ในโลกเทคโนโลยีที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดในปัจจุบัน ก็ต้องบอกว่ามีบริษัทหนึ่งที่โชว์ความเทพด้วยการเติบโตเร็วกว่าใคร ByteDance ที่มูลพุ่งทะยานถึงมูลค่า 180,000 ล้านดอลลาร์ภายในแค่ 8 ปี เมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ที่ใช้เวลาถึง 12 ปี Google 15 ปี และ Amazon 24 ปี
ความสำเร็จโครตเทพนี้เกิดจากฝีมือชายคนหนึ่งที่ชื่อ Zhang Yiming วิศวกรซอฟต์แวร์ที่กล้าลาออกจาก Microsoft เพราะรู้สึกเหมือนถูกกักความคิด ไม่ได้โชว์ความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่
Zhang Yiming เกิดปี 1983 ที่จังหวัดฝูเจี้ยน ประเทศจีน จากครอบครัวข้าราชการธรรมดา ไม่ได้มีต้นทุนที่เหนือกว่าใครมาตั้งแต่เด็ก
เขาเติบโตในพื้นที่ห่างไกลจากศูนย์กลางเทคโนโลยี ราวกับฟ้าลิขิตให้เขาต้องฝ่าฝันต่อสู้มากกว่าคนอื่น
ตอนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนานไหในปี 2001 แรกเริ่ม Zhang เลือกเรียนไมโครคอมพิวเตอร์ แต่หลังผ่านไปหนึ่งปี เขาเปลี่ยนไปเรียนวิศวกรรมซอฟต์แวร์ การตัดสินใจนี้เหมือนการขีดชะตาชีวิตของเขาใหม่ทั้งหมด
ระหว่างเรียน Zhang แสดงทักษะด้านคอมพิวเตอร์ที่เจ๋งมาก ๆ ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นงมกับปัญหาเทคนิค Zhang แก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั่วมหาวิทยาลัย จนกลายเป็นที่รู้จักในฐานะหมอคอมที่ซ่อมแล็ปท็อปและเดสก์ท็อป งานเสริมนี้ไม่แค่ทำเงิน แต่ยังช่วยพัฒนาความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์
ในช่วงมหาวิทยาลัย Zhang ได้พบกับ Liang Rubo เพื่อนร่วมห้องที่ต่อมากลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ByteDance และ CEO คนปัจจุบัน
หลังเรียนจบ Zhang เริ่มงานที่เว็บไซต์จองการเดินทางชื่อ Kuxun ซึ่งมีพนักงานแค่ไม่ถึง 10 คน ที่นี่เขาต้องจัดเต็มทำทุกอย่าง
บางวันเขียนโค้ด บางวันซ่อมเซิร์ฟเวอร์ บางครั้งก็ช่วยงานลูกค้า พอ Kuxun โตขึ้น บทบาทของ Zhang ก็ขยายไปสู่การเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิค
การเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเล็กๆ นี้สอนให้ Zhang เข้าใจกลไกธุรกิจเทคโนโลยี และรู้ว่าการตัดสินใจทางเทคนิคส่งผลต่อธุรกิจยังไง
ปี 2008 Zhang เข้าร่วมทีม Microsoft เพื่อเก็บประสบการณ์ในบริษัทใหญ่ แต่แม้จะมีความมั่นคงและทรัพยากรมหาศาล แต่เขากลับรู้สึกอึดอัดกับโครงสร้างองค์กรที่ใหญ่โตเทอะทะ
หลังทำงานแค่ 6 เดือน Zhang ตัดสินใจลาออกจาก Microsoft เพื่อหาโอกาสในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่ตัวเองต้องการ
ก่อนตั้ง ByteDance Zhang ได้เริ่มทำเว็บไซต์อสังหาฯ ชื่อ 99fang แม้ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่เขามองเห็นโอกาสมากกว่า – การพัฒนาแพลตฟอร์มข่าวที่ใช้อัลกอริทึมแทนวิธีการบรรณาธิการแบบเก่า
จุดพีคเกิดขึ้นปี 2012 ขณะที่ Zhang นั่งรถไฟใต้ดินในปักกิ่ง เขาสังเกตว่าคนอ่านหนังสือพิมพ์น้อยลงและหันไปใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น
การสังเกตนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาพัฒนาวิธีใหม่ในการบริโภคเนื้อหา – ใช้อัลกอริทึมส่งข่าวที่ตรงใจผู้ใช้แต่ละคน
แนวคิดนี้ไม่ได้รับการยอมรับในทันที นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เนื่องจากบริษัทสื่อเดิมครอบงำตลาดอยู่แล้ว
หลายคนสงสัยว่าอัลกอริทึมสู้บรรณาธิการมนุษย์ได้หรือ แต่ด้วยความเซียนด้านวิศวกรรม Zhang มั่นใจว่าแก้ปัญหาเทคนิคพวกนี้ได้สบาย
จุดเปลี่ยนเกิดเมื่อ Susquehanna International Group (SIG) ตัดสินใจอัดฉีด 5 ล้านดอลลาร์ในปี 2012 เงินก้อนนี้ช่วยให้ Zhang ปลุกปั้นทีมเทคนิคที่มุ่งพัฒนาอัลกอริทึมแนะนำสุดซับซ้อน
อัลกอริทึมเรียนรู้จากการโต้ตอบของผู้ใช้เพื่อส่งเนื้อหาที่เหมาะกับแต่ละคน เดือนสิงหาคม 2012 Zhang เปิดตัว Toutiao (แปลว่า “หัวข้อข่าว” ในภาษาจีน)
แอพนี้โดดเด่นด้วยความสามารถในการเรียนรู้ความสนใจของผู้ใช้ – ยิ่งใช้มากเท่าไร ก็ยิ่งแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น ภายในเวลาแค่ 16 เดือน Toutiao มีผู้ใช้งานประจำวันถึง 13 ล้านคน
ความสำเร็จของ Zhang ไม่ได้อยู่แค่การสร้างแอพฮิต แต่เขาคิดค้นนวัตกรรมใหม่ในการแจกจ่ายเนื้อหา ซึ่งพลิกโฉมการบริโภคสื่อทั่วโลก
พื้นฐานทางวิศวกรรมของ Zhang มีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เขามุ่งเน้นการสร้างระบบเทคนิคแข็งแกร่งสำหรับอัลกอริทึมของ ByteDance
เขาเข้าใจว่าเทคโนโลยีที่เจ๋งกว่าจะดึงดูดผู้ใช้มากกว่า ByteDance เปิดห้องแล็บ AI ในปี 2016 เพื่อปรับปรุงระบบแนะนำ
สุดท้าย ByteDance ก็เริ่มสร้างวงจรการเติบโต : ยิ่งมีคนใช้แพลตฟอร์มมากขึ้น ก็ยิ่งเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งทำให้คำแนะนำแม่นยำขึ้น
ผลลัพธ์คือผู้ใช้มีส่วนร่วมมากขึ้น และช่วยให้บริษัทเติบโตกระฉูด การเปิดตัว Douyin ในปี 2016 แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของระบบ
เทคโนโลยีที่จับคู่ผู้ใช้กับบทความข่าวได้ปรับตัวไปสู่การแนะนำวิดีโอสั้นๆ Douyin ทำให้ผู้ใช้ติดหนึบด้วยเนื้อหาที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล
Zhang เข้าใจว่าในเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข่งขันด้วยความสนใจ สินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดคือเทคโนโลยีที่เชื่อมผู้ใช้กับเนื้อหาที่ถูกใจ
วิธีการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ ByteDance ช่วยให้บริษัทเทพกว่าคู่แข่งและเปลี่ยนแปลงวงการเนื้อหาดิจิทัลไปอย่างสิ้นเชิงแม้กระทั่งยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook , Google (Youtube) ก็ต้องทำตาม
แม้จะประสบความสำเร็จในจีน Zhang Yiming ก็ยังฝันถึงเป้าหมายที่ใหญ่กว่า ไม่เหมือนกับบิ๊กบอสที่ Alibaba, Tencent และ Baidu ที่มุ่งเน้นตลาดจีน Zhang ต้องการสร้างบริษัทระดับโลกของแท้
ภายในปี 2017 Zhang ตระหนักว่า ByteDance ต้องขยายไปสู่ตลาดนานาชาติเพื่อการเติบโตต่อไป แต่ความท้าทายนั้นไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ
บริษัทเทคโนโลยีจีนมักเจอปัญหาในการเข้าตลาดตะวันตก ต้องเผชิญกับความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ความแตกต่างทางวัฒนธรรม และการปรับผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับผู้ใช้ต่างชาติ
Zhang เห็นทางออกคือการซื้อกิจการ Musical .ly แอพที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอเมริกัน เดือนพฤศจิกายน 2017 ByteDance ซื้อ Musical .ly ในราคาประมาณ 800 ล้านดอลลาร์
แม้หลายคนจะตั้งคำถามเกี่ยวกับราคาในตอนนั้น แต่มันพิสูจน์แล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่เทพมาก ByteDance ใช้ฐานผู้ใช้ที่มีอยู่แล้วของ Musical .ly เป็นประตูสู่ตลาดตะวันตก
เดือนสิงหาคม 2018 ByteDance ควบรวม Musical .ly กับเวอร์ชันนานาชาติของ Douyin และเปลี่ยนชื่อเป็น TikTok เบื้องหลังการควบรวม วิศวกร ByteDance นำอัลกอริทึมแนะนำสุดเจ๋งของบริษัทมาใช้
ผลลัพธ์นั้นน่าทึ่ง อัลกอริทึมถูกปรับให้เข้าใจความชอบของผู้ใช้ตะวันตก วิดีโอที่เชื่อมต่อกับผู้ใช้รายหนึ่งจะถูกแสดงให้โปรไฟล์ที่คล้ายกัน
สร้างรูปแบบไวรัลที่ช่วยให้เนื้อหาแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนกับ Facebook และ Instagram ที่แสดงเนื้อหาจากบัญชีที่ผู้ใช้ติดตาม
หน้า “For You” ของ TikTok สามารถทำให้ครึเอเตอร์ที่ไม่มีใครรู้จักกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ข้ามคืน เมื่อการระบาดของ COVID-19 เกิดขึ้น TikTok ยิ่งฮิตติดลมบนเมื่อการล็อกดาวน์ทำให้ผู้คนอยู่บ้านหาความบันเทิง
TikTok กลายเป็นแอพที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดทั่วโลกในปี 2020 ด้วยผู้ใช้รายวันมากกว่า 500 ล้านคน แพลตฟอร์มที่เริ่มต้นด้วยการเต้นได้เติบโตเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ครอบคลุมเนื้อหาสารพัด
ในปี 2019 Zhang เล็งเห็นความเสี่ยงในการพึ่งพารายได้จากแอพไม่กี่แอพ หากกฎเกณฑ์เปลี่ยนหรือผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรม ธุรกิจอาจประสบปัญหา
เพื่อลดความเสี่ยง ByteDance ใช้ความเซียนทางเทคโนโลยีขยายไปหลายด้าน เทคโนโลยีการศึกษากลายเป็นหนึ่งในจุดโฟกัสแรกๆ
ByteDance เปิดตัว GogoKid นำเสนอการเรียนรู้ที่ปรับแต่งสำหรับเด็ก และยังซื้อโรงเรียนออนไลน์ JingBei ในปี 2019 โดยนำ AI มาใช้ปรับการสอนตามความก้าวหน้าและรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน
เกมเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ของการขยายตัว ByteDance เริ่มพัฒนาและเผยแพร่เกมโดยตรง ท้าทาย Tencent มินิเกม 13 เกมของบริษัทติดอันดับ 10 เกมฟรียอดนิยมบน iOS App Store
ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรเป็นอีกก้าวที่น่าสนใจ ในปี 2017 ByteDance เปิดตัว Feishu (หรือ Lark ในตลาดนานาชาติ) เครื่องมือการทำงานร่วมกันสำหรับธุรกิจ
ในช่วง COVID-19 ByteDance เสนอให้ใช้ Feishu ฟรี กระตุ้นการยอมรับเมื่อบริษัทต่างๆ เปลี่ยนไปสู่การทำงานทางไกล อีคอมเมิร์ซก็กลายเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ
ByteDance รวมฟีเจอร์ช็อปปิ้งเข้ากับ TikTok ช่วยให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าโดยตรงจากวิดีโอ สร้างเส้นทางราบรื่นจากการค้นพบไปสู่การซื้อ และเปิดช่องทางรายได้ใหม่
สิ่งที่ทำให้กลยุทธ์ของ ByteDance โหดมาก ๆ ก็คือความสามารถในการประยุกต์ใช้ AI ในทุกอุตสาหกรรม เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ที่ขับเคลื่อน TikTok ถูกนำไปใช้ทุกที่
ความสำเร็จที่ดังกระฉูดของ TikTok โดยเฉพาะในประเทศตะวันตกสร้างปัญหาใหม่ให้ ByteDance แอพวิดีโอสั้นที่สนุกกลายเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ
ข้อมูลส่วนตัว เทคโนโลยี และความเชื่อมโยงกับจีนของบริษัท ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคง เดือนสิงหาคม 2020 รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำสั่งขู่แบน TikTok
การสูญเสียการเข้าถึงตลาดอเมริกันเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อ ByteDance เสี่ยงต่อรายได้หลายพันล้านและอาจนำไปสู่การแบนในประเทศอื่นๆ
Zhang และทีมทำงานหนักเพื่อแก้ปัญหา พวกเขาเสนอความร่วมมือกับ Oracle และ Walmart สร้างหน่วยงานใหม่เพื่อจัดการข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ
สุดท้าย Zhang Yiming ลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ ByteDance ในปี 2021 และส่งไม้ต่อให้ Liang Rubo เพื่อนร่วมห้องและผู้ร่วมก่อตั้ง
Zhang บอกว่าเขาไม่เก่งในการจัดการกฎระเบียบรัฐบาลและอยากกลับไปทำงานด้านเทคโนโลยีมากกว่า หลังจาก Zhang ถอย ByteDance เปิดตัว Project Texas โครงการมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
ในปี 2024 รัฐสภาสหรัฐออกกฎหมายสั่งให้ ByteDance ขาย TikTok ภายใน 9 เดือนหรือเจอการแบน สถานการณ์นี้ทำให้ ByteDance ตกที่นั่งลำบาก และสุดท้ายพวกเขาก็ถูกแบนจริง ๆ ในปลายยุคของประธานาธิบดี Joe Biden
ByteDance อยู่ในตำแหน่งที่เทพมากในการแข่งขันด้าน AI เนื่องจากข้อมูลมหาศาลที่บริษัทเก็บรวบรวม ทุกการปัดนิ้ว การหยุดดูวิดีโอ และการมีปฏิสัมพันธ์ล้วนสร้างข้อมูลฝึกระบบ AI
Zhang จ้างเซียน AI โดยเสนอค่าตอบแทนสูงลิ่วที่เทียบเท่าหรือเกินกว่าบริษัทวิจัย AI ชั้นนำ กลยุทธ์นี้แสดงให้เห็นว่า Zhang เข้าใจดีว่าในสงคราม AI ความสามารถของคนสำคัญกว่าเงิน
ในปี 2023 ByteDance เปิดตัว Doubao แชทบอท AI ซึ่งดึงดูดผู้ใช้งาน 75 ล้านคนในจีนอย่างรวดเร็ว บริษัทยังพัฒนาโมเดลวิเคราะห์ภาพที่ทำงานด้วยต้นทุนต่ำกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมถึง 85%
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Zhang Yiming คือสไตล์การเป็นผู้นำที่แตกต่าง ในโลกที่ผู้นำหลายคนชอบความสนใจและการถูกจดจำ Zhang กลับเลือกเส้นทางที่เงียบกว่า
ขณะที่ Jack Ma สร้าง Alibaba ผ่านการพูดปราศรัยอันโดดเด่นและการปรากฏตัวในสื่อครั้งใหญ่ๆ และ Steve Jobs เปลี่ยนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ให้เป็นโชว์ระดับตำนาน Zhang หลีกเลี่ยงแสงไฟและเลือกที่จะนำจากเบื้องหลัง
ในบันทึกปี 2021 Zhang ยอมรับอย่างน่าประหลาดใจว่าเขาขาดคุณสมบัติทั่วไปของผู้จัดการเก่งๆ และชอบวิเคราะห์ระบบมากกว่าการจัดการกับผู้คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผู้นำที่เข้าใจจุดแข็งและข้อจำกัดของตนเองอย่างชัดเจน
Zhang บริหารบริษัทโดยมุ่งเน้นที่วิธีการจัดระบบและความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง แทนที่จะส่งเสริมตัวเอง เขาสร้างวัฒนธรรมที่ ByteDance ให้เห็นคุณค่าของนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ทั่วทั้งองค์กร
เขาสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้วิศวกรที่มีความสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีกฎเกณฑ์เยอะแยะมาขัดขวาง
แม้ว่า Zhang จะค่อนข้างเก็บตัว แต่เขาได้สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ ByteDance ที่ส่งเสริมให้ทีมงานร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพและกล้าแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย
ผู้คนในทีมได้รับการสนับสนุนให้นำเสนอไอเดียสุดเจ๋งและกล้าเสี่ยงอย่างชาญฉลาด ดูน่าแปลกสำหรับคนขี้อายที่จะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่คึกคักเช่นนี้ แต่มันแสดงให้เห็นว่า Zhang เข้าใจคุณค่าของการทำงานเป็นทีมในการแก้ปัญหาสุดหินอย่างแท้จริง
เมื่อ TikTok เจอดรามากฎระเบียบในสหรัฐอเมริกา Zhang แสดงความเป็นผู้นำอีกแบบหนึ่งโดยการเลือกผู้บริหารที่เชี่ยวชาญจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ ในขณะที่เขามุ่งเน้นไปที่การพัฒนากลยุทธ์และเทคนิค
ความเต็มใจที่จะถอยเมื่อจำเป็นแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท ความเป็นผู้นำแบบนี้ไม่เหมือนใครในวงการเทคโนโลยีที่มักจะมีอีโก้มากโข
การเดินทางของ ByteDance จากสตาร์ทอัพเล็กๆ สู่ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีระดับโลกเป็นเรื่องราวที่น่าตะลึง ความสามารถของบริษัทในการบรรลุมูลค่า 180 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 8 ปี
เป็นการพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของ Zhang Yiming และความเทพในการสร้างระบบอัลกอริทึมที่เปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนบริโภคเนื้อหาดิจิทัลไปตลอดกาล
วิศวกรซอฟต์แวร์ที่เคยซ่อมคอมพิวเตอร์เป็นงานเสริมระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยได้ปลุกปั้นอาณาจักรเทคโนโลยีมูลค่ากว่า 400 พันล้านดอลลาร์ และกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในโลก
ด้วยมูลค่าส่วนตัวที่พุ่งทะยานกว่า 65.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องราวชีวิตของเขาเหมือนหลุดมาจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด แต่นี่คือชีวิตจริงของชายผู้มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล
ดังที่ Zhang เคยกล่าวไว้ “การสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่เราจะอยู่รอดในตลาดที่คาดเดาไม่ได้” ความเชื่อนี้เป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากวิศวกรเงียบๆ ไปสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพล
ในขณะที่ความท้าทายด้านกฎระเบียบและการเมืองยังคงรุมเร้า ByteDance ก็ยังคงเติบโตและปรับตัวไม่หยุดยั้ง ขยายไปสู่การศึกษา เกม ซอฟต์แวร์องค์กร อีคอมเมิร์ซ และ AI
อนาคตของบริษัทอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับ TikTok เพียงอย่างเดียว แต่กับความสามารถในการประยุกต์ใช้ความเชี่ยวชาญด้านอัลกอริทึมและ AI ในอุตสาหกรรมต่างๆ
ByteDance ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Zhang Yiming ไม่เพียงแต่สร้างความบันเทิงให้กับผู้คนนับพันล้าน แต่ยังเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราบริโภคเนื้อหา เรียนรู้ ทำงาน และช็อปปิ้ง
ความสำเร็จที่สั่นคลอนวงการเทคโนโลยีโลกของ ByteDance เป็นบทเรียนให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เห็นว่า ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน การยึดมั่นในนวัตกรรม และความกล้าที่จะท้าทายสถานะเดิม แม้แต่วิศวกรขี้อายจากพื้นที่ห่างไกลก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
ในโลกที่เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ByteDance ยังคงยืนหยัดเป็นต้นแบบของความสามารถในการมองเห็นอนาคตและการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ไม่หยุดนิ่ง
เส้นทางข้างหน้าอาจเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ประวัติศาสตร์ของ ByteDance ได้พิสูจน์แล้วว่าภายใต้ความกดดัน พวกเขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่เหนือความคาดหมายได้เสมอ นี่คือพลังของการกล้าคิดนอกกรอบและการกล้าเสี่ยงที่จะเปลี่ยนแปลงโลก
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ