หลุดพ้นจาก 70% คนเกลียดงาน : เลิกทนกับงานที่เกลียด! วิธีค้นหาอาชีพที่ใช่ภายใน 2 ปี

ในโลกแห่งการทำงานทุกวันนี้ พบว่ามีคนจำนวนมากถึง 70% ที่รู้สึกเสียใจกับอาชีพของตนเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง และสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ในวัฒนธรรมการทำงานของเรา

ต้องบอกว่าโลกแห่งโอกาสในยุคปัจจุบันมันได้เปิดกว้างมากขึ้นกว่าที่เคย ข้อมูลต่างๆ เข้าถึงได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้ว แม้แต่ในอุตสาหกรรมที่เคยปิดกั้น อย่างเช่น Venture Capital ก็เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้มากขึ้น

นอกจากนี้ การทำงานทางไกล (remote work) ยังเปิดโลกใหม่ให้คนทั่วโลกเข้าถึงงานที่ใฝ่ฝันได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และแพลตฟอร์มต่างๆ ก็เอื้อให้เราสามารถเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองหรืองานเสริมได้ง่ายขึ้น เช่น การสร้าง content บน YouTube

เป็นข้อมูลที่น่าสนใจจากช่อง youtube “Wayne Hu” ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Hu ตัวเขาเองเคยผ่านการทำงานมาเกือบ 10 ปี ตั้งแต่ทำงานในธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Goldman Sachs ไปเป็นที่ปรึกษาที่ McKinsey จนถึงบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Google

Hu ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเดินตามกระแสเปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรดี ซึ่ง Hu เองก็ได้ยอมรับว่าเขารู้สึกทุกข์ทรมานกับมันเป็นส่วนใหญ่

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ Hu ตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจ เพื่อเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น และที่นั่นเขาได้พบกับอาจารย์ท่านหนึ่งที่ไม่ใช่แค่นักวิชาการ แต่เคยก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีมาแล้วถึง 8 แห่ง อาจารย์ได้แบ่งปันกรอบความคิดที่ว่าเราควรโฟกัสอะไรในอาชีพเพื่อให้มีความสุขและรู้สึกเติมเต็มชีวิตได้อย่างแท้จริง

หลังจากนั้น Hu ก็ได้นำคำแนะนำนั้นมาปฏิบัติ และเข้าสู่วงการ Venture Capital ประมาณ 10 ปี ซึ่งเป็นงานในฝันของเขาตั้งแต่นั้นมา Hu เคยพูดหลายครั้งว่าจะทำงานนี้ไปจนกว่าจะถูกไล่ออกหรือเกษียณ

Hu จึงได้แบ่งปันเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้คุณค้นพบจุดที่ใช่ในอาชีพของคุณ และหลีกเลี่ยงการเป็นส่วนหนึ่งของ 70% ที่เสียใจกับอาชีพของตนเอง โดยมีหัวใจสำคัญ 5 ประการดังนี้:

  1. เก่งในสิ่งที่คุณทำ
  2. ได้รับการยอมรับและรางวัลตอบแทนจากสิ่งที่คุณทำ
  3. พบความท้าทายที่มีความหมายในงานของคุณ
  4. ทำงานร่วมกับคนที่คุณชอบ
  5. เชื่อในจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าสำหรับงานของคุณ

ถ้าคุณมีคุณสมบัติทั้ง 5 ข้อนี้ในงานของคุณ คุณจะเป็นส่วนหนึ่งของคนส่วนน้อยที่มีความสุขกับอาชีพของตนเอง แต่การเดินทางไปสู่จุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มาดูกันว่าเราจะทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายนี้ จากคำแนะนำของ Hu

การค้นพบจุดมุ่งหมายของคุณ

คำถามแรกที่หลายคนสงสัยคือ “เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะเก่งอะไร หรือแม้แต่งานประเภทไหนที่เราจะสนุกด้วย?” โดยเฉพาะเมื่อคุณเพิ่งเริ่มต้น บางประเภทของงานที่คุณอาจจะได้ทำในอนาคตอาจจะยังไม่มีอยู่ด้วยซ้ำ

หลายคนเชื่อว่าสามารถค้นพบสิ่งนี้ได้ผ่านการคิดด้วยตัวเองอย่างถี่ถ้วน แต่ความจริงแล้ววิธีเดียวที่จะค้นพบว่าคุณเก่งอะไรคือการลงมือทำงานนั้นจริงๆ และดูว่าคุณสามารถพัฒนาได้เร็วแค่ไหน

แต่คุณจะเริ่มลองจากด้านไหนก่อนล่ะ? Hu แนะนำว่าในช่วงแรกๆ เราอาจต้องคาดเดาอย่างมีเหตุผล แต่มันไม่เป็นไรถ้าเดาผิด ตราบใดที่เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรสนิยมของเราอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ให้สังเกตสิ่งที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเราเป็นระยะเวลานาน และดูว่าเราถูกดึงดูดโดยธรรมชาติไปหาคนประเภทไหนในสาขาต่างๆ

ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันที่ดูเหมือนจะทำให้คนอื่นเบื่อหรือรู้สึกรังเกียจ แต่กลับทำให้คุณหลงใหล นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนมากว่าคุณกำลังค้นพบบางสิ่งที่อาจเป็นจุดแข็งของคุณ

การให้เวลากับสิ่งที่คุณทำ

คำถามที่พบบ่อยคือ เราควรลองทำอะไรสักอย่างนานแค่ไหนก่อนที่จะตัดสินใจว่ามันไม่ใช่และเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นและแน่นอนว่าเราก็ไม่อยากเป็นหนึ่งในคนที่เปลี่ยนงานบ่อยๆ ทุก 6 ถึง 18 เดือน จนเหล่า Recruiter เลิกสนใจเรา แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่อยากเสียเวลาหลายปีไปกับงานที่ไม่มีอนาคตซึ่งไม่เหมาะกับเรา

คำแนะนำของ Hu คือ ให้คิดถึงระยะเวลาที่เหมาะสม คือช่วงเวลาที่เรามุ่งมั่นที่จะทำงานหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ในช่วงเวลาก่อนที่จะมีการประเมินผลใหม่ ระยะเวลานี้อาจแตกต่างกันไปมากตามอุตสาหกรรม แต่โดยปกติแล้ว Hu มองว่าประมาณ 2 ปีเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม

ยกตัวอย่างเช่น ในการจัดการผลิตภัณฑ์หรือวิศวกรรม คุณอาจต้องการทำงานกับผลิตภัณฑ์จนกว่าจะเปิดตัวและดูผลลัพธ์ ซึ่งอาจใช้เวลาสักสองปี งานที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน Venture Capital นั้นมีความพิเศษตรงที่สตาร์ทอัพที่คุณลงทุนอาจใช้เวลา 10 ถึง 15 ปีกว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะรู้ว่าคุณเก่งหรือไม่

แต่กระนั้น คุณน่าจะพอมีความรู้สึกได้จากช่วงสองปีแรกหลังจากที่คุณลงทุนในช่วงแรกๆ เมื่อบริษัทเหล่านั้นกำลังเข้าสู่ตลาดและพยายามระดมทุนรอบต่อไป

ถ้าสองปีดูเหมือนนานเกินไปสำหรับคุณ Hu บอกว่ามันจะผ่านไปในพริบตาเดียว อย่างที่ Hu กล่าวว่าเขาใช้เวลา 10 ปีในงานที่ไม่ใช่ตัวเขาจริงๆ เพื่อค้นหาจุดที่ใช่ที่สุดของเขาเอง

เมื่อเวลาผ่านไป อาจมีช่วงที่แรงจูงใจและความชอบของเราต่องานนั้นลดลงในแต่ละวัน ดังนั้นอย่าประเมินผลทุกวัน ให้มุ่งมั่นกับช่วงเวลาการเรียนรู้ขั้นต่ำนี้ แล้วค่อยทำการประเมินผลอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้นในภายหลัง

การวางแผนอาชีพระยะยาว

หลายคนอาจได้ยินเรื่องแผน 5 ปีหรือ 10 ปี แต่ส่วนตัวของ Hu คิดว่าสิ่งเหล่านี้เกินความจำเป็นเมื่อยังหนุ่มสาวและยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณอยากทำอะไร

Hu เองก็รู้สึกตกใจเมื่อได้ยินจากคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เช่น John Doerr นักลงทุน Venture Capital ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ว่าความบังเอิญมีบทบาทสำคัญในเส้นทางอาชีพของพวกเขามากแค่ไหน

ดังนั้น แทนที่จะวางแผนระยะยาว ควรเพิ่มโอกาสให้ตัวเองโชคดีให้มากที่สุด วิธีการคือต้องกระตือรือร้นและอยากรู้อยากเห็น ลองทำหลายๆ อย่าง พบปะผู้คนมากมาย เรียนรู้ให้มาก ถามคำถามให้มาก

ตัวอย่างของ Hu เขาชอบที่จะมองหารูปแบบจากต้นแบบ เช่น ถ้าคุณได้แรงบันดาลใจจาก CTO ของ OpenAI คุณก็สามารถหาจุดร่วมกันได้

เมื่อสงสัย ให้เลือกสองสิ่งนี้:

  1. พื้นที่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น AI ซึ่งเทคโนโลยีดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกวัน พื้นที่เหล่านี้เอื้อประโยชน์ต่อคนที่เรียนรู้เร็วมากกว่าคนที่สั่งสมความรู้มาเป็นทศวรรษ
  2. เลือกพื้นที่ที่คุณสามารถทำงานกับคนเก่งๆ ที่คุณชอบได้ กระแสอย่างคริปโตอาจมาแล้วก็ไป แต่การได้เรียนรู้จากคนเก่งๆ และสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขายังคงมีค่าเสมอ

การได้รับการยอมรับและรางวัลตอบแทน

แม้ว่าคุณจะทำทั้งหมดนี้และพบที่ที่เหมาะกับพรสวรรค์ของคุณแล้ว ก็ยังเป็นไปได้ที่จะทำงานที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ได้รับรางวัลตอบแทนที่เหมาะสม

Hu ได้ยกตัวอย่าง Franz Kafka ทำงานอย่างไม่มีความสุขในบริษัทประกันและเสียชีวิตด้วยโรควัณโรคโดยไม่ได้ตีพิมพ์งานเขียนที่มีชื่อเสียงของเขาเลย นั่นเป็นตัวอย่างที่สุดโต่ง แต่ก็มีคนที่ทำงานยอดเยี่ยมแต่ถูกฝังอยู่ในกองภูเขาของระบบราชการ หรือถูกมองว่าไม่สำคัญเนื่องจากการเมืองในบริษัทใหญ่

ดังนั้น คุณต้องเข้าใจบริบทขององค์กรที่คุณกำลังจะเข้าร่วม โดยธรรมชาติแล้ว มันจะง่ายกว่าถ้าคุณเข้าร่วมสตาร์ทอัพขนาดเล็กหรือบริษัทที่มีโครงสร้างแบน Flat  ซึ่งงานของทุกคนเห็นได้ชัดเจนสำหรับทุกคน แต่ถ้าคุณกำลังเข้าร่วมบริษัทที่ใหญ่กว่า คุณต้องถามคำถามสำคัญๆ เช่น:

  • บริษัทนั้นทำงานอย่างไร?
  • อะไรคือโมเดลธุรกิจของพวกเขาและพวกเขาทำเงินได้อย่างไร?
  • ทีมที่คุณกำลังจะเข้าร่วมนั้นเชื่อมโยงกับสิ่งนั้นมากแค่ไหน?
  • ผู้จัดการของคุณมีอำนาจในบริษัทหรือไม่?
  • พวกเขาถูกมองอย่างไรโดยผู้บริหาร?
  • ผู้จัดการเพิ่งเข้ามาใหม่หรืออยู่มานานแล้ว?
  • พวกเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งหลายครั้งและชัดเจนว่าเป็นดาวรุ่งหรือไม่?
  • บทบาทของคุณเข้ากับทีมนั้นและงานของผู้จัดการอย่างไร?

สิ่งนี้สำคัญมากเพราะเมื่อคุณเข้าร่วมแล้ว โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นระดับเริ่มต้น มักจะมีอำนาจและการเมืองในบริษัทที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ และมันสามารถทำลายคุณได้แม้ว่าคุณจะทำงานได้ดีก็ตาม ปัจจัยด้านองค์กรเหล่านี้มักถูกมองข้ามโดยคนหนุ่มสาวจำนวนมาก

การเผชิญความท้าทาย

แม้ว่าคุณจะเก่งในงานของคุณและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี แต่คุณก็ยังสามารถติดขีดจำกัดของ Learning Curve ได้ง่ายๆ งานที่ดีที่สุดควรจะน่าสนใจมากขึ้นและท้าทายมากขึ้นเมื่อคุณทุ่มเทให้กับมัน

คนที่มีความทะเยอทะยานต้องการความท้าทายนั้น ไม่ใช่แค่การเข้างานแล้วกลับบ้าน เพราะการเป็นคนเก่งในบางสิ่งมักต้องใช้เวลาหมกมุ่นกับทักษะนั้นในปริมาณที่คนส่วนใหญ่คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผล

กุญแจสำคัญคือความสม่ำเสมอที่ยาวนานเป็นปีๆ คนที่มีอาชีพที่ยอดเยี่ยมจะหาวิธีที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น 1% ทุกวัน ซึ่งเมื่อทบต้นแล้วจะทำให้คุณเก่งขึ้นหลายเท่าในเวลาเพียงปีเดียว ไม่ต้องพูดถึงทศวรรษ

สิ่งที่ยากที่สุดคือการเริ่มต้นทำงานอย่างจริงจัง ดังนั้นบ่อยครั้งคุณจะต้องหลอกตัวเองให้ข้ามผ่านจุดนั้นไปให้ได้ มันเป็นเรื่องปรกติที่จะบอกกับตัวเองว่า “ฉันจะแค่เขียนย่อหน้าแรกของบันทึกนี้” หรือ “ฉันจะแค่ตรวจทานสคริปต์ YouTube ของฉัน” และบ่อยครั้งคุณจะพบว่าตัวเองอยู่ในสภาวะ flow หลังจากนั้น 5 นาทีก็พร้อมที่จะทำงานต่อ

คนที่มีความทะเยอทะยานสูงและประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นมักมีบางสิ่งในตัวที่ผลักดันพวกเขาให้ไปไกลกว่า ไม่ว่าจะเป็นความต้องการที่จะชนะ โชคชะตา หรือความรู้สึกลึกๆ ถึงภาระหน้าที่ หรืออาจจะเป็นแค่ต้องการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าพวกเขาคิดผิด

การทำงานร่วมกับคนที่คุณชอบ

แม้ว่างานของคุณจะตรงเป้าหมายพอดิบพอดีแล้วก็ตาม แต่คุณก็ต้องชอบคนที่คุณทำงานด้วยด้วยเช่นกัน

คนที่มุ่งมั่นในอาชีพจะใช้เวลากับเพื่อนร่วมงานมากกว่าครอบครัวของตัวเอง ดังนั้นคุณควรเคารพคนที่คุณทำงานด้วย และที่สำคัญคือต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่จะเรียนรู้จากพวกเขา

วิธีที่จะทำให้แน่ใจว่าจะได้รับสิ่งเหล่านี้คือ การหาคนที่มีวิธีการทำงานที่เข้ากันได้กับเรา มีจุดเด่นที่เสริมกัน ไม่ใช่แค่คนที่เหมือนกับเราทุกประการ

ความสามารถของเราในการประเมินคุณภาพของคนที่เราทำงานด้วยและหาคนที่สามารถเติมเต็มจุดบอดของเราได้ เป็นตัวขับเคลื่อนความสำเร็จในอาชีพของเราในระยะยาว

การเชื่อในจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า

Hu มองว่าข้อสุดท้ายนี้อาจเป็นเกณฑ์ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องนามธรรมและยากที่สุดที่จะจัดการ คนรุ่นใหม่จำนวนมากพูดถึงการมีเป้าหมายเป็นแรงขับเคลื่อน แต่พวกเขาก็หลงทางในการหาเป้าหมายนั้นในช่วงแรกๆ ของการทำงาน

Hu เคยได้ยินคำกล่าวจากอดีต VP ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ YouTube เกี่ยวกับผู้หญิงสองคนที่กำลังวางอิฐ เมื่อถูกถามว่าพวกเขาทำอะไร คนหนึ่งตอบว่า “ฉันวางอิฐเรียงกันไป” และอีกคนตอบว่า “ฉันกำลังสร้างมหาวิหาร” นั่นคือการบอกว่าเป้าหมายเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นด้วยตนเอง มันไม่ใช่สิ่งที่เผอิญเจอมันโดยโชคชะตาหรือเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการเปิดใจและการลงทุนด้านเวลาและความพยายามที่สั่งสมขึ้นทีละน้อย

บทสรุป

การค้นหาอาชีพในฝันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยการเปิดใจ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองทุกวัน

Hu กล่าวว่าเราทุกคนสามารถค้นพบเส้นทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จและความพึงพอใจในอาชีพได้ จงจำไว้ว่า ไม่มีใครรู้จักคุณดีไปกว่าตัวคุณเอง ดังนั้นจงเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ และอย่ากลัวที่จะล้มเหลว เพราะทุกความล้มเหลวคือบทเรียนที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จในที่สุด

References :
#1 Most Valuable Lesson I Learned at Harvard Business School: How to Avoid Regret
https://youtu.be/YkvqiSMaTfM?si=ogQQZuczMrRG5y-w


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube