การเดิมพันครั้งใหญ่กับอนาคตของ Adobe ด้วยการซื้อกิจการ Figma

เป็นเรื่องที่น่าสนใจในแวดวงเทคโนโลยีกับการเข้าซื้อกิจการที่คิดว่าจะกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต ซึ่งเราได้เห็นมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้ง Instagram , Whatsapp ที่ถูก take โดย Facebook (Meta) หรือ Youtube ที่ถูกกลืนกลินโดย Google

ข้อตกลงที่น่าตกใจ ของ Adobe ใน การซื้อบริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบ Figma เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยเงินสดและหุ้นมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นจำนวนเงินที่มากที่สุดเท่าที่เคยเสนอให้กับบริษัทเทคโนโลยีเอกชนในสหรัฐฯ

แม้ว่าข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ราคาหุ้นของ Adobe ลดลงไปกว่า 23 เปอร์เซ็นต์ และได้ผลักดันมูลค่าของข้อตกลงครั้งนี้ต่ำกว่าการซื้อกิจการ WhatsApp ของ Facebook ที่ 19 พันล้านดอลลาร์ แต่ราคาที่สูงลิบลิ่วกำลังเผชิญกับความเป็นจริงของตลาดหุ้น 

ในขณะที่บริษัทซอฟต์แวร์บนคลาวด์โดยเฉลี่ยซื้อขายกิจการกันในราคาที่ต่ำกว่า 10 เท่าของรายได้ประจำต่อปี กลับกัน Adobe จ่ายถึง 50 เท่า ความท้าทายคือการแสดงให้เห็นว่ามันเป็นการตอบสนองที่สมเหตุสมผลต่อโอกาสทางการตลาดใหม่ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่การพุ่งเข้าใส่ของบริษัทที่หมดทางเลือกที่จะเดิน

ในปี 2011 Adobe ถือเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายแรกๆ ที่แทบไม่มีโอกาสเติบโตในตลาดการขายซอฟต์แวร์เดสก์ท็อปแล้ว จึงเป็นหนึ่งในบริษัทซอฟต์แวร์หัวขบวนที่เสี่ยงดวงยกเลิกการขายซอฟต์แวร์สำเร็จรูปและย้ายไปยังระบบคลาวด์เพื่อแสวงหาการเติบโต 

นั่นได้ทำให้ Adobe เป็นตัวอย่างสำหรับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ทั้งหมดในการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบคลาวด์ 

นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ระบุว่า 10 ปีที่แล้ว Wall Street มองว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นเพียงวิธีการขายซอฟต์แวร์การออกแบบเพิ่มเติมให้กับลูกค้าที่มีอยู่ของ Adobe จำนวน 12-13 ล้านราย

แต่ตัวเลขผู้ใช้สำหรับ Creative Cloud ของ Adobe ซึ่งรวมถึง Photoshop กลับเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก น้องใหม่ไฟแรงอย่าง Figma กำลังขี่คลื่นลูกใหม่จากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ เพราะพวกเขาออกแบบมาตั้งแต่ต้นเพื่อให้ทำงานในเบราว์เซอร์

ตัวเลขผู้ใช้สำหรับ Creative Cloud ของ Adobe ซึ่งรวมถึง Photoshop กลับเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก (CR:SCC Newbyte)
ตัวเลขผู้ใช้สำหรับ Creative Cloud ของ Adobe ซึ่งรวมถึง Photoshop กลับเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก (CR:SCC Newbyte)

แม้ว่าแนวทางในการทำงานบนเว็บทั้งหมดนั้นจะต้องเสียสละบางสิ่งในแง่ของคุณภาพ แต่ก็ทำให้ลูกค้าปัจจุบันมีวิธีการใหม่ในการใช้ซอฟต์แวร์การออกแบบและเปิดตลาดให้กับผู้ใช้จำนวนมากขึ้นเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับระบบคลาวด์มาก่อน 

นอกจากนี้ยังดึงดูดผู้ใช้รุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาบนเว็บ ในโลกของการออกแบบ Figma ไม่ได้โดดเด่นที่สุดในการปฏิวัติบนเบราว์เซอร์นี้ด้วยซ้ำ บริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบของออสเตรเลีย Canva ดูเหมือนเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อธุรกิจการออกแบบกระแสหลักของ Adobe มากเสียกว่า

ในระยะยาวสิ่งที่มักเกิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยียุคใหม่ปรากฏขึ้นก็คือตลาดใหม่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าตลาดเก่ามาก แต่สิ่งนี้มักจะหมายถึงการเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีราคาต่ำกว่าหรือให้ลูกค้าบางรายได้ใช้ผลิตภัณฑ์แบบฟรี ๆ 

Adobe ได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางนี้แล้ว โดยได้ประกาศ ซอฟต์แวร์ เวอร์ชัน “freemium” เมื่อปีที่แล้วโดยมุ่งเป้าไปที่ Canva เมื่อย้ายไปยังระบบคลาวด์

Adobe ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าว Wall Street ให้ยอมรับการสร้างรายได้แบบรายปีเพื่อบุกเข้าสู่ตลาดใหม่มาก่อนหน้านี้แล้ว 

แต่ถ้าฝ่ายบริหารของ Adobe คิดว่าความสำเร็จที่ผ่านมาจะทำให้นักลงทุนเข้าใจได้ง่าย พวกเขาก็อาจจะเข้าใจผิดเพราะเหตุผลหนึ่งคือระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการซื้อกิจการครั้งใหญ่ครั้งนี้ 

และเช่นเดียวกับเหล่า startup หรือ disrupters ส่วนใหญ่ Figma สร้างวัฒนธรรมใหม่ที่แตกต่าง การถูกควบรวมอาจทำให้เกิดการปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ของวัฒนธรรม ซึ่งหากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่การสูญเสียทั้งพนักงานและลูกค้า 

Figma สร้างวัฒนธรรมใหม่ที่แตกต่าง การถูกควบรวมอาจทำให้เกิดการปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ของวัฒนธรรม (CR:RSMS)
Figma สร้างวัฒนธรรมใหม่ที่แตกต่าง การถูกควบรวมอาจทำให้เกิดการปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ของวัฒนธรรม (CR:RSMS)

นอกจากนี้ การต่อยอดเครื่องมือออกแบบที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันของ Figma ยังทำให้เกิดความท้าทายด้านเทคนิคและการขาย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่หน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการผูกขาดจะพยายามเข้าไปแทรกแซงหากพวกเขามองว่าการเคลื่อนไหวของ Adobe เป็นวิธีการในการกำจัดคู่แข่ง 

แต่การซื้อกิจการครั้งนี้ก็มีความคล้ายคลึงกับการเข้าซื้อกิจการ Instagram และ WhatsApp ของ Facebook และการครอบครอง YouTube ของ Google 

เมื่อมองย้อนกลับไป หน่วยงานกำกับดูแลบางแห่งอาจจะรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ข้อตกลงเหล่านี้ผ่านพ้นไปได้แบบง่ายดาย  

การเดิมพันครั้งใหญ่ของ Adobe กับอนาคตในครั้งนี้ ทำให้เกิดความผิดหวังในหมู่นักลงทุนด้านเทคโนโลยี การซื้อกิจการเพื่อเติบโตไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนถวิลหาอีกต่อไป พวกเขาต้องการความยั่งยืน และกำไรเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นเพียงเท่านั้น

เป็นโจทย์ใหญ่ครั้งสำคัญของ Adobe เลยนะครับว่าการซื้อกิจการในครั้งนี้ด้วยการทุ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเป็นสถิติใหม่ จะประสบความสำเร็จเหมือนสิ่งที่ Facebook หรือ Google ทำมาก่อนได้หรือไม่

References :
https://www.ft.com/content/1c655bf0-916e-4c05-a58c-f8ba19fa9892
https://www.channelnews.com.au/adobe-takes-on-canva-with-freemium-creative-cloud-offering
https://www.businesstoday.in/latest/corporate/story/adobe-to-buy-figma-for-20-bn-leads-to-drop-in-30-bn-market-value-of-photoshop-maker-347383-2022-09-16
https://www.deccanherald.com/business/business-news/adobe-to-buy-figma-for-20-bn-to-boost-arsenal-of-collaborative-design-tools-1145426.html


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube