ต้องบอกว่าความล้มเหลวที่น่าเสียดายที่สุดของ Microsoft ในตลาดมือถือไม่ใช่การซื้อ Nokia และผลิต Windows Phone อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นเรื่องของ Windows Mobile ต่างหาก ที่ในอดีตเคยอยู่ในจุดพีคและเกือบจะครองตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกได้สำเร็จ
ย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โลกเทคโนโลยีกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสู่อุปกรณ์พกพา เป็นยุคที่การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนยังไม่เข้ารูปเข้ารอยดีนัก
Nokia ถือเป็นพี่ใหญ่ที่รังสรรค์แนวคิดสมาร์ทโฟนขึ้นมา พวกเขาพัฒนาโทรศัพท์ที่ทำงานได้มากกว่าแค่การโทร ให้ทำงานเหมือนคอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้โปรแกรมของตัวเองได้
ด้วยความเทพของ Nokia ทำให้พวกเขาสร้างระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง และพัฒนาให้มือถือท่องเว็บและจัดการอีเมลสำหรับคนทำงานได้
รุ่นแรกที่ถือเป็นสมาร์ทโฟนคือ Nokia Communicator ที่เปิดตัวในปี 1996 และเพราะยังไม่มีคู่แข่ง ในปี 1997 Nokia ขายได้ถึง 80 ล้านเครื่องทั่วโลก
ไม่นานนัก Nokia ก็เจอคู่แข่งรายแรกอย่าง Palm ที่มีจุดเริ่มต้นต่างกัน Palm เริ่มจากคอมพิวเตอร์มือถือหรือ PDA ก่อน แล้วค่อยใส่ฟังก์ชันโทรศัพท์ทีหลัง
แต่ Palm มีปัญหาใหญ่เพราะระบบปฏิบัติการค่อนข้างล้าสมัย เหมาะกับ PDA มากกว่า ในปี 2004 ผู้บริหาร Palm รู้ตัวว่าต้องหาพันธมิตรด่วน ไม่งั้นอาจจะดิ่งลงเหว
Palm สร้างแนวคิด PDA ที่เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก แต่เมื่อตลาด PDA เริ่มหดตัวลง โทรศัพท์มือถือก็เริ่มเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เข้าไป อนาคตของ PDA จึงเริ่มมืดมน
จากปัญหานี้ ทำให้ Palm และ Microsoft จับมือกันในปี 2005 สำหรับบริษัทเทพอย่าง Microsoft การได้ Palm มาเป็นพันธมิตรถือเป็นก้าวสำคัญในการบุกตลาดมือถือ
Microsoft ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows Mobile มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังทำงานได้ไม่เจ๋งเท่าที่ควร เพราะพวกเขาไม่ถนัดตลาดมือถือหรืออุปกรณ์พกพา
Windows หลักถูกออกแบบมาสำหรับ PC ที่มีประสิทธิภาพสูง การเอามาปรับใช้กับอุปกรณ์พกพาที่มีข้อจำกัดเยอะจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ในความร่วมมือครั้งนี้ Palm ได้รับอนุญาตให้ปรับแต่งอินเทอร์เฟซและฟีเจอร์บางอย่างของ Windows Mobile เช่น การไม่รับสายแล้วส่งข้อความไปหาคนโทรมา
ผู้บริหาร Palm หันมาโฟกัสกับ Windows Mobile แทนการพัฒนาระบบปฏิบัติการเอง และไม่สนใจระบบ Symbian ที่เป็นโอเพนซอร์สซึ่งมี Nokia เป็นเจ้าพ่อหนุนหลัง
การร่วมมือกันครั้งนี้ถือเป็นการเดินเกมที่จัดเต็มสำหรับทั้ง Palm และ Microsoft เพราะเป็นการผสมผสานความถนัดของทั้งสองบริษัทได้อย่างลงตัว
ช่วงเวลานั้นถือเป็นยุคทองอันรุ่งโรจน์ของความร่วมมือทั้งสองบริษัท Windows Mobile กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว นักธุรกิจส่วนใหญ่เลือกใช้ Windows Mobile
ขณะที่ผู้ใช้ทั่วไปยังคงนิยมมือถือของ Nokia สิ่งสำคัญที่สุดคือระบบนิเวศของ Windows Mobile กำลังสยายปีกอย่างงดงาม
มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์บนมือถือมากกว่า 10,000 รายที่ช่วยกันพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับ Windows Mobile ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จ
เพราะเมื่อสามารถดึงดูดนักพัฒนาได้ ผู้คนก็จะหมายปองระบบนั้น ตามแอปพลิเคชันที่มีในระบบปฏิบัติการ เหมือนที่เราเห็นใน iOS หรือ Android ทุกวันนี้
ณ ปี 2006 Microsoft Windows Mobile อยู่ในจุดพีคของระบบนิเวศในวงการระบบปฏิบัติการมือถือ กำลังจะก้าวขึ้นเป็นระบบปฏิบัติการที่คนทั่วโลกใช้งาน
เหมือนที่ Microsoft ทำสำเร็จมาแล้วกับ Windows บน PC ในตอนนั้น Windows Mobile นำหน้าทั้ง Symbian ของ Nokia และน้องใหม่อย่าง RIM ผู้ผลิต Blackberry
Microsoft ใช้โมเดลธุรกิจเดียวกับ Windows บน PC คือการขายสิทธิการใช้งานระบบปฏิบัติการ โดยไม่ได้ผลิตฮาร์ดแวร์เอง โฟกัสที่ซอฟต์แวร์ซึ่งเป็นจุดแข็ง
ในปี 2006 Microsoft ขายสิทธิ์การใช้งาน Windows Mobile ให้ผู้ผลิตมือถือหลายแบรนด์ได้ถึง 5.9 ล้านชุด และปีถัดมาเพิ่มเป็นสองเท่าเป็น 11 ล้านชุด
ยอดขายพุ่งทะยานแบบนี้แสดงให้เห็นว่า Microsoft กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในตลาดมือถือโลก ช่วงนั้น Windows Mobile ใช้งานง่ายที่สุด
เพราะออกแบบมาตั้งแต่ต้นให้จัดการอีเมลของ Microsoft ท่องเว็บ และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทุกคนคิดว่า Microsoft จะผูกขาดตลาดมือถือได้อีกครั้ง
ช่วงปี 2006-2007 เป็นรอยต่อสำคัญในธุรกิจมือถือโลก Microsoft ดูเหมือนจะได้เปรียบที่สุดที่จะกลายเป็นเจ้าตลาด มีความพร้อมทุกด้าน
ทั้งระบบปฏิบัติการ บริการอีเมล และการจับมือกับ Palm ช่วยด้านฮาร์ดแวร์ นักพัฒนาก็เทใจให้ Microsoft เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างดูเพอร์เฟค
อีกนิดเดียวเท่านั้น Microsoft ก็จะถึงเส้นชัยในการครองตลาดแบบเดียวกับที่เคยทำสำเร็จบน PC แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึง
ในงาน Macworld ที่ซานฟรานซิสโก เดือนมกราคม 2007 Steve Jobs ขึ้นเวทีประกาศว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เขาจะเปิดตัวจะปฏิวัติวงการไปอย่างสิ้นเชิง
Jobs พูดถึงผลิตภัณฑ์สองชิ้นที่เคยพลิกโฉมอุตสาหกรรมมาแล้ว คือ คอมพิวเตอร์ Macintosh รุ่นแรก และ iPod รุ่นแรก ก่อนเปิดตัว iPhone
เขาบอกว่า iPhone จะรวมสามสิ่งเข้าด้วยกัน คือ iPod จอกว้างควบคุมด้วยการสัมผัส โทรศัพท์มือถือที่ปฏิวัติวงการ และอุปกรณ์สื่อสารอินเทอร์เน็ตสุดล้ำ
และแล้ว iPhone ผลิตภัณฑ์ที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนไปตลอดกาล ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Apple
เป็นการสร้างนวัตกรรมชั้นเทพตั้งแต่โลกก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 iPhone กลายเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ Apple เปลี่ยนจากบริษัทเล็กๆ ไปสู่บริษัทยักษ์ใหญ่
และที่สำคัญ มันได้ทำลายความฝันของ Microsoft ในการครองตลาดสมาร์ทโฟนไปอย่างราบคาบ ทำให้ความพยายามที่ผ่านมาสูญเปล่า
การที่ Microsoft พลาดโอกาสในการครองตลาดสมาร์ทโฟนทั้งที่มีความพร้อมเกือบทุกด้านเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับธุรกิจเทคโนโลยี
บริษัทมีความแข็งแกร่งด้านซอฟต์แวร์ มีพันธมิตรที่เจ๋งมาก ๆ อย่าง Palm และมีระบบนิเวศของนักพัฒนาที่กำลังเติบโต แต่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดการณ์คือการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค
iPhone นำเสนอประสบการณ์ผู้ใช้ที่แตกต่าง ด้วยหน้าจอสัมผัสเต็มจอไม่ต้องใช้ปากกา Stylus และอินเทอร์เฟซที่ใช้ง่ายและทันสมัย
ขณะที่ Windows Mobile ยังคงยึดติดกับการออกแบบที่คล้าย Windows บน PC และไม่ได้ปรับตัวให้ทันกับการใช้งานบนหน้าจอสัมผัสอย่างเต็มที่
Microsoft อาจประเมินความสำคัญของแอพสำหรับผู้บริโภคทั่วไปต่ำเกินไป โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มลูกค้าองค์กรและนักธุรกิจมากกว่า
ในขณะที่ Apple สร้าง App Store เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสร้างแอพหลากหลายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ทำให้ iPhone ตอบโจทย์คนทั่วไปได้ดีกว่า
การยึดติดกับโมเดลธุรกิจแบบเดิมที่เคยประสบความสำเร็จกับ Windows บน PC อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ Microsoft พลาดโอกาส
Apple เลือกควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ทำให้สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่กลมกลืนและมีประสิทธิภาพมากกว่า เป็นความเจ๋งที่ Microsoft มองข้าม
Microsoft ได้เรียนรู้บทเรียนนี้และพยายามปรับตัวในช่วงหลัง แต่ก็สายเกินไปที่จะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนอีกครั้ง
ปัจจุบัน Microsoft หันไปโฟกัสกับธุรกิจคลาวด์และบริการซอฟต์แวร์มากขึ้น เป็นการปรับตัวที่ชาญฉลาดทำให้บริษัทเติบโตได้อีกครั้ง แม้จะพลาดโอกาสในตลาดสมาร์ทโฟนไปแล้ว
เรื่องราวของ Windows Mobile เป็นตัวอย่างที่ดีของการที่แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทรัพยากรมากมายก็อาจพลาดโอกาสสำคัญได้ หากไม่สามารถปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง
ในช่วงปี 2006-2007 Microsoft อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการครองตลาดสมาร์ทโฟน แต่การเปิดตัวของ iPhone ในปี 2007 ได้ขีดชะตาชีวิตให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ความล้มเหลวของ Microsoft ไม่ได้เกิดจากการซื้อ Nokia และสร้าง Windows Phone แต่เกิดจากการพลาดโอกาสในช่วงที่ Windows Mobile กำลังจะประสบความสำเร็จ
เพราะไม่สามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรม และไม่สามารถปรับตัวได้ทันเมื่อ Apple เปิดตัว iPhone
นี่เป็นบทเรียนเจ็บปวดสำหรับทุกบริษัทว่า แม้จะมีความได้เปรียบในตลาด แต่หากไม่สามารถมองเห็นและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง โอกาสในการเป็นผู้นำตลาดก็อาจหลุดลอยไป และยากที่จะกลับมาอีกครั้ง