Gap Year กับทางเลือกอนาคตสำหรับเด็กยุคใหม่

พอดีผมบังเอิญได้ไปดู Youtube Channel ช่องนึง ที่ได้ถกเถียงกันในเรื่องของวัฒนธรรม Gap Year จากฝั่งประเทศตะวันตก ว่าเหมาะที่จะนำมาใช้กับประเทศไทยหรือไม่

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าสนใจเลยทีเดียว ในเรื่องของ วัฒนธรรม Gap Year ที่มีมานานมาแล้วในประเทศฝั่งตะวันตก ที่ หลังจากจบมัธยมปลาย เด็ก ๆ จะใช้เวลา 1 ปี เพื่อค้นหาตัวเอง ซึ่งจะอยู่ภายใต้แนวคิดที่ว่า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย

เป็นการใช้เวลา 1 ปีนั้น เพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัด ว่า อยากตัวเองอยากเรียนอะไรกันแน่ แล้วค่อยสมัคร ก็ยังไม่สายเกินไป ดีกว่า จะต้องใช้เวลาอยู่กับมันทั้งชีวิต หากเรียนจนมหาลัยแล้วในสาขาที่ตัวเองนั้น ไม่ได้อยากที่จะเป็นจริง ๆ

ซึ่งตอนนี้ แนวคิดนี้ก็เริ่มมีการใช้กันบ้างแล้วในประเทศไทย เพราะเวลาเพียงแค่ 1 ปีนั้น เมื่อแลกกับ สิ่งที่ได้มาว่า เราชอบที่จะทำอะไรกันแน่ ถือเป็นเวลาที่คุ้มค่ามาก ๆ

แน่นอนว่าเมื่อก่อนหลาย ๆ คนอาจจะไม่มีเวลาคิดมากมาย เพื่อที่จะวางแผนกับตัวเองว่าชอบอะไรกันแน่ เพราะสังคมไทยเรานั้น ค่อนข้างฝังแนวคิด ว่าเรียนจบมัธยม ก็ต้องต่อมหาวิทยาลัย หรือ แม้กระทั่งยุคก่อนหน้ามีการสอบข้ามชั้นเรียน เพื่อให้ไปมหาลัยให้เร็วที่สุด กันเลยทีเดียว โดยที่แทบจะยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ ว่าเราชอบอะไรกันแน่

แต่เมื่อโลกเราเปลี่ยน ทางเลือกในการดำรงชีวิตนั้น มีหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ถูกจำกัดอยู่ไม่กี่อาชีพเหมือนเมื่อก่อน ที่เรามีกรอบความคิดไม่กี่อาชีพ เช่น หมอ วิศวกร บัญชี นักกฏหมาย ข้าราชการ หรือ อีกไม่กี่อาชีพ เมื่อเราถูกตั้งคำถามในวัยเด็ก เราก็จะตอบอาชีพวนเวียนอยู่เพียงแค่นี้เท่านั้น

แต่โลกยุคปัจจุบัน ด้วยการปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร เกิดการเชื่อมต่อกันกับคนทั้งโลกได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว ทำให้ เกิดอาชีพที่หลากหลาย ที่สามารถดำรงชีวิตได้เหมือนอาชีพอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Blogger , Youtuber , พ่อค้า แม่ค้า online หรือ นักเขียนนิยายออนไลน์ กลุ่ม Creator Content บนโลกออนไลน์ ที่ตอนนี้สามารถทำรายได้มหาศาลไม่ต่างจากอาชีพแบบโบราณ ที่ผู้ใหญ่ยึดถือกัน

ผมว่าตอนนี้ประเทศเราถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องอาชีพการงานต่าง ๆ ที่เปิดกว้าง และหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ได้ยึดติดเหมือนเมื่อก่อนที่ คนที่ เก่ง คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ถูกยอมรับว่าเป็นคนเก่งของสังคม

ซึ่งตอนนี้มันได้กลายเป็นเพียงแค่ศาสตร์แขนงหนึ่งเพียงเท่านั้น ซึ่งในอดีตมันสำคัญจริง ๆ แต่ตอนนี้มันแทบจะไม่มีผลใด ๆ ต่อการสร้างรายได้ให้กับเราในอนาคตอีกต่อไป ขอแค่คุณเก่งซักทางก็พอ ไม่ว่าเรื่องใด ไม่จำเป็นต้องเก่งในวิชาหลัก ๆ อย่างที่ถูกยึดติดในอดีตอีกต่อไป

เพราะตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เพราะ ความฉลาดของเด็ก ๆ นั้นมาในหลาย ๆ รูปแบบมาก ๆ บางคนอาจจะวาดรูปเก่ง มาสร้างเพจการ์ตูน ทำรายได้หลายล้านต่อไป ซึ่งในอดีตนั้น มันเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ หรือ คนที่มีมุกเจ๋ง ๆ สามารถสร้าง character จากมุกตลกต่าง ๆ บนโลกออนไลน์แล้วหาเงินได้มากมายมหาศาล หรือนักเขียนนิยายอายุน้อย ที่สามารถสร้างนิยาย คนอ่านหลักหลายล้านคน และทำรายได้มหาศาลไม่ต่างจาก อาชีพอื่น ๆ อีกต่อไป

ผมมองว่า Gap Year จะกลายเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในอนาคต ที่เด็ก ๆ ควรต้องค้นหาตัวเองว่าอยากที่จะทำอะไรกันแน่ และชอบในสิ่งที่ทำ อย่าให้เหมือนกับผู้ใหญ่ยุคก่อน ๆ ที่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว และต้องทนอยู่กับอาชีพนั้น ๆ เป็นอีกหลายสิบปี ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ชอบมันแต่อย่างใด ซึ่งการเสียเวลาเพียงแค่ปีเดียวนั้น มองยังไงมันก็คุ้มมาก ๆ กับเส้นทางเดินในชีวิตอีกหลายสิบปีข้างหน้า ที่คุณจะมีความสุขกับการทำงานที่คุณรักตลอดไปนั่นเองครับผม

Image References : https://gln.edu.vn/kinh-nghiem-du-hoc-my/gap-year-phan-2


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube