ความฝันที่เราจะสามารถเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่โดยใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง มันคือสิ่งที่ Hyperloop One พยายามทำให้เป็นจริง แต่หลังจากระดมทุนไปกว่า 450 ล้านดอลลาร์และทำงานมาเกือบทศวรรษ ความฝันนี้กลับจบลงในเดือนธันวาคม 2023 เมื่อบริษัทประกาศปิดตัวอย่างเป็นทางการ
แนวคิด Hyperloop ไม่ใช่เรื่องใหม่ ย้อนกลับไปต้นยุค 1900 วิศวกรชื่อ Robert H. Godard คิดค้น V Train ซึ่งเป็นระบบขนส่งในท่อความดันต่ำ แนวคิดนี้อยู่ในตำราวิศวกรรมและนิยายวิทยาศาสตร์มาหลายสิบปี แต่ไม่เคยมีใครลงมือทำจริงจัง
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2012 เมื่อ Elon Musk พูดถึงแนวคิดนี้กับเพื่อนชื่อ Shervin Pishevar ระหว่างเดินทางไปคิวบา Musk ตีพิมพ์แนวคิดชื่อ “Hyperloop Alpha” ในปี 2013 และเปิดเป็น open source เพราะอ้างว่าไม่มีเวลาพัฒนาเนื่องจากต้องดูแล Tesla กับ SpaceX
หลักการของ Hyperloop คือการนำแคปซูลใส่ในท่อขนาดใหญ่ ปรับความดันให้มีแรงต้านอากาศน้อยสุด แล้วเร่งความเร็วให้ถึง 760 ไมล์ต่อชั่วโมง เป้าหมายคือสร้างเส้นทางระหว่างเมืองใหญ่ที่ห่างกันพอดีๆ เช่น LA กับ San Francisco ที่ปกติขับรถ 5 ชั่วโมง หรือบิน 1.5 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้ Hyperloop จะใช้เวลาแค่ 35 นาทีเท่านั้น
ในขณะที่ Musk ไม่ได้พัฒนาต่อเอง Shervin Pishevar กลับก่อตั้ง Hyperloop Technologies ในปี 2014 เพื่อรังสรรค์แนวคิดนี้ให้เป็นจริง บริษัทรวบรวมวิศวกรและนักลงทุนมาแก้โจทย์ยากๆ ทั้งเรื่องเครื่องอัดอากาศ ระบบลอยตัวแม่เหล็ก และหน่วยขับเคลื่อนไฟฟ้า
กระแสฮือฮาพุ่งกระฉูด สื่อใหญ่ทั่วโลกรายงานข่าวนี้ นิตยสาร Forbes ถึงกับนำ Shervin ขึ้นปก เรียก Hyperloop ว่าเป็น “การแข่งขันด้านอวกาศรูปแบบใหม่”
ต้นปี 2016 หลังระดมทุนหลายรอบ บริษัทเปิดสถานที่ทดสอบในทะเลทรายเนวาดา แสดงการทดสอบที่มีความเร็วเกิน 100 ไมล์ต่อชั่วโมง พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น Hyperloop One และประกาศแผนพัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมถึงการสร้างรางทดสอบระยะทาง 1.5 กิโลเมตร
แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น มีรอยร้าวเกิดขึ้นเมื่อ Shervin Pishevar ลาออกหลังถูกกล่าวหาเรื่องพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี Brogan BamBrogan ก็ลาออกเช่นกัน โดยกล่าวหาว่าบริษัทสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ BamBrogan ยังอ้างว่ามีคนวางยาเขาในที่ทำงานหลังแสดงความไม่เห็นด้วยกับผู้บริหาร
แม้จะมีความวุ่นวาย แต่กระแสความฮือฮาไม่ได้ลดลง ในช่วงฤดูร้อนปี 2016 บริษัททำข้อตกลงกับรัฐบาลรัสเซียสำหรับ Hyperloop ในมอสโก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลงทุน 50 ล้านดอลลาร์และศึกษาความเป็นไปได้ในดูไบ มีการสร้างวิดีโอโปรโมทที่น่าตื่นเต้นโดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2020
เอกสารภายในที่ Forbes เปิดเผยในปลายปี 2016 ระบุว่าบริษัทคาดจะมี Hyperloop แรกพร้อมขนส่งสินค้าในปี 2020 และรับผู้โดยสารในปี 2021 แต่การประมาณการต้นทุนพุ่งสูงเป็น 9-13 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่ Musk ประมาณไว้แค่ 6 พันล้าน
บริษัทยังคงมองโลกในแง่ดี ประเมินตลาดในอนาคตที่จะมีมูลค่ามากกว่า 4.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 และ 9.3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2040 คาดว่าจะมีกำไรหลายพันล้านหลังดำเนินงานระยะยาว
ความตื่นเต้นและศักยภาพของ Hyperloop ดึงดูด Richard Branson แห่งกลุ่ม Virgin เข้าร่วมคณะกรรมการบริษัท หลังเห็นการทดสอบที่เนวาดา นำไปสู่การปรับแบรนด์เป็น Virgin Hyperloop One โดย Virgin รับผิดชอบพัฒนาประสบการณ์ผู้โดยสาร
ช่วงนี้บริษัททำข้อตกลงกับหลายประเทศ ทั้งเอสโตเนียในปี 2017 อินเดียในปี 2018 ที่วางแผนสร้าง Hyperloop ระหว่าง Mumbai กับ Pune รัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ ทั้งโอไฮโอ มิสซูรี เท็กซัส ก็เริ่มสำรวจเส้นทาง ซาอุดิอาระเบียลงนามในปี 2020 และบริษัทประกาศแผนสร้างศูนย์รับรองมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ในเวสต์เวอร์จิเนีย
ปี 2020 บริษัทแนะนำต้นแบบแคปซูลผู้โดยสาร XP-2 และสร้างข่าวพาดหัวด้วยการทดสอบกับมนุษย์เป็นครั้งแรก โดยมี CTO ของบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายประสบการณ์ผู้โดยสารเป็นอาสาสมัคร
ความสำเร็จนี้ถูกโหมโปรโมตว่าเป็นก้าวสำคัญ แม้ว่าความเร็วจะแค่ 100 ไมล์ต่อชั่วโมง ห่างไกลจากเป้าหมาย 700 ไมล์ต่อชั่วโมงที่โฆษณาไว้ บริษัทตั้งเป้าใหม่สำหรับปี 2025 เพื่อได้รับการรับรองและเริ่มก่อสร้าง
หลังจากนั้น แทนที่จะพุ่งทะยาน ทุกอย่างกลับดิ่งลงเหว ไม่มีความคืบหน้าที่จับต้องได้ บริษัทเงียบหายไปตลอดปี 2021 บางส่วนเพราะโควิด-19 ที่ขัดขวางการทำงาน ในช่วงนี้ บริษัทเปลี่ยนการออกแบบจากระบบแม่เหล็กด้านล่างเป็นระบบติดตั้งด้านบน
แม้ระดมทุนได้เกือบครึ่งพันล้านดอลลาร์ Virgin Hyperloop เริ่มระส่ำ ต้นปี 2022 บริษัทลดขนาดองค์กรลงอย่างมาก ปลดพนักงานเกือบครึ่งหนึ่ง
บริษัทเปลี่ยนกลยุทธ์ หันมาเน้นขนส่งสินค้าก่อน แล้วค่อยพัฒนาสู่การขนส่งผู้โดยสารภายหลัง แนวคิดคือเริ่มด้วยสินค้าจะง่ายกว่า ไม่ต้องพัฒนาประสบการณ์ผู้โดยสารให้สมบูรณ์แบบ แต่ความสามารถในการดึงดูดคนเก่งและเงินทุนเริ่มร่อยหรอ
ปลายปี 2022 บริษัทปลดพนักงานเพิ่มและเปลี่ยนแบรนด์อีกครั้ง เลิกใช้ชื่อ Virgin กลับไปใช้ Hyperloop One ทั้งพนักงานและนักลงทุนเริ่มเห็นปัญหาใหญ่ ไม่มีข่าวดีหรือความคืบหน้าในโครงการตามที่สัญญาไว้ ศูนย์รับรองในเวสต์เวอร์จิเนียถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ
วันที่ 21 ธันวาคม 2023 Bloomberg รายงานว่า Hyperloop One จะยุติการดำเนินงานภายในสิ้นปี แม้ไม่ได้ยื่นล้มละลายอย่างเป็นทางการ แต่บริษัทดำเนินการเสมือนเป็นการล้มละลายแบบ Chapter 7 ชำระบัญชีทุกอย่างและปิดตัว
งานวิจัยและทรัพย์สินทางปัญญาส่วนใหญ่ถูกโอนกลับไปยัง DP World บริษัทโลจิสติกส์ในดูไบซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทรัพย์สินทางกายภาพ เช่น รางทดสอบ สำนักงาน และเครื่องจักรถูกจับแยกชิ้นส่วนขาย
ก็ต้องบอกว่า Hyperloop เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดในวงการเทคโนโลยี เป็นแนวคิดที่นักอนาคตนิยมถวิลหามาเป็นศตวรรษ แต่ไม่เคยได้รับความนิยมพอที่จะทำให้มันเกิดขึ้นจริง จนกระทั่ง Elon Musk ผลักดันแนวคิดนี้ขึ้นมา
หลังทำงานเกือบทศวรรษและระดมทุน 450 ล้านดอลลาร์ สิ่งที่แสดงได้คือการทดสอบกับมนุษย์ครั้งเดียวที่ความเร็วแค่ 100 ไมล์ต่อชั่วโมง ห่างไกลจากความเร็ว 760 ไมล์ต่อชั่วโมงที่สัญญา ความฝันลมๆ แล้งๆ เริ่มจางหาย
ความล้มเหลวของ Hyperloop One สะท้อนความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยีปฏิวัติวงการ มีอุปสรรคมากมาย ทั้งการรักษาท่อขนาดใหญ่ให้มีความดันคงที่ การรักษาความปลอดภัยผู้โดยสารในความเร็วสูง และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
การสร้างโครงสร้างพื้นฐานบนเทคโนโลยีใหม่ที่ไม่เคยพิสูจน์มีค่าใช้จ่ายสูงหลายล้านดอลลาร์ เพื่อระบบขนส่งที่รับผู้โดยสารได้น้อย ในขณะที่รถไฟแม่เหล็กและรถไฟความเร็วสูงพิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริง
แม้ Hyperloop One จะปิดตัว แนวคิดนี้ยังมีชีวิตผ่านบริษัทอื่น เช่น TransPod ในแคนาดา Hardt Hyperloop ในเนเธอร์แลนด์ และ Hyperloop Transportation Technologies ในสหรัฐฯ แม้จะมีเงินทุนน้อยกว่า แต่ยังฝ่าฝันต่อสู้เพื่อทำให้แนวคิดนี้เป็นจริง
ความล้มเหลวของ Hyperloop One เป็นเรื่องราวของความทะเยอทะยานที่เจอความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวด แม้มีวิสัยทัศน์ที่เจ๋งมากๆ การสนับสนุนจากคนดัง และเงินมหาศาล แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคทางเทคนิคและการเงินได้
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวนี้ไม่ได้หมายความว่าแนวคิด Hyperloop เป็นเรื่องเพ้อฝัน เทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการมักต้องการเวลาและการทดลองมากกว่าที่คาด ความพยายามของ Hyperloop One ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้
ในโลกนวัตกรรม ความล้มเหลวมักเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ บางครั้งต้องมีคนกล้าเสี่ยงและล้มเหลวเพื่อปูทางให้คนรุ่นต่อไป อาจเป็นไปได้ว่าในอนาคต เราจะเห็นระบบขนส่งในท่อสุญญากาศที่ได้แรงบันดาลใจจาก Hyperloop One
เรื่องราวนี้เตือนใจว่าแม้แต่แนวคิดที่น่าตื่นเต้นสุดๆ ก็ต้องเจอความท้าทายในโลกจริง การแปลงความฝันให้เป็นจริงต้องการมากกว่ากระแสฮือฮาและเงินทุน ต้องมีความอดทน การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และความเข้าใจข้อจำกัดทางวิศวกรรมและเศรษฐกิจ
ในขณะที่เรามองหาวิธีเดินทางที่เร็วขึ้นและสะอาดขึ้น บทเรียนจาก Hyperloop One จะมีค่าสำหรับนักนวัตกรรมและนักลงทุนที่กล้าท้าทายสถานะปัจจุบัน และพยายามขีดเขียนอนาคตที่ดีกว่าให้กับโลกของเรานั่นเองครับผม
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ