ปลดล็อก ผูกขาด & สัมปทาน เมื่อ Bitkub กำลังสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นเจ้าสัวใหม่ในโลกเทคโนโลยีของไทย

ถ้าเราลองไล่เรียงอันดับมหาเศรษฐีของประเทศไทยที่วนเวียนกันสลับขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง เราจะสังเกตได้อย่างนึงว่าแทบจะไม่มีเศรษฐีคนใดร่ำรวยมาจากบริษัทด้านเทคโนโลยีเลย แม้จะมีเกี่ยวข้องบ้างแต่ก็ไม่ถือเป็นธุรกิจหลักของเหล่าเจ้าสัวนักธุรกิจเหล่านี้

คราวนี้ลองมาไล่วิเคราะห์กันจริง ๆ ที่ว่า ทำอย่างไรคุณจะได้ขึ้นไปยืนเด่นเป็นสง่าในทำเนียบเจ้าสัวของประเทศไทยบ้าง เมื่อลองไล่เรียงดูแล้ว คุณจะพบความจริงที่น่าสิ้นหวัง ทีว่าการจะก้าวขึ้นไปเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยนั้น มาจากรูปแบบสองธุรกิจหลัก ๆ ก็คือ ธุรกิจที่มีการผูกขาด และ ธุรกิจที่เป็นการได้รับสัมปทานมาแทบจะทั้งสิ้น

ทั้งที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ นั้น อย่าน้อยต้องมีเจ้าสัวทางด้านเทคโนโลยีขึ้นมาแจ้งเกิดบ้าง หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่เลย เช่น ในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งสอดคล้องกับที่โลกเรากำลัง transform สู่ยุคใหม่ ซึ่งจะมีสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงอีกมากมายในโลกของเทคโนโลยี แม้กระทั่งในประเทศไทยเราเองก็ตามที

แต่หากไล่ลำดับมหาเศรษฐีของไทยเรา ลำดับต้น ๆ ของมหาเศรษฐี แทบจะไม่มีธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีอยู่เลย ส่วนใหญ่จะเป็นสัมปทานแทบจะทั้งสิ้น ทั้งสัมปทานเหล้า สัมปทานด้านพลังงาน สัมปานดิวตี้ฟรี สัมปทาน … อีกมากมาย หรือไม่ก็อยู่ในธุรกิจที่แทบจะผูกขาดกินรวบทำลายล้างคู่แข่งให้ไม่สามารถแข่งขันกับพวกเขาได้

ก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีนักธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีคนไหนที่สร้าง impact ให้กับประเทศเราได้เลย จนการถือกำเนิดของ Bikub ซึ่งเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่เป็นเทคโนโลยีแบบ 100% ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มให้คนมาเทรดสกุลเงินดิจิทัลกัน

เจ้าสัวเทคโนโลยีคนแรกที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 8,000 ล้าน

จากตัวเลขที่มีการประเมิน ( ** อ้างอิงจากบทความของลงทุนแมน ** ) เมื่อ SCB เข้าซื้อหุ้นกิจการของ Bitkub 51% ด้วยมูลค่ากว่า 17,850 ล้านบาท ทำให้มูลค่าของบริษัท Bitkub นั้นพุ่งไปสูงถึง 35,000 ล้านบาท

แน่นอนว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่คงไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง Bitkub นั่นเอง ที่ถือหุ้นราว ๆ 23.87% นั่นทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีที่มีมูลค่าความมั่งคั่งสูงถึง 8,354 ล้านบาท

ถ้าจะเรียกเจ้าสัวน้อยคนใหม่ก็คงจะไม่เกินเลย สำหรับคุณท็อป ที่เรียกได้ว่า ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่มากมาย โดยเฉพาะธุรกิจด้านเทคโนโลยี ที่ดูเหมือนประเทศเราจะมีหลาย ๆ อย่างที่เป็นอุปสรรคกีดขวางไม่ให้ กลุ่มคนในธุรกิจนี้แจ้งเกิดขึ้นมาได้

แม้มูลค่าทรัพย์สินนั้นอาจจะไม่เท่ากับเหล่าเจ้าสัวยุคเก่า ที่มีกันเป็นแสนล้าน แต่อย่างลืมว่า Bitkub มีอายุเพียงแค่ 3 ปีเพียงเท่านั้น ยังมีเวลาให้คุณท็อปอีกเยอะ เพราะอายุยังเพียงแค่ 31 ปี ยังมีเวลาสะสมความมั่งคั่งอีกนานในการก้าวขึ้นไปสู่ระดับมหาเศรษฐีลำดับต้น ๆ ของไทย

ซึ่งเมื่อเทียบกับเหล่าเจ้าสัวต่าง ๆ ที่สร้างธุรกิจกันมากว่าครึ่งชีวิต ผมว่า Bitkub เป็นเคสที่มีการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่สูงที่สุดแล้วสำหรับนักธุรกิจไทยในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ และใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่า มันคงทำได้เฉพาะธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพียงเท่านั้น ที่สามารถ scale ระดับนี้ได้อย่างรวดเร็ว ธุรกิจเก่า ๆ นั้นยากที่จะทำได้ ด้วยข้อจำกัดต่างๆ มากมาย

ผมว่าเคสของ Bitkub มันเป็นแรงบันดาลใจครั้งสำคัญนะครับ ว่ายังมีช่องว่างสำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยีในประเทศของเรา ให้สามารถสร้างมหาเศรษฐีขึ้นมาสู่แนวหน้าของวงการได้ ซึ่งเมื่อมีเคสแรกเกิดขึ้นมาและประสบความสำเร็จแบบนี้ ผมคิดว่าคงมีอีกหลาย ๆ เคสตามมาอีกในอนาคตอย่างแน่นอนครับผม

References : https://www.blockdit.com/posts/618151ed277b0d0c931f2991
https://www.kaohoon.com/news/490365


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube