึมการเรียงลำดับเหมือนที่พบใน Facebook , Instagram และ Twitter เนื้อหาจะปรากฎโดยองจากผู้ที่โพสต์ล่าสุด ซึ่งเป็นแรงจูงใจเพิ่มเติมในการโพสต์บ่อยขึ้น
แน่นอนว่า Stories นี่เองที่ทำให้คนหนุ่มสาวรู้สึกเหมือนดาราทีวีเรียลลิตี้และผู้มีชื่อเสียง พวกเขาจะไปเรียนหรือออกไปปาร์ตี้หรือไปเที่ยวพักผ่อนและโพสต์รูปภาพและวีดีโอจำนวนมากและสามารถดูว่ามีคนดูชีวิตของพวกเขากี่สิบหรือกี่ร้อยคน
มันกลายเป็นวิธีที่ง่ายและไม่ยุ่งยากในการติดต่อและดูว่าเพื่อนที่มหาวิทยาลัยอื่นและในเมืองอื่นกำลังทำอะไรอยู่ และในบางครั้งผู้ใช้สามารถดูได้แม้กระทั่งคอนเสิร์ตของ Kanye โดยไม่ต้องซื้อตั๋วจริง ๆ เลยด้วยซ้ำ
มันได้กลายเป็นสุดยอดนวัตกรรมใหม่ที่เป็นวิธีง่าย ๆ และไม่ยุ่งยากในการติดต่อและดูว่าเพื่อนที่มหาลัยอื่นและในเมืองอื่นกำลังทำอะไรกันอยู่
และนวัตกรรมตัวนี้นี่เอง ที่ทำให้ทั้ง Facebook , Instagram , Google หรือ Apple เพิ่มคุณสมบัติที่เรียกว่า Stories เข้าไปในแพลตฟอร์มของพวกเขา
Snapchat น้้นดูเหมือนของเล่นที่ไม่มีนัยสำคัญเมื่อตอนเปิดตัว พวกเขาถูกกล่าวหาว่าเป็น Sexting App แต่จริง ๆ แล้ว มันคือการปรับปรุงการสื่อสารครั้งใหญ่สำหรับหลาย ๆ คน ยิ่งใช้มันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสนุกและเสพติดกับมันมากขึ้นเท่านั้น
มันได้กลายเป็นสิ่งที่มาแทนที่การสนทนาและเนื้อหาที่เคยเกิดขึ้นผ่านทางข้อความหรือบนเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์
หลังจากการเกิดขึ้นของ Snapchat Stories เพียงไม่นาน David Ebersman ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Facebook ได้กล่าวในระหว่างการประกาศรายได้ของบริษัทว่า
“Facebook เริ่มมีผู้ใช้รายวันลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นอายุน้อย”
นี่เป็นครั้งแรกที่ยักษ์ใหญ่เครือข่ายโซเชียลมีเดียที่มีอำนาจล้นฟ้าในตอนนั้นได้บอกกับนักลงทุนว่า พวกเขากำลังมีปัญหากับกลุ่มวัยรุ่น และได้ถือกำเกิดผู้ท้าชิงคนสำคัญอย่าง Snapchat ขึ้นมาแล้วนั่นเองครับผม
References :
หนังสือ How to turn down a billion dollars : The Snapchat Story โดย Billy Gallagher
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ