7 ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV

ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) พุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัวในปี 2021 เมื่อเทียบกับปี 2020 และบริษัทยานยนต์ประกาศการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ การเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ถึงกระนั้น ข้อมูลผิด ๆ ก็ยังมีอยู่มากมายในระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอันน่าตื่นเต้นนี้ ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเข้าใจผิดที่ใหญ่ที่สุด 7 ประการเกี่ยวกับรถยนต์ EV

1. รถยนต์ไฟฟ้ามักจะมีราคาแพงกว่าเสมอ ราคารถยนต์ไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเปลี่ยนศตวรรษ จนถึงจุดที่ในตอนนี้ราคาใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

ราคาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนลดลง 97% ตั้งแต่ปี 1991 และมีแนวโน้มว่าจะถูกลงเรื่อยๆ เนื่องจากงานวิจัยด้านต่างๆ ยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีและการผลิตจำนวนมากให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การประมาณการบางส่วนจากกระทรวงพลังงานและ นิตยสาร Car and Driver Magazine ของสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า ตลอดอายุขัยของยานพาหนะ รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกกว่ารถยนต์แบบน้ำมันเมื่อเทียบเคียงในขนาดเดียวกันอยู่แล้ว และเมื่อคำนึงถึงค่าบำรุงรักษา การซ่อมแซม การเสียภาษี และค่าเชื้อเพลิง เรียกได้ว่า EV กินขาด

เจเนอรัล มอเตอร์ส เพิ่งประกาศว่าเชฟโรเลต โบลต์ EV ปี 2023 จะมีราคาเริ่มต้นที่ราคา 26,595 ดอลลาร์ และจิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอของฟอร์ดคาดการณ์ว่าสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะเกิดขึ้นซึ่งจะทำให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าตกลงอย่างรวดเร็ว

เชฟโรเลต โบลต์ EV ปี 2023 มีราคาเริ่มต้นที่ราคา 26,595 ดอลลาร์ (CR:Car and Driver)
เชฟโรเลต โบลต์ EV ปี 2023 มีราคาเริ่มต้นที่ราคา 26,595 ดอลลาร์ (CR:Car and Driver)

2. รถยนต์ไฟฟ้าจะโอเวอร์โหลดกริด มีแนวคิดที่กระจายไปอย่างผิด ๆ ว่าโครงข่ายไฟฟ้าที่เปราะบางและล้าสมัยของอเมริกาหรือในหลายๆ ประเทศจะไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากรถยนต์ไฟฟ้าได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานจากห้องปฏิบัติการชั้นนำของประเทศกล่าวว่าเป็นเรื่องไร้สาระ หากรถยนต์และรถบรรทุกทั้งหมดของประเทศ (อเมริกา) ใช้ไฟฟ้าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นประมาณ 25% แต่การเพิ่มขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นทีละน้อยเท่านั้น

3. แบตเตอรี่ EV อยู่ได้ไม่นาน ในการสำรวจความคิดเห็นเมื่อเร็วๆนี้ ประมาณ 46% ของผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคิดว่าชุดแบตเตอรี่จะอยู่ได้ไม่เกิน 65,000 ไมล์ (ประมาณ 100,000 กิโลเมตร) ความคิดดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นการดูถูกดูแคลนอย่างมาก ต่ำกว่าการรับประกันที่บริษัทส่วนใหญ่เสนอเกี่ยวกับแบตเตอรี่ของ EV 

ความจริงก็คือ เมื่อพิจารณาจากประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานบนท้องถนนมากว่าทศวรรษแล้ว คาดว่าแบตเตอรี่ EV จะรักษาความจุได้ 80% ขึ้นไปอย่างสบายๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 200,000 ไมล์ (ประมาณ 322,000 กิโลเมตร) ในการขับขี่ 

ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมจากรถยนต์ Tesla Model S บ่งชี้ว่าความจุเริ่มต้นลดลง 5% ในช่วง 50,000 ไมล์แรก (ประมาณ 80,000 กิโลเมตร) ตามด้วยอีก 5% ลดลงในอีก 150,000 ไมล์ (ประมาณ 240,000 กิโลเมตร)

Tesla Model S ที่ความจุเริ่มต้นลดลง 5% ในช่วง 50,000 ไมล์แรก (CR:Electrek)
Tesla Model S ที่ความจุเริ่มต้นลดลง 5% ในช่วง 50,000 ไมล์แรก (CR:Electrek)

4. ช่วงระยะการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ายังน้อยเกินไป ระยะกลางของรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ประมาณ 240 ไมล์ (ประมาณ 386 กิโลเมตร) เมื่อพิจารณาว่า 99% ของการเดินทางทั้งหมดอยู่ในระยะไม่เกิน 100 ไมล์ (ประมาณ 160 กิโลเมตร) และคนขับโดยเฉลี่ยเดินทางประมาณ 40 ไมล์ (ประมาณ 64 กิโลเมตร) ต่อวัน นั่นทำให้รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่มีอยู่จะครอบคลุมความต้องการรายวันของผู้ขับขี่เกือบทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย 

อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่จำกัดบนทางหลวงของสหรัฐอเมริกา และเมื่อพิจารณาจากความเร็วที่เกิน 70 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 113 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ประกอบกับอุณหภูมิที่เย็นจัด สามารถลดระยะการเดินทางของรถยนต์ EV ได้มากถึง 40% แต่อย่างไรก็ตามการเดินทางบนถนนหลายวัน รถยนต์ EV ก็ยังทำได้ดีที่สุด อาจจะไม่สะดวกแต่ก็ไม่ได้แย่ 

ภาพรวมโดยรวม: ในครัวเรือนที่มีรถหลายคัน ระยะการใช้งานไม่เป็นอุปสรรคต่อการมี EV อย่างน้อยหนึ่งคัน

5. การชาร์จจะช้าเกินไปเสมอ เวลาในการชาร์จอย่างรวดเร็ว (Fast-charging) ของ EV ลดลงอย่างมาก จนถึงจุดที่รถที่ขายอยู่ในปัจจุบันสามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 18 นาที 

การออกแบบแบตเตอรี่ใหม่ที่พร้อมจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ทำให้ลดเวลาในการชาร์จลงครึ่งหนึ่งเหลือไม่ถึงสิบนาที การลดลงนี้จะทำให้การชาร์จสะดวกยิ่งขึ้นในการเดินทางไกล 

อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่สามารถชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่จอดรถได้โดยไม่ต้องใช้ Fast-charging สำหรับความต้องการในการขับขี่ในแต่ละวัน

6. เราไม่สามารถรีไซเคิลแบตเตอรี่ EV ได้ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าในราวๆ ทศวรรษหรือประมาณนั้น แบตเตอรี่ลิเธียมที่ใช้แล้วจะเริ่มกลายเป็นขยะที่เริ่มล้นโลก และได้เรียกร้องให้มีการหาโซลูชันในการรีไซเคิล 

ปัจจุบันมีบริษัท ประมาณร้อยแห่งที่กำลังสำรวจและและค้นหาวิธีที่จะทำการรีไซเคิลขยะพวกนี้ ดังนั้นทางเลือกที่ดีและประหยัดจึงอาจอยู่ในระหว่างดำเนินการ เพราะมันจะกลายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลในอนาคต

7. รถยนต์ไฟฟ้าส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพพื้นฐานมากกว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ในขณะที่เครื่องยนต์น้ำมันจะแปลงพลังงานที่เก็บไว้ของน้ำมันเบนซินเพียง 20% ให้เป็นพลังงานสำหรับการขับเคลื่อน ในขณะที่มอเตอร์ EV จะแปลงพลังงานสูงถึงประมาณ 60% ถึง 77% จากแบตเตอรี่ 

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับ EV ได้โต้แย้งว่าเมื่อคุณคำนึงถึงการผลิตของรถยนต์ EV ซึ่งรวมถึงการขุดเหมืองแร่สำหรับวัตถุดิบแบตเตอรี่ ความได้เปรียบของ EV จะลดลง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด 

มีรายงานการวิเคราะห์ life cycle ของรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่แสดงให้เห็นว่า EV มีห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า สาเหตุหลักเป็นเพราะพวกเขาต้องการชิ้นส่วนน้อยกว่ามากในการสร้างรถยนต์ขึ้นมาในแต่ละคันนั่นเอง

References :
https://www.myev.com/research/ev-101/10-common-electric-car-myths-busted
https://auto.howstuffworks.com/myths-electic-cars-vehicles.htm
https://www.freethink.com/technology/myths-about-electric-vehicle
https://www.electrichybridvehicletechnology.com/news/industry-news/world-ev-day-biggest-myths-busted-about-owning-an-electric-car.html


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube