แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่ที่ภาพลักษณ์ดูดีอย่าง Three Arrows Capital ที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่มาก่อนหน้านี้ ก็ถูกบริษัทวิจัยชื่อดังอย่าง FSInsight ที่นำโดย Tom Lee กล่าวหาต่อสาธารณชนว่า Three Arrows Capital (3AC) ดำเนินโครงการ Ponzi แบบเดียวกับ Madoff
โดยข้อมูลจาก FSInsight ได้สรุปวิธีที่ Kyle Davies และ Su Zhu ผู้ก่อตั้ง 3AC “ใช้ชื่อเสียงของพวกเขาในการยืมเงินจากผู้ให้กู้สถาบันแทบทุกรายในธุรกิจอย่างไม่ระมัดระวัง” มันเป็นรูปแบบเดียวกับการล่มสลายของ Long Term Capital Management ในปี 1998
ความหวังว่า Metaverse Horizon World ที่จะกลายเป็นทีเด็ด มากอบกู้ชื่อเสียงของบริษัท ก็พังทลายแทบหมดสิ้น
ผู้ใช้ที่ได้เข้าไปทดลองหลายคนบอกว่ามันแย่มาก ๆ โดยเฉพาะกับเงินลงทุนจำนวนมหาศาลที่ Meta ได้ลงไปกับโปรเจ็กต์ดังกล่าวนี้
มันเหมือน App ที่ใช้กราฟิกโบราณคร่ำครึที่เทคโนโลยีปัจจุบันมันพัฒนาไปไกลขนาดไหนแล้ว แต่ Meta ทำได้เพียงเท่านี้ มันแทบไม่ต่างจาก Second Life ที่เปิดตัวในปี 2003 เลยด้วยซ้ำ
แต่เมื่อดูจาก Meta ที่เป็นบริษัทขนาดยักษ์ มีเงินลงทุนมหาศาลจากการสะสมเงินสดจากเครื่องจักรทำเงินอย่าง Facebook , IG มานาน ยังทำได้เพียงเท่านี้ โลก metaverse อาจจะเป็นเพียงคำพูดเพ้อฝันและมีจุดจบเดียวกับ Second Life ก็เป็นได้นั่นเองครับผม
ซึ่งในการประชุม The Next Web (TNW) เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของผู้นำด้านเทคโนโลยี นักพัฒนา และนักลงทุน มีการถกเถียงกันในหัวข้อของ NFT ไว้อย่างน่าสนใจ
สำหรับ “Phygital” ซึ่งเป็นการผสานคำว่า Physical และ Digital เข้าด้วยกัน ซึ่งมีการใช้คำนี้ครั้งแรกโดย Chris Weil ผู้บริหารบริษัทโฆษณามานานกว่าทศวรรษเพื่ออธิบายสิ่งที่เขามองว่าคือความเป็นไปได้อันยิ่งใหญ่สำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ที่จะดึงดูดผู้บริโภคในทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน
ซึ่งตอนนี้ NFT และ AR สามารถรวมเข้ากับแอปพลิเคชั่นที่น่าสนใจบางอย่างได้ ตัวอย่างเช่น ป้ายโฆษณา AR ในสถานที่ที่มีการสัญจรไปมา พื้นที่โฆษณาเสมือนจริงเหล่านี้สามารถซื้อและขายเป็น NFT ได้
แต่มีแนวโน้มว่าเกมจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการผสมผสานของเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ ซึ่งในปัจจุบันเกม NFT บางเกมก็ใช้เทคโนโลยี AR อยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น ZED RUN ที่มีแอป AR ที่ผู้ใช้สามารถเรียกม้าแข่งของตนเองมาปรากฎต่อหน้าได้