ชีวิตของผู้คนมากมายมักเต็มไปด้วยความลังเลและการผัดวันประกันพรุ่ง เฉกเช่นเดียวกับ Mel Robbins ที่เคยประสบช่วงเวลาอันมืดมนในชีวิต เธอต้องเผชิญกับปัญหารุมเร้ามากมาย ทั้งการติดเหล้าอย่างหนัก สุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรม สูญเสียงานที่เคยทำ และธุรกิจร้านอาหารของสามีที่กำลังประสบวิกฤตทางการเงิน
ในทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา เธอแทบไม่มีเรี่ยวแรงหรือแรงจูงใจที่จะลุกจากเตียง และมักจะเลือกกดปุ่มเลื่อนปลุกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายที่รอคอยอยู่
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเธอเกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง เมื่อภาพของกระสวยอวกาศ NASA ที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากรายการโทรทัศน์เมื่อคืนก่อนผุดขึ้นในความคิด
ภาพนั้นสร้างแรงบันดาลใจให้เธอตัดสินใจทำบางสิ่งที่แตกต่าง เธอเริ่มนับถอยหลังในใจ “ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง” และในทันทีที่นับจบ เธอก็ผลักตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียง การค้นพบที่เรียบง่ายนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ
ตัวอย่างของนักบินอวกาศที่ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดและรอคอยการนับถอยหลังก่อนปล่อยจรวด การนับถอยหลังของ Robbins ก็เป็นเหมือนพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนเป็นการเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับการลงมือทำ
วิธีการนี้กลายเป็นเครื่องมือที่เธอนำมาใช้ในทุกสถานการณ์ของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการสวมรองเท้าวิ่งเมื่อรู้สึกขี้เกียจออกกำลังกาย หรือการเปิดคอมพิวเตอร์เพื่ออัพเดตเรซูเม่เมื่อรู้สึกท้อแท้กับการหางาน
ทุกครั้งที่ความลังเลเข้าครอบงำ เธอจะใช้การนับถอยหลัง 5 วินาทีเพื่อผลักดันตัวเองให้ก้าวผ่านกำแพงแห่งความกลัวและความไม่มั่นใจ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากใช้วิธีการนี้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนนั้นน่าทึ่ง ชีวิตของ Robbins เริ่มเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอได้รับโอกาสให้ทำงานเป็นผู้บรรยายที่สถานีโทรทัศน์ CNN ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูสถานะทางการเงิน
เธอและสามีสามารถจัดการกับหนี้สินและค่อยๆ พลิกฟื้นธุรกิจร้านอาหารให้กลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง นอกจากนี้ เธอยังประสบความสำเร็จในการเขียนหนังสือที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนอีกมากมาย
ความสำเร็จของ Robbins ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน เปรียบเสมือนการต่อจิ๊กซอว์ทีละชิ้น การตัดสินใจเล็กๆ ในแต่ละวันค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่แห่งความสำเร็จ
Charles Duhigg ผู้เขียนหนังสือ “The Power of Habit” ได้อธิบายถึงความสำคัญของนิสัยที่มีต่อชีวิตของมนุษย์ไว้อย่างน่าสนใจ เขาชี้ให้เห็นว่านิสัยคือกลไกสำคัญที่กำหนดชะตาชีวิตของเรา
โดยนิสัยทุกอย่างประกอบด้วยองค์ประกอบสามส่วนที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก ได้แก่ ตัวกระตุ้น (Cue) ซึ่งเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรม กิจวัตร (Routine) คือพฤติกรรมที่เราทำซ้ำๆ และรางวัล (Reward) คือผลลัพธ์ที่ทำให้เรารู้สึกดีและอยากทำพฤติกรรมนั้นซ้ำ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือ (ตัวกระตุ้น) เราจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบข้อความ (กิจวัตร) และเมื่อได้รับคำขอบคุณหรือการตอบกลับที่ดี (รางวัล) เราก็จะรู้สึกดีและมีแนวโน้มที่จะทำพฤติกรรมนี้ซ้ำในครั้งต่อไป วงจรนี้จะวนเวียนไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย
การนับถอยหลัง 5 วินาทีทำงานสอดคล้องกับหลักการนี้อย่างแยบยล โดยมีตัวกระตุ้นที่ชัดเจนคือการนับถอยหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณสากลที่สมองของมนุษย์คุ้นเคยและเข้าใจว่าต้องมีการกระทำบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากนับถึงหนึ่ง
เมื่อเราลงมือทำตามที่ตั้งใจ เราจะได้รับรางวัลทันทีในรูปแบบของความรู้สึกที่ได้ควบคุมสถานการณ์ ซึ่งเป็นรางวัลที่ทรงพลังและสร้างความพึงพอใจให้กับสมองของเรา
Julian Rotter นักจิตวิทยาผู้บุกเบิกแนวคิดสำคัญทางจิตวิทยาได้นำเสนอทฤษฎี “locus of control” ในปี 1954 ซึ่งอธิบายว่า ระดับความเชื่อที่บุคคลมีต่อความสามารถในการควบคุมชีวิตและอนาคตของตนเองนั้นมีผลโดยตรงต่อความสุขและความสำเร็จ
ยิ่งบุคคลเชื่อว่าตนเองสามารถควบคุมและกำหนดทิศทางชีวิตได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จและมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การนับถอยหลัง 5 วินาทีจึงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความรู้สึกควบคุมได้ผ่านการลงมือทำเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน
มันเปรียบเสมือนการเดินทางที่ยาวไกล แม้ก้าวแรกอาจดูเป็นก้าวเล็ก ๆ แต่เมื่อก้าวไปอย่างต่อเนื่อง เราก็จะพบว่าตัวเองได้เดินทางมาไกลเกินคาด การนับถอยหลัง 5 วินาทีก็เช่นกัน แต่ละครั้งที่เรานับถอยหลังและลงมือทำ เราก็กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่จะสะสมเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ในอนาคต
Robbins ได้นำเทคนิคนี้มาใช้แทนที่นิสัยเดิมที่ไม่พึงประสงค์ในชีวิตประจำวัน เมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกอยากดื่มเหล้าในยามค่ำคืน เธอจะนับถอยหลังและเปลี่ยนการกระทำเป็นการเก็บขวดกลับเข้าตู้แทน หรือเมื่อหาข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาย เธอจะใช้การนับถอยหลังเพื่อผลักดันตัวเองให้สวมรองเท้าวิ่งและออกไปวิ่ง การแทนที่นิสัยเก่าด้วยนิสัยใหม่เช่นนี้เป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้เทคนิคนี้คือการรับฟังเสียงจากสัญชาตญาณภายในที่มักจะกระซิบบอกเราว่า “ควรทำสิ่งนี้” แม้ว่าในขณะนั้นเราอาจจะรู้สึกไม่สบายใจหรือลังเลก็ตาม Robbins อธิบายว่าเมื่อเราตั้งเป้าหมายใดๆ สมองของเราจะทำหน้าที่เสมือนเรดาร์ที่คอยสังเกตและจดจำโอกาสต่างๆ ที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนั้น
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ เมื่อเราตั้งเป้าหมายด้านสุขภาพ การเดินผ่านฟิตเนสหรือสวนสาธารณะจะกระตุ้นให้ pre-filter cortex หรือสมองส่วนหน้าทำงาน เพราะสถานที่เหล่านี้เชื่อมโยงโดยตรงกับเป้าหมายด้านสุขภาพของเรา เสียงกระซิบในใจที่บอกว่า “ควรแวะเข้าไปออกกำลังกาย” คือสัญญาณจากสัญชาตญาณที่กำลังเตือนให้เราไม่พลาดโอกาสในการบรรลุเป้าหมาย
การฝึกฝนที่จะรับฟังและตอบสนองต่อสัญญาณเหล่านี้เป็นทักษะที่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน เปรียบเสมือนการฝึกกล้ามเนื้อ ยิ่งเราฝึกฝนมากเท่าไร การตอบสนองก็จะยิ่งเป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น
การนับถอยหลัง 5 วินาทีเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมระหว่างความคิดและการกระทำ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราข้ามผ่านช่วงเวลาแห่งความลังเลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ในชีวิตประจำวัน เราสามารถประยุกต์ใช้เทคนิคนี้ได้ในหลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการตื่นแต่เช้าเพื่อทำงานสำคัญ การเริ่มต้นโครงการที่ท้าทาย หรือแม้แต่การตัดสินใจเข้านอนเร็วขึ้นเพื่อสุขภาพที่ดี
Robbins แนะนำให้จินตนาการว่าตัวเองเป็นนักกีฬาที่กำลังยืนอยู่ ณ จุดเริ่มต้น รอฟังเสียงปืนที่จะเป็นสัญญาณให้วิ่งไปสู่เป้าหมาย การทำเช่นนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจและความรู้สึกควบคุมได้ในทุกๆ ย่างก้าวของชีวิต
เมื่อเวลาผ่านไป การนับถอยหลัง 5 วินาทีจะกลายเป็นมากกว่าเพียงเทคนิคการจัดการตนเอง แต่จะกลายเป็นปรัชญาการใช้ชีวิตที่สอนให้เราเข้าใจว่า ทุกการตัดสินใจ แม้จะเล็กน้อยเพียงใด ล้วนมีความสำคัญต่อเส้นทางชีวิตของเรา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มักเริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ และความกล้าที่จะลงมือทำในวันนี้
หนังสือ “The Five-Second Rule” ของ Mel Robbins ไม่เพียงแต่นำเสนอเทคนิคง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ทันที แต่ยังรวบรวมเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจมากมาย ที่จะช่วยให้ผู้อ่านกล้าที่จะก้าวออกจากความลังเลและลงมือทำในสิ่งที่ควรทำ เพื่อนำพาชีวิตไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม
References :
หนังสือ The 5 Second Rule: Transform your Life, Work, and Confidence with Everyday Courage โดย Mel Robbins
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ