ไฮเออร์เปิดตัวภาพยนตร์ไวรัลในคอนเซ็ปต์ Inspire Future Dreams ทีมเทคโนโลยีที่พาชีวิตเราไปให้สุด ดึง บอย-ปอป้อ นำเสนอเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าสุดล้ำ

ไฮเออร์เปิดตัวภาพยนตร์ไวรัลชุดใหม่ในคอนเซ็ปต์ Inspire Future Dreams ทีมเทคโนโลยีที่พาชีวิตเราไปให้สุด ชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า นำแสดงโดย บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และ ปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย แบรนด์แอมบาสเดอร์ ไฮเออร์ (ประเทศไทย) ตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งของไฮเออร์ในปีนี้ 

ภาพยนตร์ชุดใหม่นี้ นำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ Inspire Future Dreams ทีมเทคโนโลยีที่พาชีวิตเราไปให้สุด  เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่หยุดที่จะคิดค้นและพัฒนาผลิตภันฑ์พร้อมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อยู่เสมอ โดยมี บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกหนุ่มมากความสามารถ ผู้ครองตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นปีที่ 5 และ ปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักกีฬาแบดมินตันดีกรีแชมป์โลก ประเภทคู่ผสม นำแสดงภาพยนตร์ไวรัลชุดนี้ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ไฮเออร์ (ประเทศไทย) โดยมีกำหนดออกอากาศวันที่ 14 มีนาคม 2566

“ภาพยนตร์ชุดนี้มาพร้อมแนวคิดที่ว่า ไฮเออร์พร้อมที่จะสนับสนุนให้ผู้คนก้าวไปสู้เป้าหมายอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะทุกความสำเร็จล้วนแล้วแต่มีทีมเวิร์กอยู่เบื้องหลังเสมอ โดยเราได้คุณบอย ปกรณ์ และคุณปอป้อ ทรัพย์สิรี เข้ามาเสริมภาพลักษณ์ความเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจเลือกนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เหมาะกับตนเอง

ไฮเออร์ขอเป็นอีกหนึ่งทีมเวิร์กที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มีเพียงแค่ดีไซน์สวย แต่ยังอำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากขึ้น” มร.จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว

ไฮเออร์ ภูมิใจนำเสนอนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประกอบด้วย เครื่องปรับอากาศรุ่น UV Cool Smart New Generation 2023 มาพร้อมเทคโนโลยี UVC Sterilization ที่สามารถกำจัดเชื้อโรคและไวรัสได้มากถึง 99.99% เครื่องซักผ้าฝาหน้าพร้อมถังซักขนาดใหญ่ 525 มม. และเครื่องอบผ้าที่ช่วยอบผ้าในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ทำลายเนื้อผ้า หรือตู้เย็น IOT ที่สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน Haismart ได้อย่างอัจฉริยะ

นอกจากนี้ยังมี ตู้แช่ โทรทัศน์ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ช่วยอำนวยความดวกทั้งด้านฟังก์ชันการใช้งานและการดูแลสุขภาพที่ดี 

เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์มีวางจำหน่ายทั้งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนจำหน่ายไฮเออร์ทั่วประเทศ และบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 

ติดตามชมภาพยนตร์ไวรัลของแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่ซี้คู่ใหม่ ได้ที่ Facebook, Instagram และ YouTube : Haier Thailand หรือดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ www.haier.com/th หรือโทร 1789

เบื่อหน่ายกับการศึกษา เมื่อแนวโน้มนักเรียนมัธยมในอเมริกาเลือกที่จะไม่เรียนต่อในมหาลัยเพิ่มสูงขึ้น

“ทำไมผมถึงอยากลงเงินทั้งหมดเพื่อไปซื้อกระดาษสักแผ่นที่ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยจริงๆ” Grayson Hart ซึ่งเพิ่งจบการศึกษาระดับมัธยมปลายในเมืองแจ็กสัน รัฐเทนเนสซี ได้ให้ความเห็นกับอนาคตของชีวิตในมหาวิทยาลัยของเขา

หนึ่งปีหลังจบมัธยมปลาย Hart กำลังกำกับรายการละครเยาวชนในเมืองแจ็กสัน รัฐเทนเนสซี เขาได้รับคัดเลือกในทุกมหาวิทยาลัยที่เขาสมัครไป แต่เขาเลือกที่จะปฏิเสธมัน ค่าใช้จ่ายเป็นปัจจัยสำคัญ และการเรียนรู้ทางไกลหนึ่งปีในช่วงการแพร่ระบาดยังทำให้เขามีเวลาและความมั่นใจในการสร้างเส้นทางของตัวเอง

Hart เป็นหนึ่งในคนหนุ่มสาวหลายแสนคนที่โตขึ้นมาในช่วงที่มีการระบาดครั้งใหญ่และไม่เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย หลายคนหันไปหางานรายชั่วโมงหรืออาชีพที่ไม่ต้องการใบปริญญา ขณะที่อีกหลายคนถูกขวางกั้นด้วยค่าเล่าเรียนที่สูงเว่อร์จนเกินจริง

ในขณะที่สถิติการลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรีทั่วประเทศลดลง 8% จากปี 2019 ถึง 2022 ตามข้อมูลจาก National Student Clearinghouse อัตราการเข้าเรียนต่อในวิทยาลัยที่ลดลงนั้น เป็นสถิติที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ

เหล่านักเรียนที่เพิ่งจบมัธยมคิดว่ามันไม่คุ้มเลยที่จะจมอยู่กับกองหนี้สินที่พวกเขาต้องกู้มาเพื่อส่งเสียตัวเองเรียน

ตามรายงาน ของ Associated Press นักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ในตอนแรกดูเหมือนเป็นแนวโน้มเพียงชั่วคราวของยุคการเรียนออนไลน์ในช่วงการแพร่ระบาดเท่านั้น แต่มันกลับดำเนินต่อไปหลังจากการกลับเข้ามาเรียนใน class แบบปรกติแล้วก็ตาม

ในขณะเดียวกันวิกฤตหนี้ของนักเรียนก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศที่เริ่มขยายวงกว้างขึ้น ทำให้แนวคิดในการเริ่มทำเงินทันทีหลังจากจบมัธยมปลายนั้นได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่าผู้คนจำนวนมากขึ้นเริ่มเชื่อว่าการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป หรือปริญญาแทบไม่ได้ให้คุณค่าหรือประโยชน์เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา

ถึงกระนั้น ผู้ที่ส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับความสนใจที่ลดลงในการลงทะเบียนเรียนในวิทยาลัย ซึ่งลดลงถึง 8 เปอร์เซ็นต์ระหว่างปี 2018 ถึง 2022 ตามข้อมูลจากสำนักงานแรงงานและสถิติของสหรัฐฯ ก็ไม่ผิดที่จะแนะนำว่าผู้สำเร็จการศึกษาระดับวิทยาลัยน้อยลงอาจทำให้การขาดแคลนแรงงานเพิ่มมากขึ้น การขาดแคลนในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพและการศึกษา ซึ่งประสบปัญหาอยู่แล้วก่อนยุคโควิด จะมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น

“ความคิดนี้ค่อนข้างอันตรายต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจของประเทศเรา” Zack Mabel นักวิจัยจากจอร์จทาวน์ที่เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและเศรษฐศาสตร์กล่าว

ผลกระทบที่เลวร้ายที่สุด อาจเป็นการส่งสัญญาณถึงคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีความเชื่อมั่นในคุณค่าของปริญญาบัตร ผู้สำเร็จการศึกษาระดับวิทยาลัยที่น้อยลงอาจทำให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในสาขาต่าง ๆ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพไปจนถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ

สำหรับผู้ที่ละทิ้งการเรียนในมหาวิทยาลัย มักหมายถึงรายได้ตลอดชีพที่ลดลง ซึ่งน้อยกว่าผู้ที่จบปริญญาตรีถึง 75% ตามข้อมูลของ Center on Education and the Workforce ของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ และเมื่อเศรษฐกิจซบเซา ผู้ที่ไม่มีปริญญาก็มีแนวโน้มที่จะตกงานสูงกว่ามาก

สำหรับตัว Hart เขากำลังทำในสิ่งที่เขารักและช่วยเหลือชุมชนศิลปะที่กำลังเติบโตของเมือง ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับอนาคตของเขา งานของเขาจะมีรายได้เพียงพอในอนาคตหรือไม่ และเขาก็ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนสำหรับ 10 ปีข้างหน้า

“ผมกังวลเกี่ยวกับอนาคต” เขากล่าว “แต่ตอนนี้ผมกำลังพยายามเตือนตัวเองว่าผมทำได้ดีในจุดที่ผมอยู่ และผมจะทำมันต่อไปทีละขั้น”

References :
https://futurism.com/americans-skipping-college
https://apnews.com/article/skipping-college-student-loans-trade-jobs-efc1f6d6067ab770f6e512b3f7719cc0
https://www.wuwm.com/2022-10-17/the-wisconsin-coalition-on-student-debt-answers-student-loan-forgiveness-questions

airasia Super App เปิดบริการใหม่ “บริการต่อคิว” ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิว ได้กินเลยแบบ right Now ไร้คิว ตอบโจทย์สายกินทั้งไทยและต่างชาติ

airasia Super App ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจรตั้งแต่การเดินทางทางอากาศจนถึงภาคพื้นดินผู้ให้บริการเรียกรถรับส่ง จองตั๋วโดยสาร จองโรงแรมที่พัก ตลอดจนสั่งอาหาร เปิดบริการใหม่ “บริการต่อคิว” ให้คุณไม่พลาดมื้ออร่อยได้แล้ววันนี้

ตอบโจทย์สายกินทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติในแบบที่คุณไม่ต้องเสียเวลาคอยคิวง่ายๆเพียงเข้าผ่านแอปพลิเคชั่น airasia Super App พร้อมจองคิวไปทานอาหารร้านอร่อยในเวลา 18.00 – 20.00 น. ล่วงหน้าได้ทุกวันแล้ววันนี้ ประเดิม 5 ร้านแรก CQK HOTPOT, ร้านเจ๊โอว, ร้านเล็ก ซีฟู้ด เยาวราช, คุณเปิ้ลหมูกระทะ และอี้จา สุกี้หม่าล่า

โดย airasia food ตั้งใจเลือกร้านเด็ด ร้านดัง มาเพื่อตอบโจทย์ไลฟสไตล์คนรุ่นใหม่ และนักท่องเที่ยว ให้คุณจองคิวได้ง่ายๆ สะดวกสุดๆไม่ต้องรออีกต่อไป

นางสาวณัฏฐิณี ตะวันชุลี ผู้อำนวยการใหญ่ airasia Super App ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “สำหรับการเปิดบริการใหม่ “บริการต่อคิว” นับเป็นการตอกย้ำว่าเราเป็นผู้นำในแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวชั้นนำจากที่ทราบกันดีว่าร้านอาหารดังและเป็นที่นิยมในขณะนี้ต้องใช้เวลาในการรอคอยคิวนานหลายชั่วโมงจนทำให้ลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติพลาดโอกาสในการลิ้มลองเมนูเด็ดขึ้นชื่อของร้านอาหารรวมถึงข้อจำกัดด้านภาษาของนักท่องเที่ยวต่างชาติในสื่อสาร

เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ที่สร้างความไม่สะดวกสบายต่อลูกค้าตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและฟื้นธุรกิจท้องถิ่นให้กลับมาคึกคักเราจึงเปิดตัวบริการใหม่ “บริการต่อคิว” ที่พร้อมบริการแล้วใน 5 ร้านแรก คือ CQK HOTPOT, ร้านเจ๊โอว,ร้านเล็ก ซีฟู้ด เยาวราช, คุณเปิ้ล หมูกระทะ และอี้จา สุกี้หม่าล่า ให้ลูกค้าสามารถลิ้มชิมรสเมนูเด็ดร้านดังได้ทันทีแบบ right now ไร้คิว”

วิธีใช้บริการต่อคิว (ร้านที่ไม่รับจองคิวออนไลน์ และต้อง walk-in เพื่อรับคิวอย่างเดียว)
● เข้า airasia Super App หรือไปที่ www.airasia.com แล้วกดไปที่เมนู food
● เลือกที่ icon “บริการต่อคิว” (Queuing service)
● เลือกร้านอาหารที่ต้องการจองคิว (โดยเฟสแรกมี 5 ร้านดัง คือ CQK HOTPOT, ร้านเจ๊โอว, ร้านเล็กซีฟู้ด เยาวราช, คุณเปิ้ล หมูกระทะ และอี้จา สุกี้หม่าล่า)
● เลือกจำนวนคน พร้อมกดยอมรับ เงื่อนไขการให้บริการ
● กดจอง แล้วเลือกวัน-เวลาที่ต้องการ (ให้บริการจองคิวไปทานอาหารร้านอร่อยในเวลา 18.00 – 20.00 น. ล่วงหน้าได้ทุกวันแล้ววันนี้)
● ชำระค่าบริการ โดยเริ่มต้นที่ 300 บ. เท่านี้ก็ไปนั่งกิน ชิวๆ ที่ร้านได้เลยเปิดแอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ แล้วจองคิวเลย!> https://app.airasia.com/F4uy/j076vmwb

*เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของบริษัทฯ

airasiafood #aafood ติดตามข่าวสารล่าสุดจาก airasia Super App โดยติดตาม @airasiasuperapp.id บน Instagram เพื่อประสบการณ์ที่ราบรื่นและดียิ่งขึ้น ดาวน์โหลด airasia Super App จาก Apple App Store และ
Google Play Store

วิถีผู้นำแบบ Elon Musk ผู้ที่มีวิธีการจัดการแบบโครต Toxic แต่ประสบความเร็จในทางธุรกิจได้เช่นเดียวกัน

หลังจากที่ผมได้ทำ Blog Series ชุด A Day In The Life ที่ถ่ายทอดเรื่องราวประจำวันของเหล่าผู้นำทั้งในทางธุรกิจหรือผู้นำทางการเมืองทั่วโลก ได้รับผลตอบรับที่ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว

มันก็มีอีกแง่มุมหนึ่งที่ผมสนใจ นั่นก็คือสไตล์ของความเป็นผู้นำ หรือวิธีการจัดการบริหารองค์กรของผู้นำเหล่านี้ ที่มีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก ๆ ต้องบอกว่าแม้ในหนังสือแนวการจัดการจะมีข้อมูลส่วนใหญ่ที่เป็นด้านโลกสวยที่เหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จ แต่ผมเชื่อว่าในการบริหารธุรกิจจริงหรือแม้กระทั่งการบริหารประเทศให้ประสบความสำเร็จนั้น ทุกคนมีสไตล์การบริหารที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หลายคนบริหารงานแบบฉีกกฎเกณฑ์ Playbook ด้านการบริหาร ตำราด้านการบริหารมากมาย และประสบความสำเร็จกลายเป็นสุดยอดนักธุรกิจได้เช่นกัน

วันนี้ตอนแรก จะมาพูดถึงชายที่ชื่อ Elon Musk ที่เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งคนที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์การบริหารงานธุรกิจ แทบจะเรียกได้ว่าสไตล์ของ Elon Musk นั้น แทบจะเป็นการจัดการแบบ Toxic ที่ไม่มี Playbook เล่มไหนเขียนถึงแนวนี้เลย แต่ Musk ได้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจมากที่สุดในโลกอีกหนึ่งคน

สไตล์ ‘ไม่ยอมใครง่าย ๆ’ ของ Musk

นับตั้งแต่เข้าครอบครอง Twitter เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2022 Musk ได้สั่งเลิกให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ยกเลิกอาหารกลางวันของพนักงาน และเลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,700 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนพนักงานทั้งหมด 

หลายคนต่างช็อคเมื่อพวกเขารู้ตัวว่ากำลังถูกไล่ออกโดยไม่สามารถเข้าถึงแล็ปท็อปของบริษัทได้อีกต่อไป

เพียงไม่กี่วันต่อมา Musk มีทีมสอดแนมค้นหาข้อความส่วนตัวของพนักงานใน Slack และไล่คนที่วิจารณ์เขาออกทันที

Musk เลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,700 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนพนักงานทั้งหมด (CR:Truthout)
Musk เลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,700 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนพนักงานทั้งหมด (CR:Truthout)

Musk ได้ยื่นคำขาดถึงพนักงานเพื่อให้คำมั่นกับ Twitter ยุคใหม่ที่ “ฮาร์ดคอร์สุดๆ” ซึ่ง “หมายถึงการทำงานเป็นเวลานานหลายชั่วโมงด้วยความเข้มข้นในการทำงานสูง” พนักงานมีเวลาจนถึง 17.00 น. ของวันถัดไปในการตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไป

มีรายงานว่าพนักงานประมาณ 500 คนเขียนใบลาออกทันที

ดูเหมือนว่า Musk จะไม่ได้คาดการณ์ถึงปฏิกิริยานี้ เมื่อใกล้ถึงเส้นตาย เขาเริ่มนำพนักงานคนสำคัญเข้าร่วมการประชุมโดยพยายามโน้มน้าวให้พวกเขาอยู่ต่อ

นอกจากนี้ เขายังยกเลิกคำสั่งห้ามทำงานจากที่บ้านโดยส่งอีเมลถึงพนักงานว่า “สิ่งที่จำเป็นสำหรับการอนุมัติในเรื่องดังกล่าวคือผู้จัดการของคุณที่ต้องรับผิดชอบในการรับรองว่าคุณทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมจากที่บ้าน”

แต่พนักงานจำนวนมากตัดสินใจลาออก Twitter ล็อกไม่ให้พนักงานทุกคนออกจากสำนักงานจนถึงวันจันทร์ถัดไป ท่ามกลางความสับสนว่าใครยังคงทำงานอยู่อีกบ้าง

การปลดพนักงานและการปรับโครงสร้างเป็นเรื่องปกติในการเปลี่ยนแปลงองค์กร แต่วิธีที่ Musk จัดการมีผลกระทบอย่างมากต่อผู้ที่จากไปเช่นเดียวกับผู้ที่ยังคงอยู่ 

ทางเลือกมีความสำคัญ

แล้ว SpaceX และ Tesla บริษัทที่ Musk สร้างชื่อเสียงล่ะ? ความสำเร็จของบริษัทเหล่านี้ไม่ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีหรือ?

ต้องบอกว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยพันธกิจอย่าง SpaceX และแพลตฟอร์มอย่าง Twitter

เมื่อมีภารกิจร่วมกันเพื่อบรรลุสิ่งที่พิเศษหรือที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนพนักงานมักจะตั้งใจทำงานเป็นเวลานานมาก ๆ และพร้อมทุ่มเทให้กับองค์กรแบบสุด ๆ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

พวกเขาจะเลือกที่จะทำงานให้มากกว่าและทำงานหลายชั่วโมงหากรู้สึกว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กร พวกเขาต่างคิดว่างานของพวกเขามีความสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญก็คือพวกเขาเลือกที่จะทำตามวิสัยทัศน์ของ Musk

พนักงานใน SpaceX เลือกที่จะทำตามวิสัยทัศน์ของ Musk (CR:Orange County Register)
พนักงานใน SpaceX เลือกที่จะทำตามวิสัยทัศน์ของ Musk (CR:Orange County Register)

ดังที่พนักงาน Twitter คนหนึ่งทวีตหลังจากมีการแจ้งผ่านอีเมลของ Musk:

“ฉันไม่ต้องการทำงานให้กับคนที่ขู่เราทางอีเมลหลายครั้งเกี่ยวกับ ‘คนที่ทุ่มเททำงานแบบพิเศษเท่านั้นที่ควรทำงานที่นี่’ ในเมื่อฉันทำงาน 60-70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์อยู่แล้ว”

Musk ปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนเครื่องจักร

ทั้ง Tesla และ SpaceX มีพนักงานที่ไม่มีความสุขจำนวนมากโดยมีเคสการฟ้องร้องเกี่ยวกับสภาพการทำงานและรูปแบบการจัดการของ Musk อยู่บ่อยครั้ง หลายคนบอกว่าการทำงานกับ Musk นั้น Toxic มาก ๆ

แต่เขาได้รับการยกย่องในเรื่องความคิดของเขา การแก้ปัญหาทางวิศวกรรม การท้าทายโมเดลธุรกิจแบบเก่า ๆ ที่อาจไม่มีประโยชน์อีกต่อไป แต่พื้นฐานของความเป็นผู้นำยังคงมีความสำคัญ และ Musk ก็ยังขาดในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างมาก

Musk ยึดถือรูปแบบการบริหารที่ปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนฟันเฟืองในเครื่องจักร ไม่ใช่มองพวกเขาว่าเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจ พนักงานของเขาต้องเสียสละความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อทำตามวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของเขา

สิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ได้จากสไตล์ความเป็นผู้นำของ Elon Musk

Elon Musk เป็นบุคคลที่ซับซ้อน และสไตล์ความเป็นผู้นำของเขาก็มีความซับซ้อนเช่นกัน ในหลาย ๆ ด้าน เขาเหมือนเป็นแรงผลักดันในวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ แต่ในอีกทางหนึ่งเขาเรียกร้องจากพนักงานมากจนเกินไปและบางครั้งเลยเถิดไปถึงขั้นข่มขู่พนักงาน

เช่นเดียวกับ ผู้นำคนอื่นๆแนวทางของเขามีทั้งด้านบวกและด้านลบ และยังมีเรื่องราวอีกมากที่ต้องเรียนรู้จากวิธีที่เขาเป็นผู้นำ รวมถึงบทเรียนที่น่าสนใจดังต่อไปนี้:

  • เชื่อในตัวคุณเอง. ผู้คนจำนวนมากมักมองว่าแนวคิดของ Musk นั้นบ้าๆ บอๆ แต่เขาเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และความทะเยอทะยานของเขา เขาไล่ล่าในสิ่งที่เขาเชื่อมั่นอย่างไม่ลดละ
  • กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน Musk ผลักดันตัวเองจนถึงขีดจำกัด และในหลาย ๆ ด้าน มันคือบทเรียนที่ดีในสิ่งที่ไม่ควรทำ กำหนดขอบเขตสำหรับตัวคุณเอง เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องทำงาน 100 ชั่วโมงและนอนบนพื้นสำนักงานของคุณ
  • ทำให้รู้สึกว่ามีปลอดภัยที่จะล้มเหลว หนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่บริษัทต่างๆ ของ Musk สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยวิธีที่พวกเขาทำนั้นเป็นเพราะ Musk เป็นผู้ที่ไม่แคร์ความล้มเหลว เขารู้ว่าพนักงานของเขาต้องรู้สึกว่าพวกเขาสามารถล้มเหลวได้โดยไม่ต้องกลัวผลกระทบหรือการโดนตำหนิ นั่นเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับผู้นำทุกคนที่ต้องเป็นหัวหอกในทีมที่มีนวัตกรรมซึ่งความผิดพลาดล้มเหลวถือเป็นเรื่องปรกติมาก ๆ  

ต้องบอกว่า Elon Musk ไม่ได้เป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบ และจริงๆ แล้วแทบไม่เข้าใกล้สิ่งนั้นเลย เมื่อเราศึกษาจาก Playbook ตำราการเป็นผู้นำที่มีอยู่มากมาย 

เรียกได้ว่า Musk กำลังสร้างแบบอย่างที่เป็นอันตรายสำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่จะปฏิบัติตาม หากวิธีการจัดการของเขาพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จสำหรับ Twitter อาจส่งผลให้ผู้นำธุรกิจรายอื่นทำตามตัวอย่างของเขาในอนาคต

แต่ด้วยความที่บริษัทของ Musk ประสบความสำเร็จมากมายและชื่อเสียงของเขาในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ถือได้ว่าแหวกแนวที่สุดในตลาด เขาจึงเป็นหนึ่งในผู้นำที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบคนอย่างเขาเช่นเดียวกัน เพราะดูเหมือนว่าจะมีน้อยคนในโลกที่สามารถทำสิ่งเดียวกับชายที่ชื่อ Elon Musk ทำได้สำเร็จนั่นเองครับผม

References :
https://www.fingerprintforsuccess.com/blog/elon-musk-leadership-style
https://theconversation.com/elon-musks-hardcore-management-style-a-case-study-in-what-not-to-do-194999
https://theconversation.com/elon-musks-archaic-management-style-prioritizes-profit-over-people-195520#:~:text=Musk%20adheres%20to%20a%20mechanistic,for%20the%20sake%20of%20profit.
https://www.reddit.com/r/askmanagers/comments/yzb08z/elon_musk_management_style/
https://www.nbcnews.com/tech/tech-news/elon-musks-twitter-takeover-gives-new-type-power-rcna26211

หนึ่งวันในชีวิตของ Changpeng Zhao ผู้เปลี่ยนชีวิตจากศูนย์สู่มหาเศรษฐี Crypto ภายในหนึ่งปี

ผู้ก่อตั้ง Binance เคยทำงานที่ McDonald’s และขายอพาร์ตเมนต์ของเขาเพื่อลงทุนใน Bitcoin แล้วเขาลงเอยด้วยการเป็นผู้นำแพล็ตฟอร์มแลกเปลี่ยน cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เรื่องราวของ Binance ถูกบอกเล่าผ่านผู้คนหลายร้อยคนที่สร้างแพลตฟอร์ม รวมถึงผู้คนนับล้านที่ซื้อขายบนการแลกเปลี่ยน cryptocurrency ชั้นนำของโลก แต่แก่นแท้ของเรื่องราวทั้งหมดนี้คือผู้ก่อตั้ง Changpeng Zhao (CZ) ซึ่งเปิดตัว Binance ในเดือนกรกฎาคม 2017 และได้กลายเป็นผู้นำตลาดแลกเปลี่ยน crypto ชั้นนำของโลกหลังจากผ่านไปเพียง 180 วัน

CZ กล่าวว่า มีบางคนเคยถามผมว่าวัน “ปกติ” เป็นอย่างไรสำหรับการเป็น Binance CEO ปัญหาคือ ผมไม่เคยมีวันที่ “ธรรมดา” เลย ผมมีแต่วันที่ผิดปกติ ทุกวันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

ตอนเช้า

CZ จะตื่นมาเช็คโทรศัพท์และเห็นข้อความจากทีม หลังจากส่งข้อความไปได้ 2-3 ข้อความ เขามักจะเล่น Twitter ประมาณ 15 นาทีในตอนเช้า

หลังจากนั้นจะมีภารกิจแตกต่างกันไป ตั้งแต่การสาธิตเทคโนโลยีของโครงการใหม่ที่น่าตื่นเต้นและมีความสำคัญสูง ไปจนนถึงการทบทวน OKRs ของทุกคนในทีมสำหรับไตรมาสหน้า

ในแต่ละวันจะมีอีเมลที่ผ่านการกรองสองสามร้อยรายการรออยู่ในกล่องจดหมายของ CZ และการแจ้งเตือนอีกนับล้านจากแอปแชทต่างๆ

ช่วงกลางวัน

มีการประชุมต่อเนื่องตลอดวัน โดย CZ มีการประชุมส่วนตัว 2-3 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลา 5-10 นาที

เขาจะมีส่วนของ Coding Days ในบางวัน แม้ตัวเขาจะไม่ได้เขียนโค้ดใดๆ สำหรับ Binance แล้วก็ตาม แต่เขามักมีกิจกรรมการ Coding อยู่สม่ำเสมอ เช่น การเขียนบอทสำหรับฝ่ายบริการลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยี Neural Network แบบง่าย ๆ

Binance มีทีมเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ส่วนใหญ่พวกเขาให้คำปรึกษา CZ เกี่ยวกับการตัดสินใจที่ใหญ่กว่าซึ่งมีผลกระทบทางธุรกิจ ในระหว่างการอัปเกรดหรือเหตุฉุกเฉิน CZ จะทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสาร/ผู้ประสานงานเพียเท่านั้น

ในแต่ละวัน เขาอาจมีปฏิสัมพันธ์กับคนประมาณ 50-500 คน ตามที่สถานการณ์กำหนด และ CZ ชอบการสนทนาที่สั้น กระชับ และตรงประเด็นมากที่สุด

CZ อาจมีปฏิสัมพันธ์กับคนประมาณ 50-500 คน แล้วแต่กำหนดการณ์ (CR:GlobeNewswire)
CZ อาจมีปฏิสัมพันธ์กับคนประมาณ 50-500 คน แล้วแต่กำหนดการณ์ (CR:GlobeNewswire)

โดยเขาจะพยายามใช้เวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในพื้นที่สาธารณะ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน เขาไม่ชอบอยู่ในห้องวีไอพีหรือพื้นที่ “พิเศษ” อื่นๆ เขาชอบคลุกคลีกับทีมงานของเขา เพราะมองว่าจะทำให้ทีมงานเป็นหนึ่งเดียวกัน

ตอนเย็น

หลังจากคุยงานกันมาทั้งวัน บางครั้งทีมงานจะชวน CZ ไปดื่มที่บาร์แถวบ้านและในบางโอกาสบาร์ก็อาจจะถูกเปลี่ยนเป็นห้องประชุมเพราะภารกิจที่รัดตัวของเขา

CZ ใช้เวลาค่อนข้างน้อยอยู่ตามลำพัง ซึ่งบางครั้งก็ทานอาหารเย็นคนเดียว แต่การมีเวลาอยู่คนเดียวทำให้ CZ มีพื้นที่คิดและเขียนบทความยาวๆ อยู่เสมอ

ในช่วงค่ำเขาพยายามจำกัดเวลาในโซเชียลให้เหลือ 15-30 นาทีต่อวัน ดังนั้น อาจเห็นเขาระเบิดลงในทวีตสองสามอัน แล้วก็หายไปทันที

กิจวัตรอื่น ๆ

CZ ถือเป็นนักอ่านตัวยง หลายคนในทีม Binance ก็ติดนิสัยนี้เช่นกัน CZ ให้ความสำคัญกับการแบ่งปันรายการหนังสือที่รออ่านของเขากับทีม และยังกระตุ้นให้เพื่อนร่วมงานแนะนำหนังสือเล่มโปรดของพวกเขาด้วย

CZ ถือเป็นนักอ่านตัวยง และมักจะแบ่งปันสิ่งที่เขาอ่านเสมอ (CR: Read This Twice)
CZ ถือเป็นนักอ่านตัวยง และมักจะแบ่งปันสิ่งที่เขาอ่านเสมอ (CR: Read This Twice)

การเดินทางทำให้เขามีเวลาฟังหนังสือ (ผ่านหนังสือเสียง) ซึ่งบางครั้งบนเที่ยวบิน 13 ชั่วโมง ทำให้เขาสามารถอ่านหนังสือได้ 2 ถึง 3 เล่ม เขามักฟังด้วยความเร็ว 2x

เขามักจะวิ่งเหยาะๆ แบบวันเว้นวัน ในวันอื่นๆ เขาจะออกกำลังกายด้วยการยกน้ำหนัก วิดพื้น ทำท่ากระทืบ และอื่นๆ โดยมักจะทำตามแอป ทั้งสองอย่างไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ และใช้เวลาประมาณ 30 นาที

CZ ยังคงสังสรรค์กับเพื่อนเก่ากลุ่มเล็กๆ ซึ่งได้ไปเที่ยวกันมาหลายปี ประมาณเดือนละครั้ง และส่วนใหญ่เพื่อน ๆ ของเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างมากในสาขาของตน พวกเขาทั้งหมดซื้อ Binance ICO เพื่อสนับสนุน CZ ซึ่งแม้จะไม่มีใครรู้ว่า ICO คืออะไรในเวลานั้นก็ตาม

References :
https://www.binance.com/en/blog/from-cz/the-complete-cz-reading-list-421499824684900802
https://www.binance.com/en/blog/from-cz/a-typical-day-for-a-binance-ceo-335263596032278528
https://www.forbes.com/sites/pamelaambler/2018/02/07/changpeng-zhao-binance-exchange-crypto-cryptocurrency
https://cointelegraph.com/news/keep-calm-and-work-hard-the-story-of-binances-ceo-from-a-to-cz