เปลี่ยนคนขี้ลืมเป็นสุดยอดโฟกัส : Hyperfocus สุดยอดเทคนิคจัดการสมาธิ ทำงานได้เท่า 3 เท่าใน 1 วัน

ในยุคที่ความวุ่นวายและสิ่งเร้ารอบตัวมีมากมาย Chris Bailey นักเขียนและนักวิจัยด้านประสิทธิภาพการทำงาน ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจผ่านหนังสือ Hyperfocus ซึ่งรวบรวมผลการศึกษาและงานวิจัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการความใส่ใจของมนุษย์

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า มนุษย์ใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิต หรือประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ไปกับภาวะจิตใจที่วอกแวก ไม่จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้า

ความไม่มีสมาธินี้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม Bailey เชื่อว่าทุกคนสามารถพัฒนาความสามารถในการโฟกัสได้ หากเข้าใจกลไกการทำงานของจิตใจและฝึกฝนอย่างถูกวิธี

การพัฒนาเรื่องโฟกัสเริ่มต้นได้จากการสังเกตตนเอง เมื่อใดที่เราสามารถรับรู้ได้ว่าจิตใจกำลังวอกแวก และสามารถดึงความสนใจกลับมาสู่สิ่งที่กำลังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชีวิตของเราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการสนทนา เมื่อผู้ฟังให้ความสนใจกับคู่สนทนาอย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยให้ความคิดวอกแวกไปคิดว่าจะพูดอะไรต่อ หรือคิดเรื่องอื่นๆ คู่สนทนาจะรู้สึกถึงการรับฟังอย่างตั้งใจและความเอาใจใส่ที่แท้จริง ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในยามจำเป็น

ในด้านการทำงาน การจดจ่อกับงานอย่างเต็มที่โดยไม่ปล่อยให้สิ่งรบกวนมาทำลายสมาธิ จะช่วยให้เราสามารถทำงานได้มากกว่าที่เพื่อนร่วมงานทำได้ในหนึ่งวัน Bailey กล่าวว่า การตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในแต่ละวันคือการเลือกว่าจะให้ความสนใจกับอะไร และรักษาความสนใจนั้นไว้ให้ได้

สภาวะ Hyperfocus เป็นจุดสูงสุดของการจดจ่อ เกิดขึ้นเมื่อเราทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้กับเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งเป็นเวลาต่อเนื่องนานกว่าสองถึงสามนาที ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การสนทนา การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ หรือการเรียนรู้ผ่านสื่อต่างๆ

ในการฝึกฝนเพื่อเข้าสู่สภาวะ Hyperfocus จำเป็นต้องเข้าใจว่าการรักษาสมาธิเปรียบเสมือนการเล่นเกมที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและความอดทน เมื่อเริ่มต้นฝึก ผู้ฝึกอาจรู้สึกท้อแท้เมื่อจิตใจวอกแวกบ่อยครั้ง แต่นี่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน สิ่งสำคัญคือการไม่ตำหนิตัวเอง และค่อยๆ ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

การฝึกฝน Hyperfocus เริ่มต้นจากการเลือกเป้าหมายที่ชัดเจน โดย Bailey แนะนำให้พิจารณาเป้าหมายที่มีผลลัพธ์ต่อเนื่องในสามระดับ ยกตัวอย่างเช่น การเขียนหนังสือ ระดับแรกคือการเขียนร่างแรกของบทให้สำเร็จ ระดับที่สองคือการสร้างผลกระทบต่อชีวิตของผู้อ่าน และระดับที่สามคือการสร้างการบอกต่อแบบปากต่อปากจากผู้อ่านที่ได้รับประโยชน์

การฝึกจดจ่อความสนใจสามารถทำได้ด้วยการจินตนาการถึงวงกลมสองวง วงแรกเป็นวงกลมสีเขียวทึบที่แทนเป้าหมาย อีกวงเป็นเส้นประที่แทนพื้นที่ความสนใจของเรา เป้าหมายคือการเคลื่อนวงกลมความสนใจให้ทับซ้อนกับวงกลมเป้าหมายอย่างสมบูรณ์ การฝึกฝนเช่นนี้จะช่วยให้จิตใจมีความแข็งแกร่งและจดจ่อได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การรักษาสมาธิให้จดจ่อนั้นมีความท้าทายจากปัจจัยหลายประการ ประการแรกคือสิ่งรบกวนจากภายนอก เช่น เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือ ไอคอนแอปพลิเคชันต่างๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่ความไม่เป็นระเบียบของสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้เราอยากจัดการ

ประการที่สองคือสิ่งรบกวนจากภายใน เช่น ความคิดเกี่ยวกับงานค้าง บุคคลที่ต้องติดต่อ หรือปัญหาที่รอการแก้ไข และประการสุดท้ายคือระดับการกระตุ้นของจิตใจที่อาจมาจากการเพิ่งใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือการอ่านข่าวสารมาก่อนหน้า

ก่อนเข้าสู่สภาวะ Hyperfocus Bailey แนะนำให้ฝึกสมาธิอย่างง่ายอย่างน้อยหนึ่งนาที โดยเลือกจุดเล็กๆ บนผนัง หน้าจอ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย จากนั้นให้จดจ่อความสนใจทั้งหมดไปที่จุดนั้น หากจิตใจวอกแวกไปคิดเรื่องอื่น ให้ค่อยๆ ดึงกลับมาที่จุดเดิม

การฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพไม่ได้หมายถึงการบังคับจิตใจให้จดจ่อตลอดเวลา แต่ต้องรู้จักสลับระหว่างช่วงเวลาของการจดจ่ออย่างเข้มข้น (Hyperfocus) กับช่วงเวลาของการปล่อยให้จิตใจพักผ่อน (Scatter Focus) อย่างเหมาะสม

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรอยู่ในสภาวะ Hyperfocus นานเกิน 90 นาที และควรสลับด้วยช่วง Scatter Focus ประมาณ 15-30 นาที เพื่อฟื้นฟูความสามารถในการจดจ่อ

ในช่วง Scatter Focus เราสามารถทำกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้ความคิดมาก เช่น การพับผ้า การเดินเล่น ฯลฯ การปล่อยให้จิตใจล่องลอยอย่างมีสติในช่วงนี้จะช่วยให้สมองได้ประมวลผลข้อมูลและเชื่อมโยงความคิดต่างๆ อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกฝน Bailey แนะนำให้ตั้งนาฬิกาเตือนทุกชั่วโมง เมื่อได้ยินเสียงเตือน ให้ตรวจสอบว่าจิตใจกำลังล่องลอยโดยไม่ตั้งใจหรือไม่ หากพบว่าเป็นเช่นนั้น ให้ค่อยๆ ดึงความสนใจกลับมาสู่งานที่กำลังทำอยู่

ผลลัพธ์ของการฝึกฝนการควบคุมความใส่ใจอย่างต่อเนื่องจะปรากฏในหลายด้าน ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และการพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้อื่น

หากเราสามารถควบคุมความใส่ใจได้ดีมักจะประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมีความสุขในการใช้ชีวิตมากกว่าผู้ที่ปล่อยให้จิตใจวอกแวกไปตามสิ่งเร้ารอบตัว

หนังสือ Hyperfocus ของ Chris Bailey นับเป็นคู่มือที่เจ๋งมาก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานและคุณภาพชีวิต ด้วยการรวบรวมงานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการโฟกัสและความใส่ใจ มานำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ผู้อ่านได้เรียนรู้วิธีการควบคุมจิตใจและใช้เวลาในแต่ละวันอย่างมีคุณค่า ทั้งในสภาวะ Hyperfocus และ Scatter Focus เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาวได้นั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Hyperfocus: How to Be More Productive in a World of Distraction โดย Chris Bailey


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube