หากพูดถึงชื่อ Elon Musk หลายคนคงนึกถึงชายผู้เป็นเจ้าของ Tesla, SpaceX และ X
แต่รู้หรือไม่ว่าชีวิตในวัยเด็กของชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกคนนี้ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่หลายคนคิด
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นที่เมือง Pretoria ในประเทศ South Africa ดินแดนที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็น Elon Musk ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้
ก่อนจะไปถึงเรื่องของเขา เราอาจต้องย้อนกลับไปดูนามสกุล Musk ที่ไม่ธรรมดา
นามสกุล Musk ถือเป็นหนึ่งในตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ มีมาตั้งแต่ยุคที่ประเทศเพิ่งเริ่มมีการใช้นามสกุลเพื่อความสะดวกในการเก็บภาษี
รากเหง้าของตระกูลนี้ สามารถสืบย้อนไปได้ถึงศตวรรษที่ 18 ชายที่ชื่อ Henry Musk และภรรยาของเขา Mary Faulkener คือบรรพบุรุษสายตรงของ Elon Musk นั่นเอง
ส่วนชื่อ Elon ที่หลายคนมองว่าแปลก ก็มีที่มาจากคุณตาทวดของเขา John Elon Haldeman ผู้จากไปด้วยโรคเบาหวานในปี 1909 ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มียารักษา
การจากไปของคุณตาทวด ทำให้ Almeda Haldeman ภรรยาของเขา ต้องดิ้นรนเลี้ยงดูลูกชายลำพัง ซึ่งก็คือคุณตาของ Musk ที่ชื่อ Joshua Haldeman
Almeda มีความเชื่อที่แปลกประหลาดว่า หากย้ายไปอยู่ในที่ที่อากาศหนาวพอ จะสามารถมีชีวิตรอดจากโรคเบาหวานได้ เธอจึงตัดสินใจพาลูกชายย้ายไปตั้งรกรากที่ประเทศ Canada
และดูเหมือนว่าคุณตา Joshua Haldeman คนนี้นี่เอง ที่เป็นต้นแบบสำคัญของ Elon Musk
Joshua เป็นชายที่มีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการชกมวย, มวยปล้ำ, ยิงปืน หรือแม้กระทั่งการปีนเขา เขาคือชายผู้ไม่เคยหยุดนิ่งและชอบทำอะไรที่ท้าทายอยู่เสมอ
เขาได้แต่งงานกับ Wynn คุณครูสอนเต้นรำชาว Canada ในปี 1948 และมีลูกด้วยกัน 5 คน หนึ่งในนั้นคือ Maye Haldeman ซึ่งก็คือคุณแม่ของ Elon Musk
คุณตา Joshua มีแนวคิดแบบเสรีนิยม เขาเลี้ยงลูกๆ อย่างอิสระ และมีความหลงใหลในการขับเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ เขายังได้เปิดคลินิก Chiropractic ซึ่งเป็นแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยนั้น
แต่ด้วยนิสัยที่รักการผจญภัยและเบื่อหน่ายระบบราชการของ Canada ที่มักเข้ามาก้าวก่ายการทำงานของเขา ในปี 1950 Joshua จึงตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้ง
เขาต้องการนำศาสตร์ Chiropractic ไปเผยแพร่ในดินแดนใหม่ จึงได้พาครอบครัวทั้งหมด อพยพไปยังประเทศ South Africa สถานที่ที่พวกเขาไม่เคยไปเยือนมาก่อน
Joshua ขับเครื่องบินส่วนตัวของเขา บินสำรวจเมืองต่างๆ ทั่ว South Africa จนในที่สุดก็ตัดสินใจลงหลักปักฐานที่เมือง Pretoria ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชีวิตของ Elon Musk ได้เริ่มต้นขึ้น
แต่สำหรับเด็กชาย Elon Musk เมือง Pretoria กลับไม่ต่างอะไรจากคุกที่กักขังเขาไว้
เมืองแห่งนี้ทำให้เขากลายเป็นเด็กเก็บตัว และแทบจะไม่มีความสุขเลย แต่มันก็ได้หล่อหลอมนิสัยสำคัญอย่างหนึ่งให้กับเขา นั่นก็คือ “นิสัยรักการอ่าน”
เพื่อที่จะเข้าใจความรู้สึก “อยากหนี” ของ Musk เราอาจต้องย้อนกลับไปดูเรื่องราวของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง ที่เคยสร้างวีรกรรมไว้ในเมือง Pretoria แห่งนี้
ชายคนนั้นคือ Winston Churchill
ก่อนที่ Churchill จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ เขาเคยล้มเหลวในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวัยเพียง 25 ปี และยังไม่มีใครรู้จัก
เขาจึงหันกลับไปจับปืนและปากกาอีกครั้ง ในช่วงที่สงคราม Boer ระหว่างกองทัพอังกฤษและชาวดัตช์ใน South Africa กำลังปะทุขึ้น
Churchill มองเห็นโอกาสในการสร้างชื่อเสียง เขาจึงทำข้อตกลงกับหนังสือพิมพ์ Morning Post เพื่อเดินทางไปทำข่าวสงคราม โดยติดตามไปกับขบวนรถไฟของกองทหารอังกฤษ
แต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขบวนรถไฟถูกทหารชาว Boer โจมตีอย่างหนัก
ในภาวะวิกฤตนั้นเอง Churchill ได้สร้างวีรกรรม เขาอาสาฝ่าดงกระสุนเพื่อไปเคลื่อนย้ายตู้รถไฟที่ขวางทางอยู่ ทำให้ทหารที่บาดเจ็บจำนวนมากสามารถหนีรอดไปได้
ทว่าตัวเขาเองกลับถูกจับเป็นเชลย พร้อมกับทหารอังกฤษอีก 52 นาย
แม้จะไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่การถูกคุมขังในคุกที่ Pretoria ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยที่ไม่รู้เลยว่าชื่อของเขากำลังโด่งดังไปทั่วอังกฤษในฐานะวีรบุรุษ
ในเดือนธันวาคม ปี 1899 เขาจึงตัดสินใจหลบหนีออกจากที่คุมขัง ท่ามกลางวงล้อมของทหาร Boer จำนวนมหาศาล และสามารถกลับไปยังกองทัพอังกฤษได้อย่างปลอดภัย
เมื่อกองทัพอังกฤษบุกยึด Pretoria ได้สำเร็จ Churchill คือคนที่ขี่ม้านำหน้าเข้าไปฉีกธงของพวก Boer ที่ปักอยู่หน้าคุกที่เคยขังเขาทิ้งอย่างสะใจ
วีรกรรมครั้งนี้ทำให้เขากลับอังกฤษอย่างวีรบุรุษ และได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นบนเส้นทางการเมืองอันยิ่งใหญ่ของเขา
เรื่องราวการ “หนี” ของ Churchill ดูเหมือนจะสะท้อนชีวิตของ Elon Musk ใน Pretoria ได้เป็นอย่างดี
ตอนอายุ 6 ขวบ Musk ถูกคุณแม่ห้ามไม่ให้ไปงานปาร์ตี้ที่บ้านญาติ แต่ด้วยความที่ไม่เห็นด้วย เขาจึงวางแผนที่จะหนีออกจากบ้านเพื่อไปให้ถึงงานปาร์ตี้ให้ได้
ตอนแรกเขาคิดจะปั่นจักรยานไป แต่คุณแม่หลอกเขาว่าต้องมีใบขับขี่ ไม่อย่างนั้นจะถูกตำรวจจับ ทำให้ Musk เหลือทางเลือกเดียวคือการ “เดิน”
ระยะทางกว่า 10 ไมล์ หรือประมาณ 16 กิโลเมตร คือสิ่งที่เด็กชายวัย 6 ขวบต้องเผชิญ มันคือเส้นทางเดียวกับที่ Churchill ใช้หลบหนีออกจากคุกนั่นเอง
ในขณะที่ Churchill ใช้ดวงดาวนำทาง เด็กน้อย Musk กลับใช้วิธีอ่านป้ายจราจรตามถนน ซึ่งเป็นความรู้ที่เขาได้มาจากการเป็นหนอนหนังสือตัวยง
เขาใช้เวลาเดินผ่านตึกรามบ้านช่องสไตล์โบราณของ Pretoria นานกว่า 4 ชั่วโมง จนกระทั่งไปถึงสถานที่จัดงานปาร์ตี้
แต่โชคไม่ดีที่ Maye แม่ของเขาไปถึงที่นั่นพอดี เมื่อเห็นแม่ ทางเดียวที่เด็กน้อย Musk คิดออกคือการปีนขึ้นไปซ่อนตัวบนต้นไม้อย่างรวดเร็ว
Musk ไม่ยอมลงมาจนกว่าแม่จะให้สัญญาว่าจะไม่ทำโทษเขา สุดท้ายเขาก็ต้องกลับบ้านด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนทุกครั้ง เพราะสำหรับเขาแล้ว Pretoria ก็ไม่ต่างอะไรกับคุกดีๆ นี่เอง
ที่นี่ Musk แทบไม่มีเพื่อน เวลาส่วนใหญ่ของเขาหมดไปกับการเล่นกับลูกพี่ลูกน้อง หรือไม่ก็อ่านหนังสือ เขาเกลียดการดูทีวี เพราะรายการทีวีที่นี่น่าเบื่อมาก
แต่สิ่งเดียวที่ Musk รักและเป็นโลกทั้งใบของเขา ก็คือการอ่านหนังสือ
เขาสามารถใช้เวลาอยู่กับหนังสือเล่มโปรดได้นานถึง 10 ชั่วโมงต่อวัน บางครั้งสามารถอ่านหนังสือเล่มหนาๆ จบได้ถึง 2 เล่มภายในวันเดียว
ร้านหนังสือคือสถานที่โปรดของเขา เขามักจะไปหมกตัวอยู่ที่นั่นจนเจ้าของร้านต้องมาไล่ให้กลับบ้าน แม้กระทั่งบนโต๊ะอาหารเย็น เขาก็มักจะพกหนังสือมาอ่านด้วยเสมอ
หนังสือโปรดของเขามักเป็นเรื่องราวของฮีโร่ผู้กอบกู้โลก และการผจญภัย ไม่ว่าจะเป็น The Lord of the Rings, งานเขียนของ Jules Verne, The Foundation Series ของ Isaac Asimov และอีกมากมาย
โดยเฉพาะงานเขียนของ Jules Verne ที่จุดประกายความสนใจในเรื่องฟิสิกส์ เรือดำน้ำ และยานอวกาศ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการก่อตั้งบริษัท SpaceX
เมื่อโตขึ้น เขาก็หันมาสนใจอ่านชีวประวัติของบุคคลสำคัญอย่าง Benjamin Franklin และ Steve Jobs ซึ่งปลูกฝังจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการให้กับเขา
แน่นอนว่าเหมือนเด็กทั่วไป Musk ก็ชอบอ่านการ์ตูน เขาอ่านตั้งแต่ Batman ไปจนถึง Iron Man ซึ่งในเวลาต่อมา สื่อหลายสำนักก็ได้ยกย่องให้เขาเป็น Iron Man ในโลกแห่งความจริง
หลังจากที่อ่านการ์ตูนจนหมดแล้ว เขาก็หันไปอ่านสารานุกรม Encyclopedia Britannica ซึ่งแม่ของเขาถึงกับทึ่งที่ Musk สามารถจดจำเนื้อหาส่วนใหญ่ในนั้นได้
พี่สาวของเขาถึงกับตั้งฉายาให้ว่า “genius boy” เพราะความสามารถในการจดจำที่น่าทึ่ง
ในโรงเรียน Musk เป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ก็เป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เขามักจะใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดมากกว่าที่จะออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ
แต่ความเป็นอัจฉริยะของเขาก็เป็นดาบสองคม เขามักจะพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น และความหวังดีที่อยากจะช่วยเพื่อนๆ ก็มักถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด
ชีวิตในวัยเด็กของ Musk เต็มไปด้วยความยากลำบาก เขาถูกเพื่อนรังแกอยู่เสมอ และเกลียดการตื่นเช้าไปโรงเรียนเป็นอย่างมาก
ความฉลาดเกินวัยยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว เขามักจะตั้งคำถาม “Why?” กับพ่อแม่เสมอ และถ้าพ่อแม่สอนอะไรผิดๆ เขาก็จะเถียงจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของ Musk คือการได้พบกับ “คอมพิวเตอร์”
เขาเก็บเงินเพื่อซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในชีวิต นั่นคือ Commodore VIC-20 ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายแรกก็เพื่อใช้เล่นเกมนั่นเอง
แต่ไม่นาน Musk ก็อยากจะสร้างเกมของตัวเองขึ้นมา เขาจึงไปลงเรียนเขียนโปรแกรม และในปี 1983 ขณะที่อายุเพียง 12 ปี เขาก็สามารถสร้างและขายเกมแรกของเขาได้สำเร็จ
เกมนั้นมีชื่อว่า “Blastar” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเกมดังในยุคนั้นอย่าง Asteroids และ Space Invaders เขาส่งจดหมายไปเสนอนิตยสารคอมพิวเตอร์ และขายมันไปได้ในราคา 500 เหรียญ
ความสำเร็จครั้งแรกนี้ ทำให้เขามีแรงผลักดันที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นต่อๆ ไป
เมื่ออายุได้ 17 ปี Musk ตัดสินใจว่าเขาต้องออกจาก South Africa ให้ได้ หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือเขาไม่ต้องการถูกเกณฑ์ทหาร แต่เป้าหมายที่แท้จริงนั้นยิ่งใหญ่กว่านั้น
เขาต้องการหนีออกจาก “คุก” ที่ชื่อ Pretoria ซึ่งกักขังเขามานาน ความหลงใหลในเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ ผลักดันให้เขาต้องออกไปสู่โลกกว้าง
Canada เป็นเพียงที่พักชั่วคราว เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือ Silicon Valley ดินแดนแห่งโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ
ตั๋วเดินทางสู่ Canada ในวันนั้น ไม่ใช่แค่การย้ายประเทศ แต่มันคือการเดินทางที่ไม่มีวันหวนกลับ สำหรับชายผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกในเวลาต่อมา ชายที่ชื่อ Elon Musk
References : [businessinsider, cnbc, waitbutwhy, history, biography]
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ













