ณ เมืองเล็กๆ ชื่อ Wrens ในรัฐ Georgia ห่างจากเมือง Atlanta ไปทางใต้ราว 2.5 ชั่วโมง มีบ้านสีชมพูหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ริมถนนดิน ติดกับทางหลวง East 88 บ้านหลังนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่อาศัยของคุณยาย แต่ยังเป็นจุดกำเนิดของบทเรียนชีวิตอันล้ำค่าที่หล่อหลอมให้เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก สนามหญ้ากว้างใหญ่หน้าบ้านคือสนามเด็กเล่นที่สมบูรณ์แบบสำหรับเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ที่นั่นเธอได้วิ่งเล่น แข่งวิ่งกับไก่พร้อมลูกพี่ลูกน้อง และเรียนรู้บทเรียนแรกของชีวิตผ่านกิจวัตรประจำวันเล็กๆ น้อยๆ เช่น การเก็บไข่ในเล้า หรือการเลือกไก่สำหรับมื้อเย็น
คำพูดของคุณยายที่ว่า “Valerie ถึงเวลาที่หนูต้องไปเก็บไข่ในเล้าไก่แล้ว” กลายเป็นเสียงที่ปลูกฝังความรับผิดชอบและความมั่นใจให้กับเธอ
บ้านสีชมพูหลังนี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่แห่งความสุข แต่ยังเป็นที่พักพิงในยามที่ครอบครัวต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแม่ของ Valerie ที่ต้องหาที่หลบภัยจากความรุนแรงในครอบครัว แม่ของเธอกลายเป็นแบบอย่างแรกของความเป็นผู้นำที่แท้จริง ผู้ซึ่งกล้าตัดสินใจเด็ดขาดเพื่อปกป้องลูกๆ ทั้งสี่คน
เมื่อ Valerie เติบโตขึ้น เธอก้าวเข้าสู่เส้นทางการแพทย์และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เธอเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคต่อมไร้ท่อและการมีบุตรยาก ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าภาควิชา ก่อตั้งศูนย์วิจัยสุขภาพสตรีแห่งแรกที่ Meharry Medical College และได้รับตำแหน่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศ
แต่แล้ววันหนึ่ง ทุกอย่างก็พังทลายลงเมื่อประธานมหาวิทยาลัยคนใหม่ขอให้เธอลาออกจากตำแหน่ง เธอต้องเผชิญกับความรู้สึกพ่ายแพ้ อับอาย และความกลัวที่เข้ามาครอบงำจิตใจของเธอ แต่บทเรียนจากบ้านสีชมพูก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ โดยเฉพาะภาพของแม่ที่กล้าเผชิญหน้ากับวิกฤตชีวิต
ตามคำกล่าวของนักเขียนที่เธอชื่นชอบ Paulo Coelho ที่ว่า “ก่อนที่ความฝันจะเป็นจริง โลกจะทดสอบทุกสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มา” Valerie ตระหนักว่านี่คือการทดสอบครั้งสำคัญของชีวิต เธอเลือกที่จะยอมรับความสูญเสียแต่ไม่ยอมแพ้ เช่นเดียวกับที่แม่ของเธอเคยทำ
ความกลัวอาจเป็นอารมณ์ที่หลายคนไม่อยากประสบพบเจอ แต่มันก็เป็นแรงผลักดันให้เราลงมือทำในสิ่งที่จำเป็น Valerie เรียนรู้ว่าความกล้าหาญไม่ได้หมายถึงการไม่รู้สึกกลัว แต่คือการเผชิญหน้ากับความกลัวนั้นต่างหาก
เธอต้องสัมภาษณ์งานซ้ำแล้วซ้ำเล่า เผชิญกับคำปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งได้ยินคำตอบรับที่นำพาเธอไปสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม
ปัจจุบัน ในฐานะประธานและซีอีโอของ Morehouse School of Medicine เธอได้ใช้ตำแหน่งและเสียงของเธอในการผลักดันความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความหลากหลายในวงการแพทย์ การต่อสู้เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ หรือการสนับสนุนสิทธิทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิง
เธอยังเป็นผู้บุกเบิกในการผลักดันนโยบายด้านสุขภาพที่คำนึงถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม และเป็นเสียงสำคัญในการเรียกร้องให้มีการพิจารณาทบทวนนโยบาย affirmative action ในวงการการศึกษาและการแพทย์ เพราะเธอเชื่อว่าความหลากหลายในบุคลากรทางการแพทย์จะนำไปสู่การดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
บ้านสีชมพูหลังนั้นได้หล่อหลอมให้ Valerie เข้าใจว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้วัดกันที่จำนวนตำแหน่งหรือปริญญา แต่วัดจากประสบการณ์ชีวิต ระยะทางที่เดินทาง และความกล้าที่จะลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิ่งที่เชื่อ
เธอได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความเด็ดเดี่ยว และความกล้าหาญที่ได้รับการปลูกฝังตั้งแต่วัยเยาว์ สามารถนำพาผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งไปสู่การเป็นผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้
ปัจจุบัน Dr. Valerie Montgomery Rice ยังคงทำงานอย่างหนักในการสร้างโอกาสทางการศึกษาและการแพทย์ให้กับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้หญิงและชนกลุ่มน้อย เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการแพทย์และสังคมเช่นเดียวกับที่เธอได้ทำ
References :
How to Break Through Fear and Become a Leader | Valerie Montgomery Rice | TED
https://youtu.be/5uTDzBwwyho?si=KitQTOjd3U-nEJMb
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ