ประวัติ Steve Jobs ผู้สร้าง iPod ตอนที่ 7 : iTunes

เมื่อถึงปี 2000 เป็นปีที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับตลาดขายแผ่น ซีดีเปล่าของประเทศอเมริกา เพียงปีนี้ ปีเดียว บริษัทขายซีดี สามารถจำหน่ายซีดีเปล่าออกไปได้ถึง 320 ล้านแผ่น ทั้งที่ประชากรของประเทศสหรัฐอเมริกา มีเพียงแค่ 281 ล้านคน ในขณะนั้น

และอย่างที่เกริ่นไปในตอนที่แล้ว ธุรกิจเพลง กำลังจะกลายเป็นธุรกิจใหม่ที่มีขนาดใหญ่โตมหึมา การเกิดขึ้นของไดร์ฟที่ใช้ในการ rip และ burn CD เพลงจากคอมพิวเตอร์ลงแผ่นนั้น มันกลายเป็น Trend ใหม่ของเหล่านักฟังเพลงทั่วสหรัฐอเมริกา และมันมีการเกิดขึ้นของ Napster บริการแชร์ไฟล์ ชื่อดัง ที่แม้จะไม่ถูกกฏหมายเสียทีเดียว แต่ตอนนี้ โอกาสในตลาดเพลงของสหรัฐอเมริกา มันเกิดขึ้นแล้ว และ จ๊อบส์ ไม่รอช้าที่จะกระโจนเข้าสู่ธุรกิจนี้

การ Burn CD เพลงกลายเป็น Trend ใหม่ของนักฟังเพลง
การ Burn CD เพลงกลายเป็น Trend ใหม่ของนักฟังเพลง

ซึ่งต้องบอกว่า หลังจากที่จ๊อบส์กลับมาในรอบสองนั้น idea ของจ๊อบส์ที่เด่น ๆ คือ iMac เพียงเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของปี 2000 ซึ่งเป็นเวลา 2 ปีหลังจากมันถูกนำออกสู่ตลาด บริษัทกลับขาย iMac ได้เพียง 500,000 เครื่องเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่ประมาณการ เครื่อง iMac หลากสีสัน ของ apple นั้นตกรุ่นอย่างรวดเร็ว เพราะตลาดมันเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัวอย่างเห็นได้ชัด

และมันถึงเวลาที่จ๊อบส์ นั้นต้องเข้าสู่ธุรกิจเพลงแบบจริง ๆ จัง  ๆ โดยเขาได้เริ่มจากการเพิ่มไดร์ฟ ที่ใช้ในการ burn CD เพลงลงไปในเครื่อง iMac แม้จะเป็นเวลาที่ช้าไปหน่อยที่เพิ่งคิดจะมาติดตั้งไดร์ฟดังกล่าว และยังทำการอัพเดทระบบปฏิบัติการ OSX ให้รองรับการทำงานนี้ ซึ่งมันเป็นก้าวที่ทำให้ Mac ตามชาวบ้านเขาทันเสียที

iMac พร้อมไดร์ฟที่ใช้ rip burn เพลงลง CD
iMac พร้อมไดร์ฟที่ใช้ rip burn เพลงลง CD เพื่อเข้าสู่ตลาดเพลงเต็มตัว

แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขาคิดว่าตอนนี้การถ่ายเพลงจากซีดี ไปยังคอมพิวเตอร์ นั้นมันยังยุ่งยากมากสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป เขาตั้งเป้าที่จะสร้างซอฟท์แวร์ ที่จะทำให้การบริหารจัดการ และ burn เพลง หรือการสร้าง playlist เพลงนั้น ใช้งานง่ายกว่าที่มีอยู่ในตลาดในขณะนั้น

มันเป็นความสามารถที่แสนพิเศษอย่างหนึ่งของจ๊อบส์เลยก็ว่าได้ ในการเล็งเห็นตลาดที่มีผลิตภัณฑ์รองบ่อนอยู่จำนวนมากในตลาด เขาไล่มองดูซอฟท์แวร์ ที่มีอยู่ในตลาดในขณะนั้น ทั้ง Real Jukebox , Windows Media Player หรือ ซอฟท์แวร์ ที่ HP พ่วงไปกับไดร์ฟเบิร์น CD ของตัวเอง ซึ่ง ทั้งหมดเหล่านี้ มันซับซ้อน และใช้งานยาก เกินกว่าผู้ใช้งานทั่วไปจะใช้ได้

ซอฟท์แวร์ในตลาดอย่าง Windows Media Player ใช้งานยุ่งยากมาก
ซอฟท์แวร์ในตลาดอย่าง Windows Media Player ใช้งานยุ่งยากมาก

และชายคนหนึ่งที่ชื่อ  บิล คินเคด กำลังจะเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้ เขาเคยเป็นวิศวกรรมซอฟท์แวร์ ที่ Apple และเป็นคนที่ชอบประลองความเร็วในสนามแข่ง  ในขณะที่เขาขับรถ วันหนึ่งเขาได้เปิดวิทยุสถานี National Public Radio ฟัง และได้ยินข่าวจากวิทยุว่า มีเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา ที่ชื่อว่า Rio ซึ่งเล่นเพลงจากไฟล์ MP3 แต่ ข่าวร้ายก็คือ มันใช้ได้เฉพาะในระบบปฏิบัติการ Windows เท่านั้น ซึ่งคินเคด ก็คิดว่า ถึงเวลาที่เขาต้องแสดงฝีมืออีกครั้ง โดยทำให้มันสามารถเล่นบน Mac ได้

คิดเคด ได้โทรหาเพื่อนคือ เจฟฟ์ ร็อบบิน และ เดฟ เฮลเลอร์ ซึ่งทั้งสองนั้นเคยเป็นอดีตวิศวกรของซอฟท์แวร์ ของ apple เหมือนกัน และขอให้ทั้งสองคนช่วยเขียนโปรแกรมจัดระเบียบเพลงคล้าย ๆ Rio Manager เพื่อใช้งานสำหรับเครื่อง Mac

หลังจากใช้เวลาเพียงไม่นาน ทั้งสามก็ทำเสร็จ โดยผลงานของพวกเค้าที่ทำออกมานั้นมีชื่อว่า SoundJam มันมี User Interface ที่เรียบง่าย และ ทำให้สาวกชาว Mac สามารถใช้งานเจ้าเครื่อง Rio ได้ โดยโปรแกรม SoundJam นั้น จะทำหน้าที่คล้ายตู้เพลงหยอดเหรียญ ที่คอยจัดเก็บ และจัดระเบียบเพลงไว้ในคอมพิวเตอร์ โดยเวลาใช้งานจะมีแสงวูบวาบบนจอ ช่วยสร้างความเพลิดเพลินระหว่างฟังเพลง

โปรแกรม SoundJam บน Mac ที่กลายร่างมาเป็น iTunes
โปรแกรม SoundJam บน Mac ที่กลายร่างมาเป็น iTunes

และเมื่อถึงเดือน กรกฏาคม ปี 2000 ระหว่างที่จ๊อบส์กำลังเคี่ยวเข็ญลูกทีม ให้พัฒนาซอฟท์แวร์สำหรับบริหารจัดการเพลง Apple ก็ได้ทำการเข้าซื้อกิจการของ SoundJam และพาทั้งสามสหายผู้ก่อตั้งมาทำงานที่ Apple เสียเลย เป็นการลดเวลาในการพัฒนาซอฟท์แวร์ตัวใหม่

จ๊อบส์ ได้ลงมาคลุกคลี ทำงานร่วมกับทั้งสามคนด้วยตัวเอง เพื่อเปลี่ยน SoundJam ให้เป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple ซอฟท์แวร์ตัวนี้ อัดแน่ไปด้วยโปรแกรมทำงานนานาชนิด จึงมีหลายหน้าต่าง ยุ่งเหยิงไปหมด จ๊อบส์สั่งการให้ทั้งสามออกแบบใหม่หมด ให้ดูใช้งานง่ายขึ้น สนุกขึ้น แทนที่ จะต้องให้ผู้ใช้ระบุว่าต้องการค้นหาชื่อศิลปิน หรือ ชื่อเพลง หรือ ชื่ออัลบั้ม จ๊อบส์ ให้ปรับให้เหลือช่องค้นหาเพียงกล่องเดียวเท่านั้น ให้ใช้งานง่ายที่สุด ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งคู่มือการใช้งาน และตั้งชื่อมันใหม่ว่า iTunes

การเปิดตัว iTunes ครั้งแรกต่อสาธารณะชน นั้นเกิดขึ้นในงาน Macworld เดือนมกราคม ปี 2001 มันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ดิจิตัลฮับ ของจ๊อบส์ และ ปล่อยให้ดาวน์โหลด ไปใช้งานได้ฟรี ๆ สำหรับผู้ใช้งาน Mac ทุกคน โดยใช้สโลแกน สั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า “Rip. Mix. Burn.”

iTunes 1.0 ออกสู่ตลาด นำ apple เข้าสู่ตลาดเพลงแบบเต็มตัว
iTunes 1.0 ออกสู่ตลาด นำ apple เข้าสู่ตลาดเพลงแบบเต็มตัว

จ๊อบส์ ได้กล่าวในงานกับสาวก “มาร่วมปฏิวัติวงการเพลงกับ iTunes และทำให้อุปกรณ์เล่นเพลงของคุณมีค่ามากขึ้น 10 เท่า”  เขากล่าวบนเวที และ เรียกเสียงปรบมือเกรียวกราว จากเหล่าสาวก Apple ภายในงาน Macworld

และในที่สุด apple ก็มีซอฟท์แวร์ดนตรีกับเขาเสียที แต่สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทดีขึ้นได้จริงหรือไม่? หลังจาก 25 ปีผ่านไปจากการก่อตั้ง apple นั้น ดนตรีจะเป็นคำตอบที่แท้จริงของการเข้าสู่ยุคใหม่ของ apple ได้หรือไม่? โปรดติดตามตอนต่อไป 

–> อ่านตอนที่ 8 : The PodFather

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The Second Coming  *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube