เมื่อรักเสมือนต้องจบลง เพราะใจของเธอนั้นไม่มีการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ให้อีกต่อไป

Fictosexuality เป็นคำที่ใช้อธิบายคนที่มีอารมณ์ที่ดึงดูดใจทางเพศกับตัวละครในนิยาย และในญี่ปุ่นค่อยวงการดังกล่าวพัฒนาไปจนถึงขนาดที่มีบริษัทต่างๆ ที่พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสนอคู่รักแบบโฮโลแกรมให้กับผู้ใช้ 

Akihiko Kondo นำความรักที่เขามีต่อตัวละครสมมติไปอีกขั้นด้วยการจัดพิธี “แต่งงาน” กับ Hatsune Miku นักร้องเสมือนจริงที่แสดงอยู่ในวิดีโอเกมหลายเรื่องและได้ร่วมทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกกับ Lady Gaga ด้วย 

พิธีแต่งงานดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2019 หลังจากที่ Akihiko Kondo สามารถสื่อสารกับโฮโลแกรมผ่าน Gatebox ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาอุปกรณ์เพื่อแสดงตัวละครที่ไม่มีอยู่จริงแบบโฮโลแกรม

Akihiko Kondo ที่จัดพิธีแต่งงานขึ้นในปี 2019 (CR:CNN)
Akihiko Kondo ที่จัดพิธีแต่งงานขึ้นในปี 2019 (CR:CNN)

ในเวลานั้นเรื่องราวความรักของ Akihiko และ Hatsune ได้ขึ้นพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์และสื่อชื่อดังต่าง ๆ มากมายทั่วโลก และตอนนี้เรื่องราวของทั้งคู่ก็ได้กลายประเด็นที่ผู้คนต่างสนใจอีกครั้งเพราะการสนับสนุนซอฟต์แวร์ Gatebox ที่อนุญาตให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างชายกับภรรยาเสมือนของเขานั้นจะไม่มีอีกต่อไป

ซึ่งนั่นจะทำให้ Akihiko ไม่สามารถสื่อสารกับภรรยาเสมือนของเขาได้อีกต่อไป ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น The MainichiKondo กล่าวว่าความสัมพันธ์ของ Akihiko กับโฮโลแกรมช่วยให้เขาเอาชนะภาวะซึมเศร้าที่เกิดจากการทำงานและความกลัวที่จะถูกปฏิเสธจากสังคม 

เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถสื่อสารกับเธอต่อไปได้ Akihiko กล่าวว่า “ความรักของผมที่มีต่อ Miku ไม่เปลี่ยนแปลง ผมจัดพิธีแต่งงานเพราะผมคิดว่าผมจะอยู่กับเธอตลอดไป” 

Gatebox ที่จะไม่สามารถอัปเกรดซอฟต์แวร์ได้อีกต่อไป (CR:Science Times)
Gatebox ที่จะไม่สามารถอัปเกรดซอฟต์แวร์ได้อีกต่อไป (CR:Science Times)

ซึ่งไม่ว่าเขาจะต้องการให้เธอไปที่ไหน เขาก็มาพร้อมกับนางแบบขนาดเท่าตัวจริงของ Hatsune Miku และเขาหวังว่าจะสามารถสื่อสารกับเธอได้ในอนาคตอันใกล้

ความสัมพันธ์ทางเพศที่สมมติขึ้น เหมาะสำหรับ metaverse จริงหรือ?

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง Akihiko และ Hatsune Miko จะดูแปลก แต่เราจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้บ่อยขึ้นด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อม metaverse และโลกดิจิทัลเสมือนจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต 

ในบางประเทศ ความรักแบบเสมือนจริงเหล่านี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากอุตสาหกรรมการสร้างเนื้อหาทั้งหมดก็ได้ติดตามเทรนด์ทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น 

แต่ตราบใดที่ความสัมพันธ์เหล่านั้นขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่อาจล้าสมัยหรือขึ้นอยู่กับการที่จะต้องมีการอัปเกรด ความสัมพันธ์เหล่านั้นก็อาจจะมีอายุสั้นลง ไม่มีความจีรังยั่งยืน เหมือนความรักที่เกิดขึ้นกับมนุษย์จริง ๆ นั่นเองครับผม

References :
https://mainichi.jp/english/articles/20220111/p2a/00m/0li/028000c
https://www.nytimes.com/2022/04/24/business/akihiko-kondo-fictional-character-relationships.html
https://nypost.com/2022/04/26/fictosexual-man-married-hologram-bride-now-struggles-to-bond/

Forex 3D vs Three Arrows Capital เมื่อความต่างเป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์แต่เป้าหมายนั้นคือแชร์ลูกโซ่

กลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการอีกครั้งหลังจากมีข่าวดาราสาวชื่อดังที่ต้องถูกจองจำในเรือนจำ โดยไม่ได้รับการประกันตัวจากคดีแชร์ลูกโซ่ในตำนานอย่าง Forex 3D

ซึ่งเมื่อลองไล่อ่านข้อมูลอย่างละเอียด จะพบว่า มันแทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเทรดในตลาด Forex จริง ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นการนำเอาคำ buzzword ในยุคนั้นมาหากินบังหน้า โดยมีเบื้องหลังเป็นระบบ Ponzi หรือ แชร์ลูกโซ่

ผมเองได้มีโอกาสฟังรายการ youtube ของ bearti ที่มีการสัมภาษณ์ คุณ สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ซึ่งให้แง่มุมหลาย ๆ อย่างที่มีความน่าสนใจมาก ๆ

ที่พอจะสรุปได้ก็คือ แชร์ลูกโซ่ กฏหมายในไทยยังล้าหลังมาก ๆ ในการเอาผิดเครือข่ายเหล่านี้ ทำให้คนที่ทำไม่ได้สนใจในโทษที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคตเลยด้วยซ้ำ

แชร์ลูกโซ่ กฏหมายในไทยยังล้าหลังมาก ๆ ในการเอาผิดเครือข่ายเหล่านี้ (CR:Posttoday)
แชร์ลูกโซ่ กฏหมายในไทยยังล้าหลังมาก ๆ ในการเอาผิดเครือข่ายเหล่านี้ (CR:Posttoday)

แม้จะมีคำสั่งศาลให้ติดคุก เป็นพัน เป็นหมื่นปีก็ตาม แต่กฎหมายก็กำหนดโทษสูงสุดไว้เพียงแค่ 20 ปีเพียงเท่านั้น ซึ่งติดจริง ๆ โดยเฉลี่ยจากเคสที่ผ่านมาแค่ 6-7 ปี บางเคสการฟ้องร้องคืนเงินยังไม่เสร็จ แต่นักโทษออกมาจากคุก มาใช้เงินสุขสบายกันแล้ว เพราะยุคนี้ นวัตกรรมการฟอกเงินมันซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ track ได้ยากมากกว่ายุคก่อน

หรือ อีกแง่มุมนึง คือเรื่องที่สำคัญ นั่นก็คือ เรื่องผลิตภัณฑ์ที่จะถูกนำมาใช้ในการทำแชร์ลูกโซ่นั้น มันกว้างมาก ๆ แม้กระทั่งสิ่งที่ดูเหมือนถูกต้องอย่าง ทองคำ เห็ด ปุ๋ย เลี้ยงกุ้ง หรือ แม้กระทั่ง voucher ท่องเที่ยว ก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการทำแชร์ลูกโซ่มาก่อนหน้านี้แล้ว

เมื่ออนาคตแชร์ลูกโซ่จะยิ่งล้ำขึ้นไปอีก

สิ่งที่น่าสนใจกับปัญหาหลาย ๆ อย่างในวงการคริปโตโลก ที่เป็นเทคโนโลยีที่ดีหากใช้ไปในทางที่ถูกต้องแต่กลายเป็นว่า ตอนนี้พวกมันถูกใช้เป็นเครื่องมือในทางที่ผิดในการทำแชร์ลูกโซ่ไปเสียแล้ว

แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่ที่ภาพลักษณ์ดูดีอย่าง Three Arrows Capital ที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่มาก่อนหน้านี้ ก็ถูกบริษัทวิจัยชื่อดังอย่าง FSInsight ที่นำโดย Tom Lee กล่าวหาต่อสาธารณชนว่า Three Arrows Capital (3AC) ดำเนินโครงการ Ponzi แบบเดียวกับ Madoff

โดยข้อมูลจาก FSInsight ได้สรุปวิธีที่ Kyle Davies และ Su Zhu ผู้ก่อตั้ง 3AC “ใช้ชื่อเสียงของพวกเขาในการยืมเงินจากผู้ให้กู้สถาบันแทบทุกรายในธุรกิจอย่างไม่ระมัดระวัง” มันเป็นรูปแบบเดียวกับการล่มสลายของ Long Term Capital Management ในปี 1998

 Kyle Davies และ Su Zhu ผู้ก่อตั้ง 3AC
Kyle Davies และ Su Zhu ผู้ก่อตั้ง 3AC

รายงานสรุปว่า Zhu และ Davies มีแนวโน้มที่จะใช้เงินทุนที่ยืมมาเพื่อชำระดอกเบี้ยเงินกู้ในขณะเดียวกัน ก็แต่งเติมตัวเลขทางการเงิน เพื่อแสดงผลตอบแทนที่เหลือเชื่อ

คำถามคือมันต่างอะไรกับ CEO ของ Forex 3D คือ นายอภิรักษ์ โกฎธิ และผองเพื่อน ที่ไปตั้งบริษัทเปิดเว็บ “FOREX 3D” แล้วชักชวนคนมาลงทุน อ้างว่ามีระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยให้การเทรด forex 3d ได้กำไรเน้นๆ  ซึ่งลักษณะการจ่ายผลตอบแทนคือเป็นแชร์ลูกโซ่ชัดเจน

ทั้งสองใช้ model แทบไม่ต่างกัน คือ นำเงินคนที่เข้ามาใหม่ ไปจ่ายคนเก่า เพื่อให้ระบบมัน run ต่อไปได้ แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์จริง ๆ ที่จะสร้างรายได้ให้สมกับผลตอบแทนที่พวกเขาได้โม้ไว้

ซึ่งปัญหานี้ ไม่เพียงแต่ 3AC เท่านั้น แต่เราจะเห็นหลาย ๆ แพลตฟอร์มที่ล่มสลายไป ก็ใช้ concept เดียวกัน เมื่อระบบถึงทางตัน ก็ไม่สามารถที่จะจ่ายปันผลได้อีกต่อไป หรือแม้กระทั่ง model play2earn หลาย ๆ เกม ก็มีการยอมรับกันตรง ๆ ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่

จะเห็นได้ว่าในอนาคตรูปแบบการปั้นแชร์ลูกโซ่จะง่ายขึ้นและหลอกคนได้แนบเนียนขึ้นโดยอาศัย buzzword โดยเฉพาะคำด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้มากนัก

ซึ่งเมื่อเกิดความเสียหายคราวนี้จะ track เรื่องเส้นทางการเงินต่าง ๆ เพื่อยึดทรัพย์มาคืนได้ยากยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้การฟอกเงินนั้นล้ำขึ้นไปอีก คงใช้เวลาอีกซักพักกว่าหน่วยงานรัฐของเราจะตามเทคโนโลยีการฟอกเงินพวกนี้ทัน

ซึ่งเมื่อก่อนแชร์ลูกโซ่อาจจะหลอกคนรากหญ้าด้วยผลตอบแทน 10% ต่อเดือน แต่ในยุคนี้ ผลตอบแทนระดับ 6-10% ต่อปี ก็สามารถหลอกมาสร้างแชร์ลูกโซ่ให้กับคนที่มีความรู้ได้แล้วนั่นเองครับผม

References :
https://fortune.com/2022/06/28/crypto-hedge-fund-three-arrows-capital-old-fashioned-madoff-style-ponzi-scheme-research-firm-fsinsight/
https://coingeek.com/three-arrows-capital-liquidated-was-it-a-ponzi-scheme/
https://coingeek.com/wall-street-veteran-thomas-lee-economist-george-gilder-headline-coingeek-live/
https://www.youtube.com/watch?v=lmFNlLzaJpE

ความตลกหมื่นล้าน ของ Mark Zuckerberg กับการเดิมพันบริษัท Meta กับโลก Metaverse

เรียกได้ว่าความฝันในโลก Metaverse ที่ดูสวยหรูจากการประกาศอย่างยิ่งใหญ่ก่อนหน้านี้ สร้างความผิดหวังให้กับแฟน ๆ เป็นอย่างยิ่ง สำหรับการเปิดตัว Metaverse Horizon World ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

มันได้กลายเป็นเรื่องตลกระดับนานาชาติ ทุกคนต่างขำขันกับสิ่งที่เกิดขึ้น กับเงินลงทุนที่มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ของ Meta ในการพัฒนาโลกเสมือนจริงแห่งใหม่ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับพวกเขาในอนาคต

มันเป็นการเดิมพันบริษัท ที่กำลังมีปัญหารุมล้อมหลายอย่างสำหรับตัว Mark Zuckerberg เองที่ตอนนี้เรียกได้ว่ามีปัญหาต่าง ๆ ถาโถมเข้ามายังบริษัท Meta

ทั้ง TikTok แพลตฟอร์มสุด Hot ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดความร้อนแรง ได้ดึงเอากลุ่มหัวใจหลักฐานแฟนที่เป็นกลุ่มที่สร้าง Facebook มาให้ยิ่งใหญ่ได้ถึงในทุกวันนี้อย่างกลุ่มวัยรุ่นไปแทบจะหมดสิ้น

สอดรับกับฐานผู้ใช้งานที่ร่วงหล่นลงเหว ถึงขนาดที่ว่า App อย่าง Facebook หลุดอันดับยอดนิยม10 อันดับแรกไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากครองตำแหน่งมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าเป็นขาลงอย่างชัดเจนของ Facebook

ความพยายามที่จะเลียนแบบ TikTok โดยการปรับ IG ให้คล้ายกับ TikTok ก็ดูล้มเหลว เพราะเจอคำสาปส่งจากกลุ่มผู้ใช้งานรวมถึงเหล่า Influencers ชื่อดัง ที่ทำให้พวกเขาต้องปรับกลับมาในรูปแบบเดิมเพียงไม่กี่วันหลังจากอัปเกรด

คำสาปส่งจากกลุ่มผู้ใช้งานรวมถึงเหล่า Influencers ชื่อดัง (CR:Magnet)
คำสาปส่งจากกลุ่มผู้ใช้งานรวมถึงเหล่า Influencers ชื่อดัง (CR:Magnet)

ความหวังว่า Metaverse Horizon World ที่จะกลายเป็นทีเด็ด มากอบกู้ชื่อเสียงของบริษัท ก็พังทลายแทบหมดสิ้น

ผู้ใช้ที่ได้เข้าไปทดลองหลายคนบอกว่ามันแย่มาก ๆ โดยเฉพาะกับเงินลงทุนจำนวนมหาศาลที่ Meta ได้ลงไปกับโปรเจ็กต์ดังกล่าวนี้

มันเหมือน App ที่ใช้กราฟิกโบราณคร่ำครึที่เทคโนโลยีปัจจุบันมันพัฒนาไปไกลขนาดไหนแล้ว แต่ Meta ทำได้เพียงเท่านี้ มันแทบไม่ต่างจาก Second Life ที่เปิดตัวในปี 2003 เลยด้วยซ้ำ

Metaverese Horizon World เทียบกับ Second Life ที่เปิดตัวในปี 2003 (CR:Fortune)
Metaverese Horizon World เทียบกับ Second Life ที่เปิดตัวในปี 2003 (CR:Fortune)

ต้องบอกว่าการเปิดตัว Metaverse Horizon World ในครั้งนี้ ทำให้เกิดคำวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์มากมาย ว่า หัวใจที่แท้จริงของ metaverse คืออะไร และมันจะมีประโยชน์อย่างไร

แม้ว่าธนาคารรายใหญ่อย่าง Citi, Morgan Stanley และ JPMorgan Chase จะทำนายไว้ว่า metaverse อาจเป็นตลาดมูลค่าหลายล้านล้านในอนาคต แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าคำนี้หมายถึงอะไร หรือจะมีซักกี่คนที่จะใช้แพลตฟอร์ม metaverse เป็นประจำ

ดูเหมือนมันจะซ้ำรอย บริษัทหลายแห่งที่วาดฝันไว้สวยหรู ซึ่งบางแห่งก็รวมเข้ากับเทคโนโลยีอย่าง blockchain เช่น Sandbox หรือ Decentraland

แต่เมื่อดูจาก Meta ที่เป็นบริษัทขนาดยักษ์ มีเงินลงทุนมหาศาลจากการสะสมเงินสดจากเครื่องจักรทำเงินอย่าง Facebook , IG มานาน ยังทำได้เพียงเท่านี้ โลก metaverse อาจจะเป็นเพียงคำพูดเพ้อฝันและมีจุดจบเดียวกับ Second Life ก็เป็นได้นั่นเองครับผม

References :
https://fortune.com/2022/08/18/mark-zuckerberg-mocked-metaverse-selfie-10-billion-reality-labs
https://futurism.com/the-byte/zuckerbergs-metaverse-crap

Bitcoin มีแนวโน้มที่จะแตะ 10,000 ดอลลาร์มากกว่า 30,000 ดอลลาร์จากการสำรวจ MLIV Survey

Bitcoin มีแนวโน้มที่จะร่วงลงสู่ 10,000 ดอลลาร์ โดยลดมูลค่าลงประมาณครึ่งหนึ่ง มากกว่าที่จะกลับมาที่ 30,000 ดอลลาร์ ตามผลสำรวจ 60% ของนักลงทุน 950 คนที่ตอบแบบสำรวจ MLIV Pulse ล่าสุด  ส่วนอีก 40% เห็นว่ามันไปในทิศทางอื่น

ต้องบอกว่าอุตสาหกรรม crypto ได้รับผลกระทบจาก สกุลเงินบางตัวที่ล่มสลาย และจุดจบของนโยบายการเงินในช่วงการระบาดครั้งใหญ่ที่ทำให้เกิดความคลั่งไคล้ในการเก็งกำไรในตลาดการเงิน

สินทรัพย์มูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ได้อันตรธานหายไปจากตลาดของ cryptocurrencies ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย CoinGecko

นักลงทุนรายย่อยมีความวิตกเกี่ยวกับ cryptocurrencies มากกว่านักลงทุนสถาบัน โดยเกือบหนึ่งในสี่มองว่าว่าสินทรัพย์เหล่านี้เป็นขยะ ในขณะที่นักลงทุนมืออาชีพเปิดใจกว้างต่อสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

แต่โดยรวมแล้ว ก็ยังมีการแบ่งขั้วอย่างชัดเจนในมุมมองที่แตกต่างกันแบบสิ้นเชิง ในขณะที่ 28% ของผู้ตอบแบบสอบถามโดยรวมแสดงความมั่นใจอย่างยิ่งว่า cryptocurrencies เป็นอนาคตของการเงิน และอีก 20% กล่าวว่ามันแทบเป็นสิ่งไร้ค่า

Bitcoin ได้สูญเสียมูลค่าไปแล้วมากกว่าสองในสามนับตั้งแต่แตะระดับเกือบ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

Jared Madfes หุ้นส่วนของ Tribe Capital ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกล่าวว่า “มันง่ายมากที่จะกลัวในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ในคริปโตเท่านั้น แต่แทบจะทุกการลงทุนในขณะนี้ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน” เขากล่าวว่าความคาดหวังสำหรับ Bitcoin ที่ลดลงอีกสะท้อนให้เห็นถึง “ความกลัวโดยธรรมชาติของผู้คนในตลาด”

ความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกของ crypto มีแนวโน้มที่จะกดดันรัฐบาลให้เพิ่มกฎระเบียบที่มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเชิงบวกในเรื่องการกำกับดูแล เนื่องจากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและนำไปสู่การยอมรับในวงกว้างทั้งกลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย

การเข้ามาแทรกแซงของรัฐบาลอาจจะได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้บริโภคที่เสียหายจากการล่มสลายของ Stablecoin อย่าง TerraUSD รวมถึงกลุ่มแพลตฟอร์มตัวกลางที่มีปัญหา เช่น Celsius Network และ Voyager Digital Ltd

กลุ่มผู้บริโภคที่เสียหายจากการล่มสลายของ Stablecoin อย่าง TerraUSD (CR:CoinQuora)
กลุ่มผู้บริโภคที่เสียหายจากการล่มสลายของ Stablecoin อย่าง TerraUSD (CR:CoinQuora)

ในขณะเดียวกันธนาคารกลางทั่วโลกกำลังพิจารณาที่จะพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตนเองเพื่อใช้ในการชำระเงินทางดิจิทัลมากขึ้น

ซึ่งความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นจากธนาคารกลางนั้น คงไม่ได้ทำให้อุตสาหกรรมนี้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่เป็นการเข้ามาลดทอนอิทธิพลของโทเคนที่มีผลกระทบต่อตลาดสูงทั้ง Bitcoin และ Ether

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าหนึ่งในสองสกุลเงินดังกล่าวจะยังคงเป็นแรงผลักดันที่สำคัญให้กับตลาดในอีกห้าปี แม้ว่าจะมีสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางที่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นก็ตามที

“Bitcoin ยังคงขับเคลื่อนส่วนใหญ่ของโลก crypto ในขณะที่ Ethereum กำลังสูญเสียความเป็นผู้นำ” Ed Moya นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ Oanda Corp นายหน้าซื้อขายเงินตราต่างประเทศกล่าว

มีความเห็นที่ค่อนข้างเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับมุมหนึ่งของตลาด: NFT ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในด้านการประเมินมูลค่า ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 มีการซื้อขายมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สำหรับรูปภาพลิง (Bored Ape)

มีการซื้อขายมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สำหรับรูปภาพลิง (Bored Ape)  (CR: MARCA)
มีการซื้อขายมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สำหรับรูปภาพลิง (Bored Ape) (CR: MARCA)

แต่ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มองว่า NFT เป็นเพียงแค่โครงการศิลปะหรือสัญลักษณ์เพื่อแสดงสถานะเท่านั้น โดยมีเพียง 9% เท่านั้นที่มองว่ามันเป็นโอกาสในการลงทุน

ยิ่งไปกว่านั้น การไล่ล่าเพื่อมองหาฟองสบู่ราคาสินทรัพย์ครั้งต่อไปอาจต้องมองหาที่อื่น เนื่องจากการเก็งกำไรมักไม่ค่อยเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ประเภทเดียวกันถึงสองครั้ง

ในท้ายที่สุด ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่คาดว่าการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ครั้งใหญ่ครั้งต่อไปจะไม่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrencies โดย NFT หรือ อินเทอร์เน็ตรุ่นต่อไปที่รู้จักกันในชื่อ web3 และการพัฒนาบล็อคเชนอื่น ๆ ถูกมองว่ามีโอกาสน้อยที่จะทำให้สินทรัพย์เหล่านี้กลับมาพุ่งทะยานได้อีกครั้ง

References :
https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-07-10/bitcoin-faces-another-50-drop-wall-street-says-mliv-pulse
https://finance.yahoo.com/news/bitcoin-more-likely-hit-10-233000830.html
https://nypost.com/2022/01/21/bitcoin-drops-to-six-month-low-as-selloff-continues/

ขาลง NFT สู่เทรนด์ใหม่ในการผสานรวมเข้าสู่โลกของ Phygital มากยิ่งขึ้น

ต้องบอกว่าสถานการณ์ในตอนนี้วงการ crypto กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก เนื่องจากราคา bitcoin ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เกือบ 70,000 ดอลลาร์ในปีที่แล้ว แต่ตอนนี้มูลค่ามันกำลังหายไปถึง 70% ทำให้สูญเสียมูลค่าตลาดไปหลายล้านล้านดอลลาร์

ตลาดสำหรับโทเค็นที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ (NFT) เช่น งานศิลปะของลิงเบื่อและนกเพนกวินตัวเล็กๆ นั้นกำลังเสื่อมถอย หลังจากยอดขายลดลงอย่างรวดเร็ว และราคาของ NFT ที่ได้รับความนิยมลดลงในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา 

สินทรัพย์ของ Web3 ทั้งหลายแหล่ ที่อ้างว่าเป็นอนาคตของสุดยอดเทคโนโลยีสุดล้ำ ดำดิ่งสู่หายนะในปัจจุบัน เนื่องจาก NFT งานศิลป์ดิจิทัลราคาแพงที่เหล่าเซเลบต่างก็รัก มีมูลค่าลดต่ำลงอย่างน่าเหลือเชื่อมาก ๆ

ซึ่งในการประชุม The Next Web (TNW) เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของผู้นำด้านเทคโนโลยี นักพัฒนา และนักลงทุน มีการถกเถียงกันในหัวข้อของ NFT ไว้อย่างน่าสนใจ

แน่นอนว่า NFT นั้นถูกซื้อขายกันด้วยสกุลเงินดิจิตอล เหล่าผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ก็ยังคงมีความมั่นใจในเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ อินเทอร์เน็ตยุคถัดไปหรือ Web3 ซึ่งคาดว่าจะขับเคลื่อนโดยพลังของการเชื่อมต่อทางสังคมและมีการกระจายอำนาจมากยิ่งขึ้น

สำหรับ “Phygital” ซึ่งเป็นการผสานคำว่า Physical และ Digital เข้าด้วยกัน ซึ่งมีการใช้คำนี้ครั้งแรกโดย Chris Weil ผู้บริหารบริษัทโฆษณามานานกว่าทศวรรษเพื่ออธิบายสิ่งที่เขามองว่าคือความเป็นไปได้อันยิ่งใหญ่สำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ที่จะดึงดูดผู้บริโภคในทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน

ซึ่งแน่นอนว่า NFT ก็กำลังเข้าสู่เทรนด์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน เพื่อสร้างอรรถประโยชน์ในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่ง Phygital จะช่วยให้ผู้ซื้อเข้าถึงสิ่งที่เป็นจริงควบคู่ไปกับสินทรัพย์ที่เป็นดิจิทัล เช่น เสื้อยืดของนักออกแบบตัวจริงที่อวตารของคุณสามารถสวมใส่ได้ใน metaverse เป็นต้น

ซึ่งประสบการณ์แบบผสมผสานเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ด้วย NFT ซึ่งมีโอกาสและความเป็นไปได้ทางธุรกิจอย่างมหาศาลมาดูสามเหตุผลที่ เทคโนโลยีอย่าง NFT จะเข้าสู่โลกของ Phygital มากยิ่งขึ้น

1. NFT จะปรับปรุงความถูกต้องในโลกแห่งความเป็นจริง

ด้วยเทคโนโลยี blockchain ที่แสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง NFT ซึ่งทำให้สามารถมีบทบาทในการเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุทางกายภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุที่มีความสำคัญต่อผู้ซื้ออย่างมาก

ยกตัวอย่างเช่น ไวน์ หากมีการจัดเก็บขัอมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของแหล่งที่มาของไวน์บน blockchain กระบวนการแบบเดิม ๆ ก็ไม่จำเป็นสำหรับการรับรองความถูกต้องของไวน์อีกต่อไป

การเก็บแหล่งที่มาของไวน์บน blockchain (CR:Moonpay)
การเก็บแหล่งที่มาของไวน์บน blockchain (CR:Moonpay)

นั่นทำให้ความเสี่ยงทีจะเกิดการฉ้อโกงลดลง มันจะสร้างหลักฐานที่ดีขึ้นของแหล่งที่มาของไวน์ NFT สามารถที่จะปรับปรุงความรู้สึกของความถูกต้องและเพิ่มมูลค่าที่รับรู้ได้ มันเป็นตัวอย่างที่ดีว่า blockchain สามารถสร้างผลกระทบได้ดีกว่าแค่เป็นเพียง sourcecode เก็บไฟล์ภาพได้อย่างไร ซึ่งส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนให้คุณค่ากับสินค้าที่จับต้องได้จริง

2. NFT จะใช้เทคโนโลยี Augmented Reality มากขึ้น

ต้องบอกว่าเทคโนโลยี AR เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งของทางกายภาพและดิจิทัลสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร

หากใครยังจำกันได้ในปี 2016 เหล่าเกมเมอร์จำำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในสวนสาธารณะเพื่อไล่ล่าสัตว์ประหลาดเสมือนจริง ซึ่งนั่นก็คือเกมอย่าง Pokemon Go เกมบนมือถือที่อยู่เบื้องหลังความบ้าคลั่งเหล่านี้ ดึงดูดผู้ใช้ด้วยการวางตำแหน่ง Pokemon ในตำแหน่งบนโลกจริง ๆ

Pokemon Go กับการผสานโลกจริงกับดิจิทัลได้อย่างลงตัว (CR:Genesis Block)
Pokemon Go กับการผสานโลกจริงกับดิจิทัลได้อย่างลงตัว (CR:Genesis Block)

ซึ่งตอนนี้ NFT และ AR สามารถรวมเข้ากับแอปพลิเคชั่นที่น่าสนใจบางอย่างได้ ตัวอย่างเช่น ป้ายโฆษณา AR ในสถานที่ที่มีการสัญจรไปมา พื้นที่โฆษณาเสมือนจริงเหล่านี้สามารถซื้อและขายเป็น NFT ได้

แต่มีแนวโน้มว่าเกมจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการผสมผสานของเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ ซึ่งในปัจจุบันเกม NFT บางเกมก็ใช้เทคโนโลยี AR อยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น ZED RUN ที่มีแอป AR ที่ผู้ใช้สามารถเรียกม้าแข่งของตนเองมาปรากฎต่อหน้าได้

3. NFT จะปรับปรุงประสบการณ์แบบตัวต่อตัว

ลองจินตานาการถึง ตั๋วที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ เช่น ตั๋วงานอีเวนต์ ต่าง ๆ ซึ่งหากมารวมกับเทคโนโลยี NFT ก็จะขจัดปัญหาเรื่องการฉ้อโกงได้

ที่สำคัญตั๋วรูปแบบใหม่นี้สามารถตั้งโปรแกรมให้สิทธิพิเศษได้ทุกประเภท และสามารถนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยนผ่านตลาด NFT ได้ ซึ่งทำให้ตลาดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและปรับปรุงประสบการณ์ในการเข้าร่วมใช้งานตั๋วรูปแบบดังกล่าวนี้

ตั๋ว Fanclub Meeting ต่าง ๆ กับศิลปินชื่อดัง (CR:kpopmap)
ตั๋ว Fanclub Meeting ต่าง ๆ กับศิลปินชื่อดัง (CR:kpopmap)

ตัวอย่างเช่น ตั๋ว Fanclub Meeting ต่าง ๆ กับศิลปินชื่อดัง ที่ให้สิทธิพิเศษผ่านเทคโนโลยีอย่าง blockchain ซึ่งมันจะสร้างตลาดที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งผลที่ได้คือการประยุกต์ใช้ NFT เพื่อปรับปรุงประสบการณ์แบบตัวต่อตัวให้กับเหล่าผู้คนได้แท้จริง และอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่เพียงแค่ ไฟล์ดิจิทัล เหมือนเดิมอีกต่อไป

บทสรุป

เรียกได้ว่าในตอนนี้เป็นตลาดขาลงอย่างชัดเจนสำหรับ NFT ปริมาณการซื้อขายรายเดือนใน OpenSea ซึ่งเป็นตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุดลดลงประมาณ 85% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้

ในขณะเดียวกัน NFT ที่มีมูลค่าสูงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ซึ่งรวมถึงคอลเลกชั่นระดับท็อปของ Bored Ape Yacht Club ราคาลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้นในเวลาเพียงแค่ 30 วัน

เทรนด์ใหม่อย่าง Phygital จะขยายขีดความสามารถของ NFT เดิมที่มีอยู่โดยสร้างขึ้นจากผลิตภัณฑ์จริง ๆ ที่ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ และแน่นอนว่ามันเป็นการละลายเส้นแบ่งระหว่างโลกทางการภาพของเรากับโลกดิจิทัลได้อย่างแนบเนียนมากยิ่งขึ้นในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

References :
https://beincrypto.com/phygital-world-the-metaverse-is-merging-our-real-and-digital-lives/
https://www.ft.com/content/ff14dfda-8442-4473-818e-259415bc2123
https://www.moonpay.com/nft/phygital-nfts
https://realitems.shop/blogs/news/building-the-phygital-future-nfts-for-real-world-assets