ถอดรหัสวิกฤต Tesla รถไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยความขัดแย้ง เมื่อวิสัยทัศน์คนเดียวอาจทำลายล้างทั้งบริษัท

ใครๆ ก็รู้จัก Elon Musk สุดยอดนักนวัตกรรมที่โครตเทพ แต่ทุกวันนี้หลายคนกำลังตั้งคำถามว่าตัวของ Musk นี่เองอาจกลายเป็นตัวดึงบริษัทอย่าง Tesla ดิ่งลงเหวก็เป็นได้

Tesla กำลังเผชิญช่วงเวลาวิกฤติแบบไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งยอดขายลดฮวบ การประท้วงไปทั่ว และภาพลักษณ์ที่กำลังเละเทะไม่เป็นท่า

ทุกอย่างเริ่มจากการที่ Musk หันไปมุ่งมั่นกับการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ เขาแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างเปิดเผยและเข้าไปร่วมงานกับรัฐบาลของ Donald Trump จนสร้างรอยร้าวกับแฟนๆ Tesla ที่เคยเทิดทูนเขา

Tesla เคยเป็นสัญลักษณ์ของพลังงานสะอาดและอนาคตที่ยั่งยืน แต่เมื่อผู้ก่อตั้งไปสนับสนุนฝ่ายที่มีจุดยืนต่อต้านนโยบายสิ่งแวดล้อม มันเหมือนเกลือเป็นหนอน ที่กำลังกัดกินความน่าเชื่อถือของแบรนด์จากข้างใน

ทุกวันนี้ Tesla ถูกตั้งคำถามถึงอนาคต ว่าผู้มีวิสัยทัศน์อย่าง Musk ยังเป็นทรัพย์สินล้ำค่าของบริษัท หรือกลายเป็นภาระอันหนักอึ้งไปแล้ว? และ Tesla จะยังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดไว้ได้หรือไม่?

ตัวเลขไม่โกหก ยอดขาย Tesla กำลังลดฮวบอย่างหนัก โดยเฉพาะในยุโรปที่เป็นตลาดใหญ่อันดับสองรองจากอเมริกา

เยอรมนีเป็นภาพชัดที่สุด ยอดขายทรุดฮวบถึง 76% ในเดือนกุมภาพันธ์ ฝรั่งเศสก็ไม่ดีกว่ากันเมื่อยอดตกไป 45% ส่วนโปรตุเกสก็ร่วงลง 53% ประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็เจอปัญหาคล้ายกันหมด

ไม่ใช่แค่ยุโรปที่กำลังเมินหน้าหนี ออสเตรเลียก็มียอดขาย Tesla ตกลง 71% เทียบกับปีก่อน แม้แต่ในแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Tesla การจดทะเบียนรถก็ลดลง 12% ในปีที่ผ่านมา

เหตุผลหลักคือการที่ Musk เดินเข้าสู่ถนนการเมืองอย่างเต็มตัว เมื่อ Trump ชนะการเลือกตั้งและกลับสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม 2025 เขาแต่งตั้ง Musk ให้เป็นหัวหน้า “กรมประสิทธิภาพรัฐบาล” หน่วยงานใหม่เอี่ยมที่ตั้งขึ้นเพื่อลดกฎระเบียบและเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ

หลายฝ่ายมองว่านี่คือช่องทางให้ Musk สร้างประโยชน์ให้กับ Tesla, SpaceX และธุรกิจอื่นๆ ของเขา แม้แต่นักลงทุนของ Tesla เองก็ตะหงิดใจว่า Musk กำลังแบ่งเวลาแบบผิดเพี้ยน ที่ปล่อยให้บริษัทดิ้นรนตามยถากรรมอยู่ในขณะนี้

แต่ปัญหาไม่ได้อยู่แค่เรื่องเวลา การที่ Musk แสดงจุดยืนการเมืองฝ่ายขวาจัดอย่างเปิดเผย เช่น สนับสนุนพรรค AfD ในเยอรมนี และใช้แพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) เป็นกระบอกเสียงให้นักการเมืองฝ่ายขวาในหลายประเทศ กำลังผลักไสกลุ่มลูกค้าหลักของ Tesla ออกไป

เรื่องนี้สำคัญมากเพราะคนที่ซื้อ Tesla ส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะในยุโรป) มีแนวคิดสนับสนุนสิ่งแวดล้อมและมีอุดมการณ์แบบหัวก้าวหน้า พอ Musk ไปสนับสนุนฝ่ายที่ต่อต้านนโยบายสิ่งแวดล้อม มันเหมือนถูกแทงข้างหลังโดยคนที่พวกเขาเคยเทิดทูน

เสียงต่อต้านไม่ได้อยู่แค่ในโซเชียลมีเดีย การประท้วงกระจายไปทั่วทั้งสหรัฐฯ และยุโรป โชว์รูม Tesla ในเมืองใหญ่ๆ อย่าง New York, Palo Alto, St. Louis, Chicago รวมถึงในยุโรปที่ Barcelona, London และ Lisbon กลายเป็นจุดรวมพลของผู้ประท้วง

ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าวว่า: “ผมเข้าร่วมประท้วงเพื่อส่งข้อความถึง Elon Musk แบบตรงๆ ว่าเราสามารถทำให้เขาเจ็บปวดทางการเงินได้ เหมือนที่เขากำลังทำกับทหารผ่านศึก ผู้สูงอายุ และประชาชนผู้โชคร้าย”

อีกคนบอก: “วิธีเดียวที่จะหยุดคนอันตรายอย่าง Musk คือการสร้างแรงกดดันทางการเงิน คุณต้องหยุดซื้อ Tesla และขายหุ้น Tesla ของคุณ”

ผลกระทบมาเร็วและแรง ราคาหุ้น Tesla ดิ่งลงอย่างน่าใจหาย มูลค่าตลาดลดลงไป 45% จากจุดพีคที่เคยสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2024

สถานการณ์หนักถึงขั้นที่ Trump ต้องเข้ามาช่วยโอบอุ้ม โดยประกาศต่อสาธารณะว่าจะซื้อรถ Tesla: “ผมจะซื้อเพราะหนึ่ง มันเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นเทพ และสองเพราะชายคนนี้ได้อุทิศชีวิตเพื่อสร้างมัน ผมคิดว่าเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากคนกลุ่มเล็กๆ”

แม้ราคาหุ้นจะฟื้นขึ้นมาบ้าง แต่ปัญหาของ Tesla ยังมีอีกเยอะมาก และสิ่งที่น่ากังวลไม่น้อยคือการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นทุกวัน

การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าร้อนระอุมากกว่าที่เคย BYD ผู้ผลิตจากจีนแซงหน้า Tesla กลายเป็นผู้จำหน่ายรถไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว

ค่ายรถดั้งเดิมอย่าง Volkswagen, BMW, Stellantis และ Renault ก็เร่งเครื่องขยายไลน์รถไฟฟ้าในยุโรปอย่างหนัก ส่วนในอเมริกา Ford และ General Motors ก็กำลังตั้งราคาแข่งกับ Tesla เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด

Tesla ต้องลดราคาและให้ส่วนลดจำนวนมากเพื่อสู้กับคู่แข่ง ซึ่งบีบให้อัตรากำไรลดฮวบเหลือแค่ 13.6% ในไตรมาสที่สี่ สร้างความกังวลให้นักลงทุนมากโข

ยิ่ง Musk วอกแวกไปกับการเมือง งานในรัฐบาล และธุรกิจอื่นๆ มากเท่าไร ก็ยิ่งยากที่ Tesla จะรักษาความได้เปรียบในตลาด

แต่ Tesla ก็ไม่ได้นั่งรอความตาย บริษัทกำลังบุกตลาดใหม่อย่างอินเดียอย่างเอาจริงเอาจัง หลังจากความพยายามหลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็เช่าโชว์รูมในมุมไบ และมีแผนเปิดอีกแห่งในเดลีเร็วๆ นี้

อินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพมหาศาล ด้วยประชากรกว่า 1.4 พันล้านคนและชนชั้นกลางที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่การเข้าสู่ตลาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้บริโภคชาวอินเดียให้ความสำคัญกับราคาและความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก

ปัจจัยบวกมีอยู่บ้าง ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่าง Trump กับนายกฯ อินเดีย Narendra Modi อาจช่วย Tesla ในการเปิดตลาดนี้ และจุดยืนทางการเมืองของ Musk อาจไม่ส่งผลลบมากในอินเดียเท่ากับในยุโรปและสหรัฐฯ

Tesla ยังพยายามปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ พัฒนารถรุ่นราคาประหยัดเพื่อเข้าถึงลูกค้าวงกว้าง และเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติที่ยังเป็นจุดแข็งเหนือคู่แข่ง

คำถามใหญ่คือ Musk จะปรับสมดุลระหว่างการเมืองกับธุรกิจได้หรือไม่ และเขาจะยอมลดการแสดงความเห็นที่สร้างความแตกแยกเพื่อรักษาฐานลูกค้าหรือเปล่า?

จากบริษัทที่เคยเป็นความหวังของคนรักษ์โลก Tesla กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มาจากเทคโนโลยีที่ล้าสมัย แต่มาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เปลี่ยนไปเพราะตัวผู้ก่อตั้งเอง

ความสัมพันธ์ระหว่าง Musk กับ Tesla ซับซ้อนสุดๆ แรกเริ่มเขาคือพลังขับเคลื่อนที่ทำให้ Tesla ประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวถ่วงที่อาจทำให้บริษัทดิ่งลงเหว

นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มเสนอว่าถึงเวลาที่ Tesla ควรแยกทางกับ Musk หรืออย่างน้อยควรมีผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยดูแลการดำเนินงานประจำวัน ปล่อยให้ Musk มุ่งเน้นไปที่วิสัยทัศน์และนวัตกรรมในภาพกว้างแทน

แต่การแยก Musk ออกจาก Tesla ไม่ใช่เรื่องง่าย ในสายตาคนทั่วไป Musk คือ Tesla เขาไม่ใช่แค่ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ แต่ยังเป็นหน้าตาและเสียงของบริษัท

สิ่งที่แน่นอนคือ Tesla กำลังยืนอยู่ที่ทางสองแพร่ง เส้นทางข้างหน้ามีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ถ้าบริษัทฝ่าฟันวิกฤตนี้ได้ โอกาสในการเติบโตยังมีอีกมาก แต่ถ้าปล่อยให้การเมืองและตัวตนของ Musk มีอิทธิพลเหนือทิศทางบริษัทมากเกินไป อนาคตอาจไม่สดใสอย่างที่หวัง

ในที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับ Tesla อาจไม่ใช่คู่แข่งในตลาด แต่เป็น Elon Musk เอง ชายที่เคยสร้าง Tesla ให้ยิ่งใหญ่ อาจจะเป็นผู้ที่ขีดชะตาชีวิตให้บริษัทร่วงดิ่งสู่ความล้มเหลวก็เป็นได้

บทเรียนจากเรื่องนี้คือแม้แต่บริษัทที่ประสบความสำเร็จสุดๆ ก็พังทลายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์กับตัวผู้นำเป็นเนื้อเดียวกัน การรักษาสมดุลระหว่างวิสัยทัศน์ส่วนตัวกับความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและท้าทายอย่างยิ่ง

การตัดสินใจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าของทั้ง Musk และบอร์ดบริหาร Tesla จะเป็นตัวกำหนดว่าบริษัทจะกลับมาครองความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง หรือจะเป็นเพียงบทเรียนในประวัติศาสตร์ธุรกิจว่าอย่าผสมการเมืองกับการค้า

ในโลกธุรกิจที่พลิกผันเร็วขนาดนี้ แม้แต่บริษัทมหากาฬอย่าง Tesla ที่เคยเปลี่ยนโฉมวงการยานยนต์ ก็อาจพบว่าตัวเองกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เรื่องราวของ Tesla และ Musk ยังไม่จบ และบทต่อไปจะกลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนทั่วโลกอย่างแน่นอน


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube