ประวัติ TikTok ตอนที่ 3 : Recommendation Engine

ในปี 2011 Google ได้เริ่มใช้ระบบ Machine Learning ใหม่ที่เรียกว่า Sibyl เพื่อให้คำแนะนำบน Youtube ผลกระทบของ Sibyl นั้นเกิดขึ้นแทบจะทันที วิศวกรของ Youtube พบว่าตัวเลขการเข้าชมของ Youtube พุ่งกระฉูดขึ้นแบบฉุดไม่อยู่

Machine Learning ทำงานได้ดีจนในไม่ช้าผู้คนจำนวนมากเลือกว่าจะดูอะไรตาม “วีดีโอแนะนำ” มากกว่าวิธีการอื่น ๆ ในการเลือกวีดีโอ เช่น การค้นหาทางเว็บหรือการอ้างอิงทางอีเมล

Google พบขุมทรัพย์ทำเงินใหม่ผ่านอัลกอริธึม Machine Learning พวกเขาได้พัฒนาพวกมันขึ้นไปอีกขั้น โดยสิ่งที่เรียกว่า Google Brain ซึ่งพัฒนาโดยกลุ่ม Moonshot อันโด่งดังของบริษัท Google X ที่นำโดยศาสตราจารย์ Andrew Ng จากสแตนฟอร์ด

Google Brain ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าครั้งใหม่ของเทคโนโลยี Deep Learning แม้ผลกระทบจาก Sibyl นั้นจะน่าประทับใจ แต่ผลกระทบจาก Google Brain นั้นสร้าง Impact ที่สูงกว่ามาก

ศาสตราจารย์ Andrew Ng สุดยอดปรมาณจารย์ด้าน AI จากสแตนฟอร์ด (CR:IEEE Spectrum)
ศาสตราจารย์ Andrew Ng สุดยอดปรมาจารย์ด้าน AI จากสแตนฟอร์ด (CR:IEEE Spectrum)

ในช่วงสามปี 2014-2017 เวลารวมที่ใช้ในการดูวีดีโอบนหน้าแรกของ Youtube เพิ่มขึ้น 20 เท่า คำแนะนำผลักดันมากกว่า 70% ของเวลาทั้งหมดบน Youtube วีดีโอแนะนำของ Youtube กลายเป็นเรื่องน่าขนลุกที่จะคาดเดาสิ่งที่คุณสนใจได้อย่างแม่นยำ

ที่ประเทศจีน Yiming ได้กลายเป็นผู้นำในเทคโนโลยีดังกล่าว เขาไม่เพียงแค่เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของมันเท่านั้น แต่ยังดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับมันอย่างรวดเร็วอีกด้วยเพื่อไม่ให้ยักษ์ใหญ่รายอื่น ๆ รู้ตัวทัน

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของ ByteDance คือวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในช่วงต้นของ Yiming ที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะใช้เทคนิคใหม่ ๆ เหล่านี้ และจังหวะเวลาของตัดสินใจนั้นมีองค์ประกอบร่วมกันก็คือ การเติบโตอย่างบ้าคลั่งของสมาร์ทโฟนและการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI

มันได้กลายเป็นเครื่องจักรที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ Yiming มองว่าสิ่งที่เขาจะต้องทำโดยด่วนก็คือ การเปลี่ยนจาก “คนที่กำลังมองหาข้อมูลเป็นข้อมูลกำลังหาผู้คน”

อัลกอริธึมคำแนะนำรูปแบบใหม่ จะฉีกหนีไปจากเดิมอย่างชัดเจน ที่สถานการณ์ในตอนนั้นโลกถูกขับเคลื่อนด้วยพลังของโซเชียลมีเดียที่ต้องการคำแนะนำเพียงเล็กน้อยแต่จะถูกขับเคลื่อนด้วยพลังของการเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างกลุ่มคนเพียงเท่านั้น

อัลกอริธึมคำแนะนำรูปแบบใหม่ กำลังใกล้จะสุกงอมเต็มที่ Yiming ต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ เนื่องจากคำแนะนำแทบไม่ต้องการข้อกำหนดในการติดตามเพื่อการเชื่อมต่อเหมือนในเครือข่ายโซเชียลมีเดีย

 วิธีการหลัก ๆ ที่ใช้โดยแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของจีนในช่วงปี 2013 (CR:หนังสือ Attention Factory)
วิธีการกระจายเนื้อหาหลัก ๆ ที่ใช้โดยแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของจีนในช่วงปี 2013 (CR:หนังสือ Attention Factory)

คำแนะนำที่ดีต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ด้วย search engine ผู้ใช้จะแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนโดยสิ่งที่พวกเขาพิมพ์ลงในแถบค้นหา และมีการตั้งค่าของผู้ใช้ตามพฤติกรรมก่อนหน้าเพียงอย่างเดียว

โดยทั่วไประบบการแนะนำต้องอาศัยกระบวนการหลักสองประการ : “content-based filtering (การกรองตามเนื้อหา)” และ “collaborative filtering (การกรองการทำงานร่วมกัน)”

แนวคิดทั้งสองนี้ค่อนข้างง่ายต่อการเข้าใจ ระบบการกรองตามเนื้อหาจะแนะนำเนื้อหาให้กับผู้ใช้ ในสิ่งที่คล้ายกับที่พวกเขาต้องการอยู่แล้ว หากผู้ใช้สนุกกับการดูวีดีโอสุนัขและถูกแท็กว่าเป็น “คนรักสุนัข” ระบบจะแนะนำวีดีโอสุนัขเพิ่มเติม

ส่วนระบบการกรองการทำงานร่วมกันจะยึดตามคำแนะนำในการค้นหากลุ่มผู้ใช้ที่ชอบเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่น ความสนใจของ Jane และ Tracey มีความสัมพันธ์กันอย่างมาก หาก Jane ดูวีดีโอซ้ำ ๆ จนจบ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความสนใจที่เชื่อถือได้ ระบบจะแนะนำวีดีโอนั้นให้กับ Tracey ด้วย

ในช่วงกลางปี 2012 Yiming ได้ส่งอีเมลไปยังทีมเทคนิคของ ByteDance ด้วยชื่อที่เป็นลางไม่ดี “Recommended Engine General Meeting”

Yiming มุ่งมันที่จะผลักดันในหัวข้อที่เขาเห็นว่ามีความสำคัญต่ออนาคตของบริษัท ในเนื้อหาอีเมลยังระบุด้วยว่า “ในการเป็นแพลตฟอร์มข้อมูล จำเป็นต้องทำงานได้ดีกับเครื่องมือแนะนำส่วนบุคคล พวกคุณต้องการเริ่มต้นสิ่งนี้ในตอนนี้หรือไม่”

ระบบการแนะนำเบื้องต้นของ Toutiao ซึ่งเรียกว่า “personalization technology (เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ)” โดยเมื่อเปิดแอปขึ้นมา แล้วผู้ใช้จะได้รับบทความที่อ่านแล้วติดอันดับต้น ๆ เพื่อให้พวกเขาติดใจในทันที

หลังจากนั้นจะเป็นการรวมบทความ clickbait ที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นซึ่งดึงดูดผู้ใช้เฉพาะกลุ่มเพื่อทดสอบและตัดสินใจว่าใครคือผู้อ่าน ผู้ใช้ที่คลิกบทความที่มีภาพตัวอย่างขนาดใหญ่ของนางแบบรถยนต์น่าจะเป็นผู้ชาย ผู้ใช้รายอื่นที่อ่านบทความ “ซุปไก่เพื่อจิตวิญญาณ” น่าจะเป็นผู้สูงอายุ การเสริมการคาดเดานี้คือข้อมูลพื้นฐาน เช่น รุ่นโทรศัพท์ของผู้ใช้ ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ และวันเวลาที่พวกเขาเปิดแอป

นั่นเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่ยังห่างไกลจากจุดที่ Yiming คิดว่าบริษัทจำเป็นต้องไปให้ถึง เขาหวังว่า ByteDance จะกลายเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมและเพิ่มศักยภาพของเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือบริษัทอื่น ๆ

แต่ปัญหาก็คือใน ByteDance แทบจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญโดยตรงในเรื่องดังกล่าว หรือมีความสามารถระดับเทพในการพัฒนาเอ็นจิ้นการแนะนำส่วนบุคคลสุดล้ำอย่างที่ Yiming ใฝ่ฝัน

หลายคนในทีมแสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการขาดความสามารถทางเทคนิคของทีมงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของ Yiming การแสวงหาผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกที่มีราคาแพงเข้ามานั้นก็แทบเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากบริษัทยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเพิ่งย้ายสำนักงาน รวมถึงแทบไม่มีใครในประเทศจีนตอนนั้นที่มีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา

ในการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น Yiming ได้พบกับหนังสือเล่มใหม่ที่กำลังจะออกวางจำหน่าย “Putting Into Practice Recommender Systems” ซึ่งเขียนโดย Xiang Liang หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของจีนด้าน Machine Learning ในขณะนั้น

Xiang ทำงานเป็นนักวิจัยที่เว็บไซต์สตรีมมิ่งวีดีโอ Hulu ซึ่ง Yiming ได้ติดต่อ Xiang เพื่อขอสำเนาของหนังสือเล่มดังกล่าว แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากหนังสือเล่มนี้ยังไม่ได้ตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ

Yiming พยายามที่จะศึกษาด้วยตนเอง แต่ก็พบกับความล้มเหลว จึงเบนเข็มไปใช้วิธีในการหาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จากองค์กรอื่นแทน

Yiming ได้เล็งเห็นถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างเครื่องมือแนะนำที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน มีบริษัทหนึ่งที่สามารถจัดหาพนักงานที่มีความสามารถระดับเทพในเรื่องดังกล่าวได้มากที่สุดนั่นก็คือ Baidu

Yiming ถือว่า Baidu เป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของเขา เขากลัวความสามารถด้านอัลกอริธึมของ Baidu เป็นอย่างมาก และมองว่า Baidu เป็นบริษัทที่มีความสามารถมากที่สุดในประเทศจีนที่จะมาแย่งตลาดในสิ่งที่เขาหวังจะครอบครอง

เป็นเรื่องโชคดีที่ Baidu นั้น แทบยังไม่สนใจเรื่องของคำแนะนำส่วนบุคคล ธุรกิจการค้นหาของ Baidu นั้นไม่มีใครเทียบได้และเป็นเครื่องจักรทำเงินแบบสบายๆ ให้กับพวกเขาจนแทบจะไม่เดือดเนื้อร้อนตัวแต่อย่างใด

นั่นทำให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2014 เมื่อ ByteDance ได้ไปขโมยตัว Yang Zhenyuan รองผู้อำนวยการฝ่ายการค้นหามาจาก Baidu ซึ่งเขาทำงานกับ Baidu มาเป็นเวลา 9 ปีแล้ว Yang ได้รับตำแหน่งรองประธานฝ่ายเทคโนโลยีของ ByteDance ทันที และเตรียมพร้อมสำหรับการอัปเกรดทางเทคนิคครั้งใหญ่

การได้พนักงานระดับเรือธงอย่าง Yang เข้ามานั้น กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ ByteDance ซึ่งเปิดประตูให้กับวิศวกรของ Baidu คนอื่น ๆ ที่ติดตามเขามาร่วมงานด้วย

ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่เพิ่มขึ้นจากทีมของ Baidu ภายในปี 2016 พวกเขาสามารถทดลองวิธีการต่าง ๆ ในการสร้างเนื้อหาด้วยอัลกอริธึม ในระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปีนั้น บอทที่พัฒนาโดย ByteDance ได้เขียนข่าวต้นฉบับ เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญ ๆ ได้เร็วกว่าสื่อแบบดั้งเดิม และเพลิดเพลินกับระดับของการมีส่วนร่วมจากผู้ใช้ที่เทียบได้กับบทความที่เขียนขึ้นโดยนักเขียนที่เป็นมนุษย์จริง ๆ

ในเดือนมกราคมปี 2018 ByteDance ได้จัดประชุมสาธารณะในกรุงปักกิ่งเพื่อเปิดเผยว่าอัลกอริธึมของพวกเขาทำงานอย่างไร เป้าหมายเพื่อบรรเทาการวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อของรัฐและหน่วยเฝ้าระวังทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการเผยแพร่ภาพลามกอนาจารควบคู่ไปกับความกังวลเกี่ยวกับการขาดการดูแลของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

ในงานดังกล่าวผู้นำทีมอัลกอริธึมระดับอาวุโสของบริษัท Cao Huanhuan ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับหลักการของระบบการแนะนำของ ByteDance

ระบบของ ByteDance ใหม่นั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่ 3 โปรไฟล์ : content profile (โปรไฟล์เนื้อหา) , user profile (โปรไฟล์ผู้ใช้) และ environment profile (โปรไฟล์สภาพแวดล้อม)

สำหรับโปรไฟล์เนื้อหา Cao ได้ยกตัวอย่างบทความข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยคำหลักจะถูกดึงออกมาจากบทความโดยใช้เทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP)

ซึ่งในกรณีดังกล่าวก็คือ “สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล” “สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” “พรีเมียร์ลีกอังกฤษ” และชื่อผู้เล่นหลักหลายคนจากเกมดังกล่าว เช่น “ดาวิด เด เคอา”

จากนั้นจะมีการกำหนดค่าความเกี่ยวข้องกับคำหลัก ในตัวอย่าง “สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” เท่ากับ 0.9835 และ “ดาวิด เด เคอา” เท่ากับ 0.9973 ซึ่งทั้งคู่ถือว่าสูงมากตามที่คาดไว้ โปรไฟล์เนื้อหายังรวมถึงเวลาที่เผยแพร่บทความ ซึ่งช่วยให้ระบบคำนวณว่าบทความนั้นล้าสมัยเมื่อใดและหยุดการแนะนำ

โปรไฟล์ผู้ใช้สร้างขึ้นจากแหล่งต่าง ๆ รวมถึงประวัติการท่องเว็บ ประวัติการค้นหา ประเภทของอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้ ตำแหน่งของอุปกรณ์ อายุ เพศ และลักษณะพฤติกรรม ผู้ใช้ถูกแบ่งออกเป็นละติจูดหลายหมื่นตามข้อมูลโซเชียลและการขุดพฤติกรรมผู้ใช้เพื่อสร้างโปรไฟล์ที่แตกต่างกัน

เมื่อคุณอ่านโพสต์ที่แพลตฟอร์มแนะนำ มันจะเรียนรู้การตั้งค่าของคุณโดยติดตามพฤติกรรมของคุณ : สิ่งที่คุณเลือกอ่าน สิ่งที่คุณเลือกที่จะยกเลิกอ่าน คุณใช้เวลานานแค่ไหนกับเนื้อหา บทความที่คุณแสดงความคิดเห็น และเรื่องราวใดที่คุณ เลือกที่จะแชร์

สุดท้ายโปรไฟล์สภาพแวดล้อมจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ผู้ใช้เสพเนื้อหา เช่น ที่ทำงาน ที่บ้าน หรือระหว่างการเดินทางบนรถไฟใต้ดิน เนื่องจากความชอบของผู้คนแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ต่าง ๆ ลักษณะด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ได้แก่ สภาพอากาศและแม้กระทั่งความเสถียรของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้และเครือข่ายที่พวกเขาใช้ ( เช่น Wi-Fi หรือ China Mobile 4G)

ระบบจะคำนวณการจับคู่ทางสถิติที่รัดกุมที่สุดระหว่างโปรไฟล์เนื้อหา โปรไฟล์ผู้ใช้ และโปรไฟล์สภาพแวดล้อม ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพเปอร์เซ็นต์ของบทความที่อ่านและเปอร์เซ็นต์ของบทความที่อ่านเสร็จสิ้นแล้ว (เช่นเวลาที่ใช้)

จากนั้นกระบวนการเผยแพร่เนื้อหาจะจัดสรร “ค่าคำแนะนำ” ให้กับเรื่องราวที่ตีพิมพ์ใหม่แต่ละรายการโดยพิจารณาจากคุณภาพและจำนวนผู้อ่านที่เป็นไปได้ ยิ่งมีมูลค่าสูงเท่าใด ก็จะยิ่งแจกจ่ายบทความให้คนที่เหมาะสมมากขึ้นเท่านั้น

ค่าการแนะนำจะเปลี่ยนไปเมื่อผู้ใช้ตอบโต้กับมัน ปฏิสัมพันธ์ในเชิงบวก เช่น การชอบ การแสดงความคิดเห็น และการแชร์ ช่วยเพิ่มมูลค่าของคำแนะนำ

ส่วนการกระทำเชิงลบ เช่น ไม่ชอบและเวลาในการอ่านสั้น ค่าจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากเนื้อหาเริ่มล้าสมัย สำหรับหมวดหมู่ข่าวด่วน เช่น ข่าวกีฬา หรือ ราคาหุ้น วันหรือสองวันอาจเพียงพอสำหรับมูลค่าที่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับเนื้อหาหมวดหมู่ที่มีระยะเวลายืนยาว (Evergreen Content) เช่น ไลฟ์สไตล์หรือการทำอาหาร กระบวนการจะช้าลง

ความสวยงามของการพึ่งพาคำแนะนำในการปรับปรุงการมีส่วนร่วมคือการสร้างวัฏจักรที่ดีของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งมักเรียกกันว่า “data network effect” ยิ่งใช้เวลากับแอปมากเท่าไหร่ โปรไฟล์ผู้ใช้ก็จะยิ่งสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งนำไปสู่การจับคู่เนื้อหาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น

Recommendation Engine คือเครื่องจักรอันทรงพลังใหม่ของ ByteDance ที่พวกเขาสามารถที่จะคิดการณ์ใหญ่ มันผลักดันให้ Toutiao แอปอ่านข่าวของพวกเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแพลตฟอร์มอื่นๆ

Toutiao ที่ได้ recommendation engine พร้อมที่จะติดปีก (CR:Y Combinator)
Toutiao ที่ได้ recommendation engine พร้อมที่จะติดปีก (CR:Y Combinator)

ในขณะที่แพลตฟอร์มรวมรวมข่าวชั้นนำของตลาดจำนวนมากยังอาศัยเจ้าหน้าที่กองบรรณาธิการที่เป็นมนุษย์ เพื่อคัดเลือกเนื้อหาที่โดดเด่น

มีช่องว่างการตลาดที่ใหญ่มาก ๆ ในสภาพแแวดล้อมการแข่งขันดังกล่าวนี้ มันมีพื้นที่สำหรับ Toutiao ที่จะโจมตี เช่นเดียวกับผู้ร่วมทุนทุกคนที่ปฏิเสธ Yiming สำหรับรอบการลงทุนซีรีส์ B ในตอนนั้นไม่มีแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ใดให้ความสำคัญกับการแนะนำเนื้อหาอย่างจริงจัง แม้กระทั่ง Wechat ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการมือถือ ก็ยังสงสัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวนี้

ต่างจาก Yiming ที่เห็นศักยภาพอันมหาศาลของเครื่องจักรทำเงินใหม่นี้ ByteDance กำลังจะพิสูจน์ให้ยักษ์ใหญ่ทางอินเทอร์เน็ตของจีนทั้งหลายว่าพวกเขาคิดผิด และพวกเขาจะต้องช็อกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนี้

–> อ่านตอนที่ 4 : Video, The New Frontier

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ประวัติ TikTok ตอนที่ 2 : Small Place, Big dream

ในขณะที่คนทั้งประเทศเฉลิมฉลองวันตรุษจีนกับครอบครัว Yiming ได้ใช้เทศกาลนี้ไปกับความคิดของเขาในการสร้างแอป ทันที่วันหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์สิ้นสุดลง เขาได้ติดต่อไปยัง Joan นักลงทุนที่ชักชวนให้เขาทำ 99Fang ในตอนแรก

Yiming ได้บอกกับ Joan ว่าเขาต้องการทำบางอย่างที่อยู่นอกเหนือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อรับคลื่นอินเทอร์เน็ตบนมือถือใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

Joan ไว้วางใจ Yiming เป็นอย่างมาก และตกลงที่จะลงทุน 80,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่าน SIG พร้อมการรับประกันเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นผู้นำในรอบต่อไปของการระดมทุน

Yiming ทำการขายอพาร์ทเมนต์ของเขา และได้เงินทุนเพิ่มจากเพื่อนส่วนตัวของเขาสองคน Liu Jun และ Zhou Zijing ซึ่งได้เงินทุนมาจำนวนทั้งสิ้น 2 ล้านหยวน

สำนักงานแห่งแรกของ Yiming ค่อนข้างเรียบง่าย โดยดำเนินงานทั้งหมดจากอพาร์ตเมนต์ดัดแปลงสองห้อง ห่างจากศูนย์เทคโนโลยี Zhongguancun ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปักกิ่งไม่มากนัก

ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญที่รายล้อมไปด้วยมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำ เช่น Beijing Institute of Technology และ Tsinghua University

ศูนย์เทคโนโลยี Zhongguancun ที่เปรียบเสมือน Silicon Valley  ของจีน (CR:China Daily)
ศูนย์เทคโนโลยี Zhongguancun ที่เปรียบเสมือน Silicon Valley ของจีน (CR:China Daily)

ทีมงานได้ตั้งสำนักงานในอพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่ 4 ห้องนอน 2 ห้อง และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Ikea ค่าเช่า 20,000 หยวนต่อเดือน (ประมาณ 3,170 ดอลลาร์สหรัฐฯในขณะนั้น)

Yiming ได้เริ่มจ้างงานอย่างจริงจัง โดยได้สัมภาษณ์ตำแหน่งทางเทคนิคหลายร้อยคนเป็นการส่วนตัวในช่วงแรก ๆ และได้ดึงตัวอดีตพนักงานระดับเทพจาก 99Fang รวมทั้งอดีตเพื่อนร่วมห้องอย่าง Rubo มาร่วมทีม

ในการเลือกชื่อบริษัท Yiming ก็ใช้ทางเลือกที่ไม่ธรรมดา หลังจากระดมความคิดกันอย่างหนัก ทีมงานก็ได้คิดค้น “ByteDance” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Steve Jobs ที่ต้องมีการรวมศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยีเข้ากับศิลปะ สำหรับ “Byte” นั้นเป็นหน่วยของข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และ “Dance” เป็นตัวแทนของศิลป์

ในช่วงต้นปี 2012 Yiming หมกมุ่นอยู่กับแนวคิดเกี่ยวกับการทำเหมืองข้อมูลและการแนะนำข้อมูล ค้นคว้าเกี่ยวกับแพลตฟอร์มเนื้อหาออนไลน์ที่สำคัญทั้งหมดจากทั้งตลาดจีนและอเมริกา

เขาได้สังเกตเห็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างนึงก็คือ แอปอันดับต้น ๆ ที่ไม่ใช่เกมบน App Store ของจีนนั้นจะเน้นไปที่เรื่องของความบันเทิง

ก่อนที่จะจดทะเบียนบริษัท ByteDance อย่างเป็นทางการ ทีมงานชุดแรก ๆ ก็ได้ลองสร้างแอปแรกของพวกเขาในชื่อ “Hilarious Goofy Pics (ภาพตลกขบขัน)” ซึ่งเต็มไปด้วยมีมต่าง ๆ ที่สนุกสนานและรูปภาพที่ไร้สาระมากมาย

แอปที่สองชื่อ “Implied Jokes” โดยเน้นที่มีมในอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะ และมันก็โด่งดังเป็นกระแสขึ้นมาทันที มีผู้ใช้นับล้านรายภายในไม่กี่เดือน

โดยรวมแล้ว บริษัทได้ทดลองเผยแพร่แอปมากกว่าหนึ่งโหลสำหรับการทดสอบในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2012 โดยทดลองกับธีมและทิศทางที่หลากหลาย

ก่อนหน้านี้ที่ 99Fang ทีมงานของ Yiming ได้สร้างแอปอสังหาริมทรัพย์ห้าแอปเพื่อทดสอบตลาดต่าง ๆ ในขณะที่ ByteDance เขาได้ปรับปรุงกลยุทธ์นี้ให้กลายเป็นหนึ่งในการทดลองอย่างรวดเร็ว ผลักดันแนวคิดใหม่ ๆ และปล่อยออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว ทดสอบคุณสมบัติที่หลากหลาย และให้ตลาดตรวจสอบว่าสิ่งใดมีมูลค่า ซึ่งกลายเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของ ByteDance ในภายหลัง

เป็นเรื่องโชคดีของ ByteDance ในตอนนั้น เพราะการพัฒนาแอปในจีนยังเป็นเรื่องใหม่มาก แอปของคู่แข่งจำนวนมากมีขนาดที่ใหญ่เทอะทะ ทำให้กว่าจะดาวน์โหลดเสร็จใช้เวลานานมาก ๆ

แอปของ ByteDance นั้นเน้นไปที่ขนาดเล็กและเบา มีเพียงไม่กี่เมกะไบต์ โดยเนื้อหาของพวกเขาได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องโดยเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ด้วยระบบแบ็กเอนด์ที่รวบรวมข้อมูลและจัดประเภทเนื้อหาจากทั่วทั้งเว็บเป็นประจำ

การบริโภคเนื้อหา เช่น บทความ รูปภาพ หรือวีดีโอบนสมาร์ทโฟนเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมากจากอินเทอร์เน็ตบนเดสก์ท็อปพีซี Yiming ได้ทำการวิเคราะห์ถึง painpoint ไว้สามจุด ก็คือ หน้าจอที่มีขนาดเล็ก เวลาดาวน์โหลดที่นานเกินรอ และจำนวนข้อมูลที่เกินพิกัด ซึ่งเท่าที่เขาเห็น ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดในจีนที่จัดการกับปัญหาทั้งสามนี้พร้อมกันได้

ทีมงานเริ่มสร้างแอปที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเพื่อรวบรวมและจัดระเบียบรูปแบบเนื้อหามากมายจากอินเทอร์เน็ต แอปที่ขับเคลื่อนโดย Big Data และ Machine Learning ที่จะให้บริการผู้คนด้วยฟีดที่ปรับแต่งตามความชอบส่วนบุคคลด้วยเทคโนโลยี AI แบบไม่ต้องพึ่งพามนุษย์

สถานการณ์ในปี 2012 พอร์ทัลข่าวของจีนส่วนใหญ่จ้างบรรณาธิการที่เป็นมนุษย์และจัดการเนื้อหาด้วยตัวเอง Yiming เชื่อว่าสิ่งนี้จะใช้ไม่ได้อีกต่อไปในยุคมือถือ

ในขณะที่เทคโนโลยีกำลังก้าวไปข้างหน้า เขารู้สึกว่ามนุษย์จะถูกกำจัดออกจากกระบวนการจัดการข่าวทั้งหมด และแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติที่ใช้ประโยชน์จาก Big Data และ Machine Learning

Jinri Toutiao เป็นแอปใหม่ ซึ่งมีความหมายว่า “หัวข้อข่าวของวันนี้” และต่อมาถูกเรียกว่า “Toutiao” หรือ “หัวข้อข่าว” ซึ่งชื่อนี้ชนะเลิศจากการนำเสนอโดยทีมงานกว่าร้อยชื่อ

แอปข่าวถือเป็นธุรกิจที่สร้างเงินได้มหาศาล เพราะมีการใช้งานต่อเนื่อง เนื่องจากผู้คนเปิดแอปข่าว แม้ว่าจะมีเวลาว่างเพียงนาทีเดียวในการอ่านพาดหัวข่าว ความต้องการรับทราบข้อมูลใหม่ตลอดเวลาเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เมื่อสร้างนิสัยดังกล่าวแล้ว แอปข่าวจะไม่ถูกลบไปจากมือถือของผู้คน

เมื่อ Toutiao เปิดตัว ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ด้วยประสบการณ์ใช้งานที่เหนือกว่า แม้จะอยู่ในหมวดหมู่ข่าวที่จำกัด แต่ก็ยังแซงหน้าแอปอื่น ๆ ในด้านนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ ทั้ง Weibo , Wechat หรือแม้กระทั่ง Baidu

Toutiao เปิดตัว ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ด้วยประสบการณ์ใช้งานที่เหนือกว่า (CR:Nanjing Marketing Group)
Toutiao เปิดตัว ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ด้วยประสบการณ์ใช้งานที่เหนือกว่า (CR:Nanjing Marketing Group)

กลยุทธ์ที่น่าสนใจของ Yiming ก็คือการรวมเครือข่ายของแอปต่างๆ ที่เขาปล่อยไปก่อนหน้านี้ แล้วแปลงผู้ใช้งานมายัง Toutiao ซึ่งแอปที่มีอยู่ก่อนหน้าของเขาทำหน้าที่ในการเป็นช่องทางการได้มาของกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก

ตลอดปี 2012 พวกเขาใช้จ่ายเพียงแค่หนึ่งล้านหยวน (158,000 ดอลลาร์) ในการโปรโมตแอป และมีผู้ใช้งานมากกว่าหนึ่งล้านคนภายในสิ้นปี ต้นทุนการได้มาของผู้ใช้งานต่อผู้ใช้นั้นน้อยกว่า 0.1 หยวน การสร้างแอปมีมต่างๆ ก่อนหน้านี้เป็นวิธีที่โครตฉลาดในการดึงดูดผู้ใช้ในราคาถูก ซึ่งสามารถแปลงมาสู่แพลตฟอร์มหลักอย่าง Toutiao ได้ในภายหลัง

แต่ ByteDance ก็ยังไม่เริ่มสร้างรายได้แต่อย่างใด ซึ่งหมายความว่า Yiming เองอยู่ภายใต้แรงกดดันในการหาเงินทุนจากนักลงทุน

Joan ได้แนะนำ Yiming ให้รู้จักกับเพื่อนผู้ร่วมทุนของเธออย่างน้อยยี่สิบคน แต่ไม่มีใครสนใจแอป Toutiao เลย แถมยังดูถูก Yiming ว่าดูเด็กเกินไป ด้วยสไตล์การพูดที่นุ่มนวลและอ่อนโยน มันดูไร้ซึ่งสเน่ห์ในการดึงดูดนักลงทุน

Joan และ Yiming ถูกปฏิเสธโดยนักลงทุนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพหลากหลายบริษัท และจำเป็นต้องหาใครสักคนที่จะเป็นผู้นำในรอบการระดมทุนซีรีส์ B

Matt Huang นักธุรกิจหนุ่มชาวจีนจากซานฟรานซิสโก ได้เริ่มต้นบริษัทสตาร์ทอัพที่รวบรวมวีดีโอและเปลี่ยนไปเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่ชื่อว่า Hotspots.io และถูกซื้อกิจการโดย Twitter

Matt ตัดสินใจที่พักชีวิตจากการปั้นสตาร์ทอัพที่แสนเหนื่อยของเขาด้วยการไปเยือนประเทศจีนเป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยเขาอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กำลังเฟื่องฟูของจีน

เขาได้ถูกแนะนำให้รู้จักกับ Joan จาก SIG ซึ่งทำให้เขาได้ติดต่อกับ Yiming และมาเยือนที่สำนักงานของ ByteDance

เมื่อ Matt ได้เห็นแอปของ Yiming เขารู้สึกประหลาดใจ คุณภาพของเทคโนโลยีที่ Yiming สร้างขึ้นมานั้นเทียบได้กับสิ่งที่เขาเคยเห็นในอเมริกา

Yiming เป็นคนที่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคขั้นสูง มีความทะเยอทะยาน และมีความคิดที่ชัดเจนมาก ๆ เขาเป็นหนึ่งในวิศวกรที่น่าเกรงขามเช่นเดียวกับผู้ประกอบการหลายๆ รายที่ Matt รู้จักในอเมริกา

เมื่อเหล่านักลงทุนชาวจีนปฏิเสธ Toutiao แทบจะหมดแล้ว Joan ก็ได้หันมาหา Matt เพื่อสอบถามว่าเขารู้จักใครในสหรัฐฯ ที่อาจจะสนใจบ้างหรือไม่ ชื่อหนึ่งผุดขึ้นในใจ Matt ทันที – Yuri

บริษัทการร่วมทุนของ Yuri Milner แห่ง DST (Digital Sky Technologies) มีสำนักงานในกรุงปักกิ่งอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนต่างชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของจีน โดยได้สนับสนุนกลุ่มบริษัทจีนระดับแนวหน้า ซึ่งรวมถึง Alibaba , Meituan , Didi Chuxing และ Xiaomi

Yuri Milner นักลงทุนด้านเทคโนโลยีในตำนานของ DST (Digital Sky Technologies) (CR:Wikipedia)
Yuri Milner นักลงทุนด้านเทคโนโลยีในตำนานของ DST (Digital Sky Technologies) (CR:Wikipedia)

DST ได้ส่งหุ้นส่วน Shou Zi Chew ไปพบกับ Yiming โดยสังเกตเห็นเส้นทางการเติบโตของแอป และมองว่า Yiming เป็นผู้ก่อตั้งที่เข้าท่าและมีความสามารถเชิงเทคนิคสูงโดยมีความเชื่อมั่นในทิศทางขอบริษัท Yuri ตกลงจะเป็นผู้นำในรอบการลงทุนซีรีส์ B โดยจะเข้าถือหุ้น 7.2% ด้วยมูลค่าการลงทุน 60 ล้านดอลลาร์

เรียกได้ว่า Yuri แห่ง DST เปรียบเสมือนฮีโร่ผู้มาปลุกพลังให้กับ Yiming ซึ่งตัวของ Yiming เองนั้นไม่ต้องการที่จะตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของสามยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตจีนอย่าง Baidu , Alibaba และ Tencent หรือ BAT

ในประเทศจีนเมื่อสตาร์ทอัพโตถึงระดับหนึ่งแล้วนั้น แทบจะเป็นกฎเกณฑ์ว่าต้องยอมรับการลงทุนจาก BAT ตัวใดตัวหนึ่งหรือจะเสี่ยงต่อการถูกยักษ์ใหญ่รายใดรายหนึ่งเข้ามาบดขยี้ให้แหลกสลาย ซึ่ง Yiming มองศักยภาพของ ByteDance ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น

การได้รับการลงทุนจาก Yuri เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ ByteDance บริษัทสามารถย้ายออกจากอพาร์ทเมนต์โทรม ๆ และย้ายเข้าสู่พื้นที่สำนักงานอย่างเป็นทางการบนถนนสายหลัก Zhichun ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญที่กลายเป็นที่ตั้งของบริษัทอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่หลายแห่ง

ถนนแห่งนี้ประกอบไปด้วยเต็มไปด้วยพื้นที่แห่งจินตนาการในอนาคตของความรุ่งเรืองของบริษัทอินเทอร์เน็ตจีน ทั้ง Meituan บริษัทส่งอาหารยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินการโดย Wang Xing ซึ่งเป็นเพื่อนของ Yiming รวมถึง Xiaomi ยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรศัพท์มือถือ

ชั้นหนึ่งของอาคารสำนักงานใหม่ของ ByteDance มีซุปเปอร์มาร์เก็ตของ Walmart โดยมีสำนักงานของ ByteDance ตั้งรกรากอยู่ชั้นบน การแต่งกายภายในบริษัทก็เรียบง่าย และมีเชฟบริการเตรียมอาหารให้พนักงานฟรี ตามแบบฉบับของ Silicon Valley

ในเวลานี้ Yiming ได้เห็นสโลแกนในไซต์ก่อสร้างแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่า เปรียบได้กับสถานการณ์ของ ByteDance ในตอนนั้น

สถานที่เล็ก ๆ กับความฝันอันยิ่งใหญ่

“ผมคิดว่าคำ ๆ นี้เหมาะกับพวกเรามาก” Yiming กล่าว

–> อ่านตอนที่ 3 : Recommendation Engine

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ

Blog Series : TikTok Boom – The Miracle Story of TikTok and ByteDance

กลายเป็นกระแสที่ดังไปทั่วโลกสำหรับคลิปวีดีโอสั้นที่นำโดย TikTok บริษัทจากประเทศจีนบริษัทเดียวที่สามารถแจ้งเกิดในระดับโลกได้แบบเต็มตัว

การเริ่มต้นด้วยแอปอย่าง Douyin ในเวอร์ชั่นจีน และพัฒนาสู่ TikTok ในเวอร์ชันสากล สามารทำให้แอปจากจีนตัวนี้พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง ทั้งสองแอปได้กลายเป็นปรากฎการณ์ระดับโลก เหนือจินตนาการของผู้ก่อตั้ง แล้วเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น?

Blog Seriers จะนำพาไปพบกับเรื่องราวสุดมัน ที่เกิดขึ้นของ ByteDance เจ้าของแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง TikTok รวมถึงเรื่องราวของชายหน้าตาซื่อ ๆ อย่าง Zhang Yiming สุดยอดวิศวกรที่เข้าใจลึกซึ้งถึงเครือข่ายโซเชียลมีเดียยุคใหม่ สุดยอดอัลกอริธึมที่เขาได้คิดค ที่ได้สร้างปรากฎการณ์ระดับโลกนี้ขึ้นมาได้อย่างไร

โดยเนื้อหาจะมาจากหนังสือสองเล่มหลักคือ Attention Factory : The Story of TikTok & China’s ByteDance โดย Brennan Matthew และ TikTok Boom : China’s Dynamite App and the Superpower Race for Social Media โดย Chris Stokel-Walker

เนื้อหาหลักเรียบเรียงจากหนังสือสองเล่ม
เนื้อหาหลักเรียบเรียงจากหนังสือสองเล่ม

รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลออนไลน์ รับประกันความสนุกแน่นอนครับ อย่าลืมฝากติดตามกันด้วยนะครับผม

–> อ่านตอนที่ 1 : I Feel It Coming

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

หนังสือ Attention Factory : The Story of TikTok & China’s ByteDance โดย Brennan Matthew

หนังสือ TikTok Boom : China’s Dynamite App and the Superpower Race for Social Media โดย Chris Stokel-Walker

https://www.scmp.com/magazines/style/news-trends/article/3023093/how-did-tiktoks-zhang-yiming-become-one-chinas-richest

https://techcrunch.com/2011/01/29/90-of-y-combinator-startups-have-already-accepted-the-150k-start-fund-offer/
https://www.theinformation.com/articles/tencent-xiaomi-invested-in-tiktoks-parent-bytedance

https://techcrunch.com/2012/12/05/prismatic/

https://www.theverge.com/2017/8/30/16222850/youtube-google-brain-algorithm-video-recommendation-personalized-feed

https://www.businessinsider.com.au/youtube-engineer-christos-goodrow-on-recommendation-engine-2015-7

https://en.wikipedia.org/wiki/StumbleUpon

https://bits.blogs.nytimes.com/2013/03/14/the-end-of-google-reader-sends-internet-into-an-uproar/

https://www.wired.com/2013/06/why-google-reader-got-the-ax/

https://www.washingtonpost.com/business/technology/facebook-to-change-news-feed-to-a-personalized-newspaper/2013/03/07/b294f61e-8751-11e2-98a3-b3db6b9ac586_story.html

https://blog.ycombinator.com/the-hidden-forces-behind-toutiao-chinas-content-king/

https://www.theguardian.com/environment/2007/mar/26/globalwarming.china

https://techcrunch.com/2013/10/17/mindie-is-an-immersive-music-and-video-jukebox-app-done-right/

https://thenextweb.com/apps/2013/10/17/mindie-like-vine-pop-music-soundtrack/

https://www.forbes.com/sites/mnewlands/2016/06/10/the-origin-and-future-of-americas-hottest-new-app-musical-ly/

https://www.wired.co.uk/article/musically-lip-sync-app

https://www.crunchbase.com/search/funding_rounds/field/organizations/last_funding_type/musical-ly

https://www.technologyreview.com/2017/01/26/154363/the-insanely-popular-chinese-news-app-that-youve-never-heard-of/

https://twitter.com/tiktok_japan/status/884317356704399360

https://newsroom.tiktok.com/en-us/musical-ly-and

https://en.wikipedia.org/wiki/Yukina_Kinoshita

https://digiday.com/marketing/musical-ly-starts-selling-ads/

https://www.musicbusinessworldwide.com/vine-and-musical-ly-transformed-the-music-industry-then-they-disappeared-will-history-repeat-itself/

https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-11-13/why-facebook-passed-on-buying-the-predecessor-to-tiktok

https://www.scmp.com/magazines/style/news-trends/article/2132434/chinas-rich-list-2018-who-are-nations-wealthiest-man-and

https://www.reuters.com/article/us-bytedance-musically/chinas-bytedance-scrubs-musical-ly-brand-in-favor-of-tiktok-idUSKBN1KN0BW

https://www.buzzfeednews.com/article/krishrach/tiktok-twitter-thread-weird

https://www.wsj.com/articles/tiktoks-videos-are-goofy-its-strategy-to-dominate-social-media-is-serious-11561780861

https://www.reuters.com/article/us-facebook-china-focus/facebook-defies-china-headwinds-with-new-ad-sales-push-idUSKBN1Z616Q

https://www.buzzfeed.com/pablovaldivia/lil-nas-x-tweets

https://www.bbc.com/news/magazine-13414527

https://www.theverge.com/2019/10/1/20892354/mark-zuckerberg-full-transcript-leaked-facebook-meetings

https://www.nytimes.com/2019/11/03/technology/tiktok-facebook-youtube.html

https://www.nbcnews.com/podcast/byers-market/transcript-facebook-s-sheryl-sandberg-n1145051

https://medium.com/cheddar/tiktok-doubles-down-on-us-with-hire-of-veteran-youtube-exec-91d5bd9353d9

https://www.cnbc.com/2019/10/14/tiktok-has-mountain-view-office-near-facebook-poaching-employees.html

ประวัติ TikTok ตอนที่ 1 : I Feel It Coming

เรื่องราวทั้งหมดมันได้เริ่มต้นในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Zhang Yiming (จางอี้หมิง)

Yiming เองเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งพ่อของเขาได้สั่งนิตยสารการอ่านสำหรับเด็กให้กับเขาในแทบจะทุกสัปดาห์ และจุดเริ่มต้นดังกล่าวได้กลายเป็นนิสัยประจำติดตัวเขาไปตลอดชีวิต

Yiming เริ่มอ่านนวนิยาย ชีวประวัติ หนังสือพิมพ์และวารสารง่าย ๆ หลายเล่ม ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ อ่านการ์ตูน Yiming ชอบนิยายวิทยาศาสตร์มากกว่า

ในช่วงมัธยมต้น Yiming อ่านหนังสือพิมพ์ยี่สิบถึงสามสิบฉบับต่อสัปดาห์ จากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไปจนถึงหนังสือพิมพ์รายวัน เขาอ่านแทบจะทุกบทความโดยไม่พลาดแม้แต่เรื่องเดียว

แม้ชีวิตในวัยเด็กของ Yiming ในชนบทของจีนนั้นจะมีจุดเริ่มต้นที่ต่ำต้อยเอามาก ๆ แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่าเขามีความขยันหมั่นเพียร มีความกระหายในการค้นคว้าหาข้อมูล และชอบที่จะพัฒนาตนเองเอป็นอย่างมาก ซึ่งคุณลักษณะทั้งหมดดังกล่าวนี้นี่เองที่เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในอาชีพการงานของเขาในอนาคต

พ่อของ Yiming ได้ตั้งโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ในเมืองอุตสาหรรมแถบตงกวน ใกล้กับเซินเจิ้นและฮ่องกง รายได้ของธุรกิจทำให้มั่นใจได้ว่า Yiming จะได้รับการดูแลอย่างดีแม้จะเกิดและเติบโตในสภาพแวดล้อมแบบชนบทที่เรียบง่ายก็ตาม

เขาได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ Nankai University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ติด 20 อันดับแรกของประเทศจีน แม้นักศึกษาส่วนใหญ่จะปรารถนาที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีกว่านี้

แต่สำหรับ Yiming แล้ว หิมะในฤดูหนาว การหาแฟน อิสระในการอยู่ห่างจากครอบครัว และการใกล้ชิดกับอาหารทะเล ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญต่อเขาเป็นอย่างมาก

เขาเลือกที่จะลงเรียนในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าในช่วงเริ่มต้น แต่ก็ย้ายมาที่วิศวกรรมซอฟต์แวร์แทน ซึ่งเขาให้เหตุผลว่า วิศวกรรมไฟฟ้ามีโอกาสน้อยที่จะประยุกต์ทฤษฎีต่าง ๆ ในตำรามาใช้งานได้จริง ในขณะที่วงจรของการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นสั้นกว่ามากและเห็นผลได้เร็วกว่าอย่างชัดเจน

แม้ Yiming เองจะมีบุคลิกที่เป็นคนสันโดษ แต่ก็มีเพื่อนที่มีความสนิทสนมกันอยู่บ้าง เขาทำงานพาร์ทไทม์ด้วยการรับซ่อมคอมพิวเตอร์ร่วมกับงานด้านอื่นๆ เช่นการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจขนาดย่อม ทำให้เขามีรายได้ต่อเดือนสองถึงสามพันหยวน (ประมาณ 285-430 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

เขามีเพื่อนที่ Nankai ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นนคือ Liang Rubo เพื่อนร่วมห้องในหอพักในมหาวิทยาลัยของเขา ซึ่งได้เข้าร่วมงานกับ ByteDance ในอีกไม่กี่ต่อมา

การศึกษาคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรมร่วมกัน ทำให้ทั้งสองได้สร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้ง มีการแบ่งปันพีซีและเล่นแบดมินตันด้วยกันทุกสุดสัปดาห์

เมื่อจบจาก Nankai Yiming ได้เข้าร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพด้านการท่องเที่ยว Kuxun เขาได้รับการว่าจ้างให้เป็นพนักงานคนที่ 5 ของบริษัท ภายในไม่กี่เดือน Yiming ได้กลายเป็นพนักงานระดับเทพของบริษัทอย่างรวดเร็ว ที่ต้องรับผิดชอบลูกทีมกว่า 50 คน

Chen Hua ผู้ร่วมก่อตั้ง Kuxun มีความทะเยอทะยานที่จะแข่งขันกับ Baidu ยักษ์ใหญ่ด้านการค้นหาเพื่อชิงตำแหน่ง “Google of China” แต่ทว่า ณ เวลานั้น Baidu ก้าวไปไกลมากแล้ว มูลค่าตลาดของ Baidu สูงถึง 44.5 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้า Tencent คู่แข่งที่เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีมูลค่ามากที่สุดของจีนในยุคนั้น

หลังจากนั้นไม่นาน Kuxun ก็ประสบพบเจอกับปัญหา Yiming เองก็ตระหนักได้ว่าถึงเวลาต้องก้าวต่อไป และในปี 2008 เขาได้เข้าร่วมงานกับ Microsoft Research Asia Institute (MSRA) ในกรุงปักกิ่ง โดยเขาหวังว่าจะได้แนวคิดการทำธุรกิจจากบริษัทเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

แต่สิ่งที่เขาพบกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความคาดหวังของเขา มันได้กลายเป็นปีที่น่าเบื่อที่สุดในอาชีพการทำงานของเขา

ด้วยบริษัทขนาดใหญ่เทอะทะ ทำให้ Microsoft เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมาย รวมถึงข้อบังคับที่น่าเบื่อ นั่นทำให้ Yiming เองมีเวลาว่างเหลือเฟือมาก ๆ และเขาก็ขจัดความเบื่อหน่ายด้วยการอ่านหนังสือ ซึ่งเขายอมรับในภายหลังว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาอ่านหนังสือมากที่สุดในชีวิต

ระหว่างที่ทำงานที่ Microsoft Yiming ได้ซื้ออพาร์ทเมนต์แห่งแรกของเขาในปักกิ่ง วิธีการเลือกของเขานั้นน่าสนใจมาก ๆ แทนที่จะพึ่งพานายหน้า แต่เขาได้สร้างสเปรดชีต excel เพื่อรวบรวมข้อมูลออนไลน์ทั้งหมดเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยในปักกิ่ง ทำการจัดอันดับตัวเลือก และได้คำตอบที่เหมาะสมเพียงข้อเดียวที่คุ้มที่สุดสำหรับเขา

หลังจากอิ่มตัวกับความน่าเบื่อที่ Microsoft Yiming ได้ออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้เป็น Wang Xing ที่กำลังพัฒนา Fanfou ซึ่งเป็นการโคลน Twitter ที่สร้างขึ้นสำหรับตลาดจีน

Wang Xing ที่กำลังพัฒนา Fanfou ซึ่งเป็นการโคลน Twitter ที่สร้างขึ้นสำหรับตลาดจีน (CR:dictio.id)
Wang Xing ที่กำลังพัฒนา Fanfou ซึ่งเป็นการโคลน Twitter ที่สร้างขึ้นสำหรับตลาดจีน (CR:dictio.id)

เขาได้กลายมาเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีรับผิดชอบลักษณะการค้นหาของ Fanfou ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อที่กำลังนิยมและการวิเคราะห์ทางสังคม เว็บไซต์พัฒนาอย่างรวดเร็วและในขณะนั้นถือเป็นหนึ่งในดาวเด่นที่สุดในอินเทอร์เน็ตจีน

แต่ Fanfou ก็ต้องหยุดบริการอย่างกะทันหันในเดือนกรกฎาคม 2009 เกิดการจราจลที่เมืองหลวงของมณฑลซินเจียงทางตะวันตกอันไกลโพ้นของจีน

อินเทอร์เน็ตได้ถูกปิดตัวลงเป็นเวลาเก้าเดือนในซินเจียง โดยเว็บไซต์หลายพันแห่งถูกแบนและบล็อกทั่วประเทศ รวมถึง Fanfou ซึ่งหลังจากผ่านไปอีกปีครึ่ง Fanfou ก็ได้รับอนุญาตให้เปิดอีกครั้ง แต่เมื่อถึงเวลานั้น Sina Weibo ผู้เล่นท้องถิ่นรายใหม่เข้ามาแล้ว และกำลังมาแย่งชิงความเป็นผู้นำของ “Twitter of China”

เมื่อเว็บไซต์ Fanfou ปิดตัวลง นั่นคือตอนที่ Joan Wang ได้มาชักชวน Yiming ให้เข้าร่วมกิจการใหม่ของ SIG China Investment ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนในจีนของ SIG ยักษ์ใหญ่ด้านการเงินของสหรัฐฯ

Joan เห็นว่ามีโอกาสที่จะสร้างเว็บไซต์พอร์ทัลค้นหาอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ ซึ่งมีรูปแบบที่คล้ายกับ Zillow ในตลาดสหรัฐฯ

พวกเขาได้ตั้งชื่อเว็บว่า 99Fang.com ซึ่งมีความหมายว่า “บ้าน” ในภาษาจีน Yiming ได้สร้างทีมเล็ก ๆ ซึ่งรวมถึง Rubo อดีตเพื่อนร่วมห้องของเขาจาก Nankai University

Yiming และ Rubo อดีตเพื่อนร่วมห้องของเขาจาก Nankai University  (CR:kr-asia.com)
Yiming และ Rubo อดีตเพื่อนร่วมห้องของเขาจาก Nankai University (CR:kr-asia.com)

และภายในเดือนธันวาคมปี 2001 99Fang มีผู้เข้าชมรายวันสามแสนคนกลายเป็นเว็บไซต์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในประเทศจีน

Yiming ทำงานหลากหลายประเภท ตั้งแต่การสร้างซอฟต์แวร์ระดับองค์กร ไปนจึงอสังหาริมทรัพย์ เขาได้ซึมซับความรู้ทางเทคนิคเกี่ยวกับการดำเนินงานในเว็บไซต์พอร์ทัลด้านเนื้อหา เครื่องมือค้นหา และเครือข่ายสังคมออนไลน์

เขายังได้รับประสบการณ์ในวัฒนธรรมและรูปแบบการจัดการของบริษัทที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่ Microsoft ที่ไม่ชอบความเสี่ยงไปจนถึงทำงานกับผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพที่กล้าหาญและมีความทะเยอทะยานที่สุด และที่ 99Fang เขาได้เรียนรู้วิธีในการเป็นผู้นำ

ในช่วงต้นปี 2010 ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของจีน มีการเปิดตัว iPhone 4S ในช่วงปลายปี 2011 ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

ก่อนมีสมาร์ทโฟน ชาวจีนในเมืองใช้ฟีเจอร์โฟนซึ่งไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกมากนัก อุปกรณ์ที่มีหน้าจอความละเอียดต่ำ ประสบการณ์ใช้งานจึงไม่ดีนัก นั่นทำให้ พีซียังเป็นอุปกรณ์เริ่มต้นสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บเบราว์เซอร์เป็นหลัก

การมาถึงของสมาร์ทโฟนได้ปฏิวัติการเข้าถึงข้อมูลสำหรับชาวจีนส่วนใหญ่ในระดับที่มากกว่าในประเทศตะวันตก

รูปแบบสื่อดั้งเดิมในจีน เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดซึ่งรัฐจะควบคุมได้โดยตรง นั่นทำให้อินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนโลกใหม่ของการเผยแพร่ข้อมูล ซึ่งกฎระเบียบยังไม่สามารถก้าวตามได้ทันมากนัก

สมาร์ทโฟนกำลังอยู่ในช่วงการ scale ทำให้บริการข้อมูลที่เข้าเข้าถึงได้ทางอินเทอร์เน็ตง่ายขึ้น โทรศัพท์ถูกพกพาไปในประเป๋าของผู้บริโภค ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์จากทุกที่

Yiming ตระหนักว่าเขากำลังเห็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงของจีนครั้งใหญ่ เมื่อต้นปี 2011 ผู้โดยสารบนรถไฟใต้ดินปักกิ่งรอบ ๆ ตัวเขายังได้รับข่าวผ่านหนังสือพิมพ์ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน คนส่วนใหญ่เปลี่ยนมาอ่านหนังสือบนสมาร์ทโฟน

และมันถึงเวลาของการปฏิวัติข้อมูล โทรศัพท์มือถือจะเข้ามาแทนที่หนังสือพิมพ์เพื่อเป็นสื่อหลักในการส่งข้อมูล เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมือถือ ความต้องการคำแนะนำส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน จากการประเมินของ Yiming

กว่าหกเดือนที่ทีม 99Fang ได้เปิดตัวแอปมือถือห้าแอปที่กำหนดเป้าหมายหมวดหมู่ย่อยของตลาดอสังหาริมทรัพย์แยกจากกัน เช่น อสังหาริมทรัพย์มือสองและการเช่า มีผู้ใช้งานรวมกัน 1.5 ล้านคน ซึ่งมากกว่าแสนคนใช้งานมันทุกวัน ส่งผลให้ 99Fang ก้าวขึ้นสู่ผู้นำในหมวดหมู่เฉพาะของแอปอสังหาริมทรัพย์ของจีน

99Fang.com ที่ Yiming ได้รับตำแหน่ง CEO ของบริษัท (CR:99fang.com)
99Fang.com ที่ Yiming ได้รับตำแหน่ง CEO ของบริษัท (CR:99fang.com)

99Fang ได้สร้างแอป “ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์” ซึ่งรวบรวมบทความจากแพลตฟอร์มพอร์ทัลข่าวที่สำคัญและเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ยอดนิยม

โดยเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังบริการนั้นค่อนข้าง basic มาก ๆ แต่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงและได้รับความนิยม

การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่มาหลายพันแห่งลงในฟีดเดียวกันบนสมาร์ทโฟนทำให้มันมีศักยภาพสูงมาก เทคโนโลยีสามารถนำมาใช้เพื่อแยก กรอง และแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากที่สุดได้เร็วกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการถึง

Yiming ได้เห็นถึงสิ่งทีมีศักยภาพสูงมาก ๆ และการสร้างแอปประเภทนี้สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นดูเหมือนว่าจะเล็กเกินไปสำหรับเขาเสียแล้ว

Yiming ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ 99Fang เขาไม่สามารถจำกัดตัวเองให้อยู่แค่ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อีกต่อไปแล้ว การเติบโตอย่างบ้าคลั่งของอินเทอร์เน็ตบนมือถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตสำหรับผู้ประกอบการเช่นเขา เขารู้สึกอยากทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ บางสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้กับทุกคนในประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างจีน

แล้วสิ่ง ๆ นั้นจะเป็นอะไร โปรดอย่าพลาดติดตามต่อในตอนหน้านะครับผม

–> อ่านตอนที่ 2 : Small Place, Big dream

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ประวัติ Vladimir Putin ตอนที่ 13 : Russia’s Revenge

ต้องบอกว่าหลังจากขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิบดีของ Donald Trump เหล่า KGB ต่างชื่มชมยินดีในชัยชนะของ Trump ซึ่งสำหรับหลายๆ คน มันดูเหมือนเป็นการแก้แค้นให้กับการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเลยด้วยซ้ำ

Putin ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความยินดี เหล่าผู้นำที่ใช้นโยบายประชานิยมก็เพิ่มจำนวนขึ้นทั่วทั้งยุโรป ไม่มีอะไรจะดีกว่านี้สำหรับ Putin ที่ชัยชนะของ Trump มาพร้อม ๆ กับการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร

‘แนวคิดเสรีนิยมมันล้าสมัยไปแล้ว มันขัดแย้งกับประชากรส่วนใหญ่อย่างท่วมท้น’ Putin กล่าวกับ Financial Times ในเดือนมิถุนายน 2019

เขากล่าวว่า ‘พวกเสรีนิยม ถึงคราวต้องตกต่ำ สถานการณ์ในตอนนี้มันไม่เหมือนกับที่พวกเขาพยายามทำมาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา’

ในที่สุดมันก็กลายเป็นชัยชนะของรัสเซีย ที่ใช้ความสามารถในทางลับของตนเองเพื่อใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนที่มีอยู่ในตะวันตก เพราะหน่วยข่าวกรองทั้งหมดของรัสเซียที่กำลังดำเนินมาตรการเชิงรุกโต้กลับตะวันตก

มาตรการเชิงรุกดังกล่าว ได้นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอเมริกา ข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียมีส่วนสนับสนุน Trump นั้นอยู่ภายใต้การสอบสวน

การเปิดเผยโดยไม่เจตนาโดยที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของ Trump ซึ่งเขารู้ล่วงหน้าว่ารัสเซียเข้าถึงอีเมล์ของ Hillary clinton ทำให้ FBI เปิดการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว และกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ๆ ของแวดวงการเมืองอเมริกา

ซึ่งหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ มีข้อสรุปอย่างชัดเจนว่าหน่วยข่าวกรองของกองทัพรัสเซียได้แฮ็กเซิร์ฟเวอร์ของคณะกรรมการประชาธิปไตยแห่งชาติ และพยายามโน้มน้าวความคิดเห็นของสาธารณชนที่มีต่อ Trump ผ่านการรณรงค์ทางโซเชียลมีเดีย

ซึ่งแม้จะมีนโยบายคว่ำบาตรใหม่ที่กำหนดโดยฝ่ายบริหารของ Trump ก็ตาม แต่ Trump เองก็ยังเป็นประธานาธิบดีในฝันของกลุ่ม KGB และ Putin ซึ่ง Trump แสดงความเคารพต่อ Putin และคนในแวดวงของเขาอย่างรวดเร็ว

ในการประชุมสำนักงานรูปไข่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงเริ่มต้นตำแหน่งประธานาธิบดี เขาบอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย Sergei Lavrov และ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐอเมริกา Sergei Kislyak ว่าเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการเรียกร้องของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เรื่องการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจากอเมริกาเองก็ทำแบบเดียวกันในที่อื่น ๆ ของโลก

ในระหว่างการหาเสียง Trump ได้โต้แย้งว่า NATO นัั้นล้าสมัย ในขณะที่บอกว่าเขาอาจยอมรับการผนวกไครเมียของรัสเซีย

หลังการเลือกตั้งเขาสนับสนุนอย่างแข็งขันให้นายกรัฐมนตรี Theresa May ของอังกฤษและตามด้วย Boris Johnson ผู้สืบทอดตำแหน่งของเธอ ให้ขยายความแตกแยกของสหราชอาณาจักรเพื่อออกจากสหภาพยุโรป โดยขู่ว่าจะระงับข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ

เขาประณามประเทศสมาชิก NATO อย่างต่อเนื่องด้วยการร้องเรียนว่าพวกเขาไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมใด ๆ เลย ความสัมพันธ์ของเขากับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี Angela Merkel ก็ย่ำแย่

ในปี 2019 เขาจะถอนทหารสหรัฐออกจากซีเรีย การเคลื่อนไหวที่จะละทิ้งพันธมิตรชาวเคิร์ดของสหรัฐฯ และทิ้งรัสเซียและอิหร่านเพื่อสร้างสุญญากาศให้เป็นผล

เขาเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ คาดเดาไม่ได้ และทุกคำพูดของเขาดูเหมือนจะบ่อนทำลายความเป็นผู้นำของอเมริกาภายใต้การดูแลของเขา

สถาบันประชาธิปไตยในสหรัฐฯ ถูกกัดเซาะ และสังคมของสหรัฐฯ ก็มีความแตกแยกเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อ Trump พบกับ Putin ในการประชุมสุดยอดครั้งแรกของพวกเขาที่เฮลซิงกิ ในเดือนกรกฎาคม 2018 ได้เห็นภาพของ Trump ที่แซว Putin และเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีกับวิธีที่เขาจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เพิ่งจบลงไป

โดยยกย่องผู้นำรัสเซียว่าเป็นคู่แข่งที่ดี และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับความพยายามของรัสเซียที่จะโน้มน้าวการเลือกตั้งสหรัฐฯ เขายักไหล่ว่าเป็นการกระทำส่วนบุคคล

โดยได้ชี้ไปที่คำฟ้องของอัยการสหรัฐฯ เกี่ยวกับพันธมิตรที่ใกล้ชิดของเขา ซึ่งเป็นอดีตพนักงานเสิร์ฟอาหารที่มีฉายาว่า “Putin’s Chef” อย่าง Yevgeny Prigozhin

Putin's Chef
Putin’s Chef” Yevgeny Prigozhin (ขวา) (CR:Commond.wikimedia.com)

ซึ่ง บริษัท Concord Management ของ Prigozhin ถูกกล่าวหาว่าดำเนินกิจการสร้างโทรลล์ทางอินเทอร์เน็ตซึ่งอยู่เบื้องหลังความพยายามออนไลน์เพื่อโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันให้สนับสนุน Trump

“พวกเขาไม่ใช่ตัวแทนของรัสเซีย” Putin กล่าว “นี่เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ไม่ใช่ของรัฐ เป็นสิ่งเดียวกับที่อเมริกาก็ทำ โดยอ้างว่าไม่ใช่เรื่องของรัฐ เช่นการกระทำของ จอร์จ โซรอส ที่ให้เงินสนับสนุนองค์กรที่ปั่นป่วนการเมืองไปทั่วโลก ทำไมคุณถึงทำได้ล่ะ? สิ่งที่โซรอสทำมันก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลเหมือนกัน”

Putin มีท่าทีเยาะเย้ย กับการใช้คำว่า ‘เรื่องส่วนบุคคล’ เพราะมันเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ทำมานานแล้ว และ Trump ก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่อเมริกาทำกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมานานมากแล้ว

ซึ่งแน่นอนว่ามันก็เป็นส่วนหนึ่งของกลวิธีทั่วไปที่ KGB ปฏิเสธสำหรับการมีส่วนร่วมของเครมลิน เหมือนที่อเมริกาปฏิเสธการมีส่วนร่วม เมื่อโซรอส ให้เงินทุนไปทำอะไรบางอย่างในทางการเมืองกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ภายใต้ระบบทุนนิยม KGB ของเขา นักธุรกิจที่รายล้อมตัว Putin ได้กลายเป็นตัวแทนของรัฐ นับตั้งแต่ Mikkhail Khodorkovsky ถูกจับกุมในปี 2003

วิกฤติทางการเงินในปี 2008 ได้ทำให้กระบวนการเหล่านี้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเศรษฐีพันล้านหลายคนของประเทศต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากรัฐ

บรรดามหาเศรษฐีที่เคยรู้จักในนามผู้มีอำนาจของรัสเซีย บัดนี้ได้กลายเป็นข้าราชบริพารแห่งเครมลินของ Putin ทุกการเคลื่อนไหวถูกติดตามอย่างใกล้ชิด โทรศัพท์ส่วนใหญ่ของพวกเขาถูกดักฟัง

พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบศักดินาซึ่งบทบาทของ Putin ในฐานะผู้ตัดสินขั้นสุดท้ายระหว่างคู่แข่งที่ต่อสู้ในธุรกิจ เกือบทุกข้อตกลงที่มีมูลค่าสูง บางคนกล่าวว่ามากกว่า 50 ล้านดอลลาร์ จำเป็นต้องมีการอนุมัติจาก Putin

มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะจินตนาการว่านักธุรกิจชาวรัสเซียอาสาที่จะปลูกฝังนักการเมืองต่างชาติในนามของเครมลิน เพื่อแลกกับการที่ Putin อนุมัติใบอนุญาติมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ หรือเพียงเพื่อให้เขาไม่ต้องติดคุก

เครือข่ายเงินสดสีดำ ของรัสเซียดูเหมือนจะแทรกซึมไปทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กิจกรรมของพวกเขารวมกับการเพิกเฉยต่อสถาบันและหลักจรรยาบรรณของสหรัฐฯ ที่ Trump แทบจะไม่ใส่ใจอีกต่อไป

เมื่อ Trump ถูกจับได้ทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2019 เพื่อขอให้ประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครน Volodomyr Zelensky พบกับ Giuliani และดำเนินการสอบสวน Biden

การกระทำหลายอย่างของ Trump แสดงให้เห็นถึงการละเมิดตำแหน่ง Trump ได้ขอร้องโดยตรงจากต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือเขาในการเลือกตั้งปีประธานาธิบดีในปี 2020

Trump ดูเหมือนจะแนะนำว่าความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ สำหรับยูเครนนั้นขึ้นอยู่กับเขา

สำหรับหลายๆ คน การกระทำดังกล่าวแสดงถึงความเสื่อมโทรมของระบอบประชาธิปไตย และการบ่อนทำลาย ทุกอย่างที่นักการทูตสหรัฐฯ พยายามจะยืนหยัดต่อสู้อยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต

รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามที่จะสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยในยูเครนมาเป็นเวลานานและปกป้องมันจากการครอบงำของรัสเซีย

แต่สำหรับรัสเซียแล้วนั้น ดูจะยินดีกับความโกลาหลที่เกิดขึ้น มันฉายให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบการเมืองของอเมริกาและการสึกกร่อนที่เกิดขึ้นจากภายใน

ตั้งแต่เริ่มแรก เครือข่ายเงินสดสีดำ ของรัสเซีย ได้ถูกฝังไว้เพื่อกัดเซาะระบบ และทำให้การทุจริตรุนแรงขึ้นในตะวันตก มันชี้ให้เห็นว่ารัสเซียของ Putin ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อระบอบเสรีประชาธิปไตยแบบตะวันตกมากมายเพียงใด

Putin เข้าใจดีว่า รัสเซียสามารถใช้จ่ายเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ตามต้องการ ในการสร้างความโกลาหลในโลกตะวันตก เขาแทบไม่เคยแคร์กับการคว่ำบาตร เพราะเขาได้เตรียมรับมือสิ่งเหล่านี้มานานมากแล้ว และสิ่งที่เขาทำมันก็คือสิ่งเดียวกันกับที่สหรัฐอเมริกาเคยทำมาในอดีตผ่านระบบทุนนิยมเสรี

แต่ดูเหมือนว่าเมื่อมาถึงตอนนี้ ระบบอำนาจแบบรวมศูนย์อย่างที่รัสเซียทำ และรัฐที่ทำหน้าที่คอยจัดการทุกอย่างนั้น กำลังจะเอาชนะอุดมการณ์ด้านประชาธิปไตยในโลกเสรีไปเสียแล้วนั่นเองครับผม

แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ Vladimir Putin จาก Blog Series ชุดนี้

แน่นอนว่าหากมองในอีกมุมหนึ่ง ระบบการปกครองในรูปแบบดังกล่าว การยึดอำนาจแบบรวมศูนย์ สิ่งที่รัสเซียทำมันก็คล้ายๆ กับที่ประเทศจีนทำอยู่ มันสามารถพัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งอเมริกาที่ว่ากันว่าเสรีนิยมแบบสุดโต่งก็ตาม สุดท้ายก็กำลังจะโดนประเทศอย่างจีนแซงด้วยสปีดที่เร่งการพัฒนาได้รวดเร็วมาก ๆ ด้วยการเติบโตของ GDP แบบก้าวกระโดด

ต้องเรียกได้ว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวมันเอง ประชาธิปไตยแบบเสรีทุนนิยมแบบโลกตะวันตก ทุกคนมีเสรีภาพ แต่การจะผลักดันเรื่องต่าง ๆ ในการพัฒนาประเทศนั้นมันก็ช้ากว่าเมื่อเทียบกับการมีอำนาจแบบรวมศูนย์ เพราะต้องแบ่งผลประโยชน์ให้กลุ่มต่างๆ ที่เท่าเทียมกัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

รวมถึงปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ มันเป็นสิ่งที่ชัดเจนมาก ๆ ยิ่งหลังเกิดภาวะเศรษฐกิจในปี 2008 ความเหลื่อมล้ำในโลกเสรีประชาธิปไตยมันยิ่งเกิดช่องว่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คนรวยก็ยิ่งรวยขึ้นจากเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย นักลงทุนจาก Wallstreet ต้นตอของการเกิดวิกฤติก็ล้มลงบนกองเงินกองทอง แทบจะไม่มีใครรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่างจากประชาชนคนรากหญ้าที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินอย่างมหาศาลจากวิกฤติครั้งนั้น

รวมถึงเรื่องการจัดการนักธุรกิจในแบบที่จีนหรือรัสเซียทำ มันก็คือการตัดแบ่งเค้กความรวยของพวกเขามาช่วยเหลือคนหมู่มาก ซึ่งมันเป็นแนวคิดแบบอุดมคติ ซึ่งผสมผสานระหว่างทุนนิยมแบบโลกตะวันตก กับการใช้อำนาจแบบรวมศูนย์แล้วจัดการขั้นเด็ดขาดให้เหล่านักธุรกิจมาอยู่ใต้อาณัติของรัฐ

สถานการณ์ในปัจจุบันจากสงครามที่เกิดขึ้นในประเทศยูเครนที่ถูกรุกรานจากรัสเซีย มันก็ชี้ให้เห็นถึงภัยที่กำลังคุกคามเสรีนิยมตะวันตกเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าระบบทุนนิยม KGB ที่เกิดขึ้น มันอาจเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน ระบบที่ควบคุมอย่างเข้มงวดและการคอร์รัปชั่นได้แทรกซึมไปทุก ๆ หนแห่งในสังคม

ทุกการตัดสินใจทางด้านการเมือง และทุกข้อตกลงทางธุรกิจ กลุ่มคนวงในที่รายรอบอยู่ใกล้ตัวผู้นำตัวอย่างเช่น Putin มีอำนาจเหนือนักธุรกิจเกือบทุกคน การใช้กฎหมายที่เป็นสองมาตรฐาน การต่อสู้เพื่อแย่งชิงความมั่งคั่งของประเทศโดยเฉพาะจากทรัพยากรหลักอย่างน้ำมัน ที่เปรียบเสมือนเครื่องจักรหล่อเลี้ยงให้ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นอย่างที่เราได้เห็นในทุกวันนี้

เช่นเดียวกับในสมัยโซเวียต รัสเซียของ Putin กำลังมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานที่มีอิทธิพลและฟื้นฟูอิทธิพลของรัสเซียในต่างประเทศ ในขณะที่เริ่มละเลยที่จะพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ รัฐบาลของ Putin ใช้จ่ายเงินอย่างเปิดเผยมากยิ่งขึ้นในการแสดงอำนาจทางทหารในตะวันออกกลาง และสนับสนุนทางการเมืองสำหรับประเทศที่เป็นมิตร

ความท้าทายที่สำคัญของรัสเซียก็คือ เมื่อเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจใหม่ ซึ่งรอบหน้าจะเกิดขึ้นในปี 2024 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดวาระที่สองติดต่อกันในฐานะประธานาธิบดีของ Putin ตั้งแต่ที่เขากลับมาในปี 2012 เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดให้เขาลงจากตำแหน่ง แม้จะมีความพยายามในการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญเพื่อต่ออำนาจของ Putin แต่สุดท้ายเมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็ต้องจากไปและทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้เบื้องหลัง

ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นว่าใครจะมาแทนที่เขา การต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อแย่งชิงอำนาจในหมู่ชนชั้นสูง มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากตระกูล Yeltsin ที่ไม่ได้มีความราบรื่นนัก และประเทศที่ผูกระบอบไว้กับคนก็จะตกอยู่ในความเสี่ยงอีกครั้ง

แต่ก็ต้องบอกว่าโลกของเราผ่านการพัฒนามามากมายผ่านระบอบการปกครองมาหลายรูปแบบ ไล่มาตั้งแต่การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในระยะแรกของการตั้งรัฐชาติในยุโรป ที่แต่ละรัฐต้องเผชิญกับปัญหาภายในทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีความจำเป็นต้องแก้ไขโดยผู้มีอำนาจอย่างเร่งด่วน ด้วยเหตุนี้จึงเปิดโอกาสให้กษัตริย์มีอำนาจโดยสมบูรณ์ โดยอ้างว่ากษัตริย์ปกครองประเทศในรูปแบบผู้แทนโดยชอบธรรมของพระเจ้า

การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์รุ่งเรืองมากในคริสตศตวรรษที่ 17 และเริ่มเสื่อมลงในคริสตศตวรรษที่ 18 เนื่องจากการขยายตัวทางการค้าทำให้ชนชั้นกลางที่มั่งคั่งทางเศรษฐกิจแต่ไม่มีส่วนร่วมในการปกครองประเทศได้เรียกร้องสิทธิทางการเมือง การปกครอง ผลการเรียกร้องดังกล่าวทำให้เกิดการพัฒนาไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย

หรือแม้กระทั่งระบอบคอมมิวนิสต์ของโซเวียตที่ได้ล่มสลายไป เพราะไม่อาจต้านทานกระแสของโลกทุนนิยมจากฝั่งตะวันตกได้ จนเป็นที่มาของระบอบกึ่งทุนนิยมแต่อำนาจรวมศูนย์เหมือนที่รัสเซียและจีนกำลังทำอยู่ในตอนนี้

ซึ่งในอนาคต มันก็ไม่มีอะไรแน่นอน อะไร ๆ มันก็เกิดขึ้นได้เมื่อระเบียบโลกต่าง ๆ ถึงเวลาเปลี่ยนไปตามกาลสมัย อาจจะเป็นโลกเสรีประชาธิปไตยที่นำโดยสหรัฐอเมริกาและยุโรป หรือ อีกฝั่งอุดมการณ์อีกแบบหนึ่งที่นำโดยจีนและรัสเซีย ซึ่งสุดท้ายเวลาจะเป็นคำตอบของทุกสิ่งนั่นเองครับผม

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ