Geek Monday EP296 : Grab ชนะ Uber ได้อย่างไร? กับสงคราม Ride-Hailing ที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์

เคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไมแอปพลิเคชันที่เราใช้เรียกรถ ส่งของ หรือสั่งอาหารกันอยู่ทุกวันนี้ ถึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปได้ เรื่องราวเบื้องหลังแอปสีเขียวที่ชื่อว่า Grab ไม่ใช่แค่เรื่องของสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จธรรมดาๆ แต่มันคือมหากาพย์การต่อสู้ทางธุรกิจที่พลิกโฉมหน้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปตลอดกาล เป็นเรื่องของทายาทหมื่นล้านที่ยอมทิ้งมรดกทั้งหมด เพื่อเดิมพันกับไอเดียที่อาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงก็ได้

วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เกิดจากปัญหาเล็กๆ สู่สงครามที่ต้องเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่ระดับโลก และกลยุทธ์ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/289mkwpv

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/3w4hu3zc

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/bdpuymrf

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/DdcQ39Nxdn8

Geek Talk EP157 : เมื่อ AI คืออนาคต ทำไมไทยต้องเริ่ม “ปฏิรูปการศึกษา” ตั้งแต่วันนี้?

มีเรื่องที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่งในโลกของเทคโนโลยีและนวัตกรรมครับ มันคือเรื่องราวของประเทศเล็กๆ ในยุโรปที่ชื่อว่า Estonia ประเทศนี้สร้างปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งมากๆ ด้วยการเป็นประเทศที่มียูนิคอร์น หรือ startup ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ ต่อจำนวนประชากร มากที่สุดในโลก

สิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ ถ้าเราย้อนกลับไปแค่ประมาณ 30 ปีก่อน ประเทศนี้เพิ่งได้รับเอกราชจากสหภาพโซเวียต และมีสภาพเศรษฐกิจที่แทบจะเรียกว่าล่มสลายเลยก็ว่าได้ จากประเทศที่เริ่มต้นด้วยความยากลำบาก พวกเขากลายมาเป็นผู้นำด้านดิจิทัลของโลกได้ยังไง และที่สำคัญกว่านั้นคือ ประเทศไทยของเรา มีศักยภาพที่จะเดินตามรอยความสำเร็จของ Estonia ได้หรือไม่

มันเป็นคำถามที่ท้าทายความคิดอย่างมาก ถ้าเรากล้าที่จะปฏิวัติด้านการศึกษาตั้งแต่วันนี้ เหมือนที่ Estonia ทำเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว สุดท้ายแล้วเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านไว้วันนี้ มันก็จะออกดอกออกผลในอนาคต ถ้าไทยเราเริ่มทำวันนี้ รุ่นลูกรุ่นหลานของเราก็อาจจะได้รับผลตอบแทนนั้นก็เป็นได้ วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กัน ว่าถ้าเราจะถอดบทเรียนจาก Estonia จริงๆ มันจะผลักดันให้ประเทศไทยหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางได้หรือไม่

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/3xe8nrks

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/46fvjsr3

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/ypx77xzk

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/1_01kSZxSDU

Source Code : My Beginnings ถอดรหัสชีวิตอัจฉริยะเปลี่ยนโลก กับชีวประวัติเล่มเดียวที่เขียนโดย Bill Gates

ถ้าเราจะเปรียบเทียบชีวิตของคนคนหนึ่งเหมือนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน เคยสงสัยไหมครับว่า “Source Code” หรือรหัสต้นฉบับที่เขียนขึ้นในช่วงแรกเริ่มของชีวิตนั้น หน้าตาเป็นอย่างไร?

สำหรับคนที่เป็นตำนานอย่าง Bill Gates รหัสต้นฉบับของเขาถูกเขียนขึ้นในช่วง 20 ปีแรกของชีวิต ผ่านหนังสือเล่มเดียวที่เรียกได้ว่า Bill Gates ลงมือเขียนมากับมืออย่าง Source Code: My Beginnings

เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1955 ถึง 1975 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงโลกในเวลาต่อมา

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นที่เมือง Seattle ในครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง พ่อของเขาเป็นทนายความชื่อดัง ส่วนแม่ก็เป็นนักธุรกิจหญิงและทำงานเพื่อสังคมอย่างแข็งขัน ชีวิตของ Bill Gates ดูเหมือนถูกปูด้วยพรมแดงมาตั้งแต่เกิด

แต่ในความเป็นจริง เด็กชาย Gates กลับเป็นส่วนผสมที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง ในด้านหนึ่ง เขาคือเด็กที่มีไอคิวสูงลิ่ว ฉลาดเกินวัยอย่างที่ใครก็เทียบไม่ติด

แต่อีกด้านหนึ่ง เขาคือเด็กที่รับมือได้ยาก ดื้อรั้น มีความเป็นกบฏสูง และมักจะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองสนใจจนไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง ไม่เข้าใจสัญญาณทางสังคมง่ายๆ และบางครั้งก็เผลอทำตัวไม่เหมาะสมโดยไม่รู้ตัว

ตัวของ Gates เองยอมรับในหนังสือชีวประวัติของเขาว่า หากเขาเติบโตในยุคปัจจุบัน เขาอาจจะถูกวินิจฉัยว่าอยู่ในกลุ่มออทิสติกสเปกตรัม (ASD) เลยทีเดียว

พ่อและแม่ของเขาทั้งรักและกังวลใจ พวกเขาพยายามมอบทั้งการสนับสนุนและแรงกดดันที่เหมาะสม แต่การปะทะกันระหว่าง Gates กับแม่ผู้มีระเบียบก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนกลายเป็นเรื่องปกติ

ความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นที่พ่อแม่ต้องพาเขาไปพบนักบำบัด ซึ่งโชคดีที่การบำบัดครั้งนั้นช่วยให้ครอบครัวเข้าใจซึ่งกันและกันได้ดีขึ้น

แต่จุดเปลี่ยนที่แท้จริง ไม่ใช่ในห้องบำบัด แต่คือประตูโรงเรียนเอกชนที่ชื่อว่า Lakeside โรงเรียนแห่งนี้มีแนวคิดที่เปิดกว้างและให้การสนับสนุนนักเรียนอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเด็กอัจฉริยะแต่แปลกแยกอย่างเขา

และที่ Lakeside นี่เอง ที่โชคชะตาได้นำพาสิ่งที่จะกลายเป็นโลกทั้งใบของเขามาอยู่ตรงหน้า ในยุค 1960 ที่คอมพิวเตอร์ยังเป็นของลึกลับและมีขนาดใหญ่เท่าห้อง ผู้ปกครองของโรงเรียนกลับมองการณ์ไกล

พวกเขารวบรวมเงินกันเพื่อซื้อเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์แบบแบ่งเวลาของบริษัท General Electric พร้อมกับติดตั้งเครื่องโทรพิมพ์ที่เรียกว่า Teletype ไว้ที่โรงเรียน

ลองนึกภาพตามนะครับ ในยุคที่คอมพิวเตอร์ยังไม่มาถึงบ้าน มันเหมือนกับการมีประตูมิติที่เชื่อมต่อไปยังสมองกลขนาดยักษ์ที่อยู่ห่างไกล นี่คือสนามเด็กเล่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเด็กอย่าง Bill Gates

ที่นี่เองที่เขาได้พบกับ Paul Allen เพื่อนรุ่นพี่ที่มีความหลงใหลในคอมพิวเตอร์เหมือนกัน ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนซี้ที่ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ในห้องคอมพิวเตอร์ โดดเรียนเพื่อไปเขียนโค้ด และทดลองสร้างโปรแกรมต่างๆ

พรสวรรค์ของพวกเขาฉายแววออกมาอย่างรวดเร็ว จนถึงขั้นเริ่มรับงานเขียนซอฟต์แวร์ให้กับบริษัทในแถบ Seattle ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่า Source Code ของ Bill Gates คือความสามารถในการมองเห็นปัญหาและใช้ตรรกะเพื่อแก้ไขมัน

ชีวิตของเขาดูเหมือนจะพุ่งทะยานไปข้างหน้า แต่แล้วโศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น Kent Evans เพื่อนสนิทที่สุดของเขาและเป็นหนึ่งในกลุ่มโปรแกรมเมอร์ที่ Lakeside ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุปีนเขา

Gates เล่าถึงความรู้สึกในวันที่ไปบ้านของเพื่อนหลังพิธีศพ เขาเห็นแม่ของ Kent ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนโซฟา และในวินาทีนั้นเองที่เขาเข้าใจความหมายของความสูญเสียอย่างลึกซึ้ง

เหตุการณ์นี้ทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจของ Gates และทำให้เขาตระหนักถึงความเปราะบางของชีวิต หลายปีต่อมา เขายังคงเชื่อว่าถ้าหาก Kent Evans ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องกลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้งคนที่สามของ Microsoft อย่างแน่นอน

หลังจากจบจาก Lakeside เขาก็ได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง Harvard ในปี 1973 เขายังคงใช้ชีวิตแบบเดิม คือไม่สนใจการเข้าสังคม แต่กลับไปหมกตัวอยู่ที่ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย

ชีวิตใน Harvard ของเขาอาจจะดำเนินไปเรื่อยๆ จนเรียนจบเหมือนคนอื่นๆ ถ้าไม่ใช่เพราะวันหนึ่งในเดือนธันวาคม 1974 Paul Allen ได้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขาพร้อมกับนิตยสาร Popular Electronics ฉบับล่าสุด

บนหน้าปกนิตยสารฉบับนั้น คือรูปของคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ชื่อว่า Altair 8800 ซึ่งถูกประกาศว่าเป็น “ไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก” ที่คนทั่วไปสามารถซื้อมาเป็นเจ้าของได้

วินาทีที่ได้เห็นภาพนั้น มันเปรียบเหมือนเสียงปืนที่ดังขึ้นเพื่อปล่อยตัวนักวิ่ง พวกเขาทั้งสองคนรู้ทันทีว่าการปฏิวัติคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และที่สำคัญคือ มันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นโดยที่ไม่มีพวกเขา

ทั้งคู่ตื่นตระหนก เพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ท่ามกลางความกังวลนั้นเอง Gates ก็มองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่

เครื่อง Altair 8800 ที่ทรงพลังนี้ มันยังเป็นแค่กล่องเปล่าๆ ที่ไม่มีซอฟต์แวร์ใดๆ ให้ใช้งาน มันยังพูดภาษามนุษย์ไม่รู้เรื่อง นี่คือช่องว่างที่พวกเขาสามารถเข้าไปเติมเต็มได้

ทั้งคู่ตัดสินใจทันทีว่าจะต้องเขียนโปรแกรมภาษา Basic ซึ่งเป็นภาษาง่ายๆ ที่ได้รับความนิยมในตอนนั้น ให้สามารถทำงานบนเครื่อง Altair ได้ เพื่อให้คนทั่วไปสามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ได้

ปัญหาก็คือ พวกเขาไม่มีเครื่อง Altair อยู่ในมือแม้แต่เครื่องเดียว แล้วพวกเขาจะเขียนโปรแกรมสำหรับเครื่องที่ไม่เคยเห็นหน้าตาได้อย่างไร?

สิ่งที่พวกเขาทำหลังจากนั้น คือหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการคอมพิวเตอร์ Paul Allen ใช้ความสามารถของเขาในการศึกษาคู่มือของชิป Intel 8800 แล้วเขียนโปรแกรมจำลองการทำงานของเครื่อง Altair ขึ้นมาบนคอมพิวเตอร์ของ Harvard

ส่วน Gates รับหน้าที่หลักในการเขียนตัวแปลภาษา Basic ทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันนานถึง 8 สัปดาห์ ห้องพักของเขาเต็มไปด้วยกล่องพิซซ่าและกระป๋องโค้ก พวกเขาแทบไม่ได้นอน เพื่อแข่งกับเวลาที่กำลังจะหมดไป

และเมื่อโปรแกรมใกล้จะเสร็จ พวกเขาก็ทำในสิ่งที่บ้าบิ่นที่สุด คือการรวบรวมความกล้าโทรศัพท์ไปหา Ed Roberts ประธานบริษัท MITS ผู้ผลิต Altair

พวกเขาโกหกไปว่า พวกเขามีโปรแกรมภาษา Basic ที่ทำงานบนเครื่อง Altair ได้แล้ว และต้องการเข้าไปสาธิตให้ดู ซึ่งทาง MITS ก็ตอบตกลงอย่างไม่น่าเชื่อ

Paul Allen รับหน้าที่บินไปยัง Albuquerque พร้อมกับเทปกระดาษที่บรรจุโค้ดโปรแกรมที่พวกเขาเขียนขึ้นมาด้วยความยากลำบาก มันคือการเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างที่มี

เรื่องที่น่าระทึกใจคือ Allen เพิ่งจะนึกออกตอนอยู่บนเครื่องบินว่า เขายังไม่ได้เขียนโปรแกรมส่วนที่ใช้ในการโหลดโค้ดจากเทปเข้าไปในเครื่อง Altair เลย เขาต้องเขียนโค้ดส่วนสำคัญนี้ด้วยมือบนเครื่องบิน โดยภาวนาว่ามันจะทำงานได้ถูกต้อง

เมื่อไปถึง MITS ท่ามกลางสายตาของประธานบริษัทและทีมงาน Allen ค่อยๆ ป้อนโค้ดของเขาเข้าไปในเครื่อง Altair ทุกคนในห้องต่างลุ้นจนแทบหยุดหายใจ

แล้วเขาก็พิมพ์คำสั่งง่ายๆ ลงไป “PRINT 2+2” แล้วกด Enter…

เครื่องพิมพ์ดีดที่เชื่อมต่ออยู่ก็เริ่มทำงานเสียงดัง ก่อนจะพิมพ์ผลลัพธ์ออกมา… “4”

มันทำงานได้! โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยไม่เคยได้สัมผัสกับเครื่องจริงแม้แต่วินาทีเดียว กลับทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างไม่น่าเชื่อ MITS ตกลงซื้อลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ของพวกเขาทันที

ณ จุดนั้นเอง Bill Gates ก็ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต เขาลาออกจาก Harvard มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก เพื่อย้ายไป Albuquerque กับ Paul Allen

และที่เมืองเล็กๆ กลางทะเลทรายแห่งนั้นเอง พวกเขาก็ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “MicroSoft” ขึ้นในปี 1975 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานที่ทุกคนรู้จักกันดีในวันนี้

เรื่องราวทั้งหมดนี้สอนให้เรารู้ว่า ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้มาจากความฉลาดหรือโชคชะตาเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการผสมผสานของหลายสิ่ง

ทั้งความหลงใหลอย่างบ้าคลั่ง ความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ความกล้าที่จะเสี่ยงเดิมพันกับอนาคตที่ยังมองไม่เห็น และที่สำคัญที่สุดคือการมีคู่หูที่รู้ใจอยู่เคียงข้าง

นี่คือ Source Code ของ Bill Gates คือรหัสต้นฉบับที่ถูกเขียนขึ้นในช่วง 20 ปีแรกของชีวิต ซึ่งได้กลายเป็นรากฐานของทุกสิ่งที่เขาทำในเวลาต่อมา และมันคือเรื่องราวที่พิสูจน์ให้เห็นว่า บางครั้งเด็กเนิร์ดที่ไม่มีใครเข้าใจ ก็อาจจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้เช่นกัน

References : หนังสือ Source Code: My Beginnings โดย Bill Gates