Geek Story EP338 : 9 ธุรกิจสุด Failed ของ Donald Trump เมื่อความทะเยอทะยานเกินตัวนำไปสู่หายนะทางการเงิน

หลายคนอาจจะรู้จัก Donald Trump ในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่กำลังกำหนดชะตาชีวิตของคนทั้งโลกในทุกวันนี้

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงเส้นทางธุรกิจอันผันผวนที่เต็มไปด้วยความล้มเหลวมากมายของเขา เรื่องราวของ Trump ไม่ได้เป็นเพียงบทเรียนเกี่ยวกับความสำเร็จ แต่ยังเป็นบทเรียนเกี่ยวกับความล้มเหลวและการลุกขึ้นสู้ใหม่อีกด้วย

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify :
https://tinyurl.com/4s9vhtam

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4eu9677m

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/ms8vsy2w

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/wdkamjie42k

ภาษีที่แพงขึ้น พันธมิตรที่หายไป เมื่อ Donald Trump กำลังมอบโลกให้จีนโดยไม่รู้ตัว

เรื่องราวของสองมหาอำนาจกำลังพลิกโฉมโลกใบนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ Donald Trump ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรรอบใหม่ รวมถึงทีมบริหารของเขาก็คุยโวเรื่องการเสริมกำลังพันธมิตรทางทหารในเอเชีย

หลายคนอาจจะคิดว่าประเทศจีนซึ่งถูกอเมริกามองว่าเป็นคู่แข่งหลักกำลังตกระกำลำบากกับสถานการณ์นี้ แต่ความจริงแล้วกลับตรงข้าม!

นโยบาย MAGA ของ Trump กำลังผลักดันให้ผู้นำจีนแก้ไขข้อผิดพลาดทางเศรษฐกิจที่เละเทะที่สุดของพวกเขา ยิ่งกว่านั้น ยังเปิดโอกาสให้จีนได้ขีดเขียนแผนที่ภูมิรัฐศาสตร์เอเชียใหม่เพื่อประโยชน์ของตัวเอง

ผลกระทบจากคำประกาศของ Trump นั้นโหดไม่เบา! ภาษีใหม่พุ่งกระฉูดถึงหลัก 100% หรือมากกว่านั้นหากรวมการยกเลิกข้อยกเว้นสำหรับพัสดุขนาดเล็ก

การส่งออกยังเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจจีน คิดเป็น 20% ของ GDP ซึ่งในอดีต จีนเคยใช้กลยุทธ์ในการเปลี่ยนเส้นทางห่วงโซ่การผลิตผ่านประเทศอื่น เช่น เวียดนาม เพื่อหลบเลี่ยงภาษีศุลกากรอเมริกา

แต่เล่ห์เหลี่ยมนี้จะได้ผลน้อยลงเมื่ออเมริกากำลังสร้างอุปสรรคทางการค้าระดับโลก และเวียดนามกำลังโดนในสิ่งเดียวกันกับที่จีนโดนแม้จะไม่โหดเท่าก็ตาม

สงครามการค้าครั้งนี้มาในจังหวะที่จีนกำลังถูกรุมเร้าด้วยปัญหามากโข ทั้งภาวะเงินฝืด วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาประชากร

ช่วงห้าปีที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนละเลยการบริโภคภายในประเทศ และหันไปยอมรับแนวคิดรัฐนิยมที่จำกัดภาคเอกชน

นอกจากนี้ จีนยังส่งออกกำลังการผลิตส่วนเกินออกไป ทำให้ตลาดโลกเต็มไปด้วยสินค้าล้นตลาด อีกทั้งปลุกปั้นลัทธิชาตินิยมแบบก้าวร้าว

แนวคิดนี้สร้างความอึดอัดให้พันธมิตรของอเมริกาทั้งในเอเชียและยุโรป จนเกิดรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

แต่ที่เจ๋งมาก ๆ คือแม้จะมีปัญหาทั้งหมดนี้ จีนกลับก้าวเข้าสู่ยุค MAGA รอบใหม่ด้วยความแข็งแกร่งที่มากกว่าในสมัยแรกของ Trump

ประธานาธิบดี Xi Jinping พูดมานานแล้วว่าอเมริกามีความแตกแยกและทำงานหนักเกินไปจนไม่อาจรักษาบทบาทผู้นำโลกได้ และหนึ่งในคำพูดฉาวโฉ่ของเขาคือการเตือนถึง “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบศตวรรษ”

แนวคิดชาตินิยมที่หวาดระแวงของเขาซึ่งเคยดูเหมือนการเพ้อฝัน ตอนนี้กลับเหมือนวิสัยทัศน์ล้ำสมัย ในขณะที่ Trump กำลังทำร้ายตัวเองอย่างช้า ๆ

Xi ได้เตรียมพร้อมสำหรับโลกวุ่นวายเช่นปัจจุบันตั้งแต่ขึ้นเป็นผู้นำจีนในปี 2012 เขาผลักดันให้ประเทศพึ่งพาตนเองทั้งด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

จีนลดความเปราะบางต่อมาตรการควบคุมของอเมริกาอย่างการคว่ำบาตรและการควบคุมการส่งออกได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าธนาคารจีนยังต้องการเข้าถึงเงินดอลลาร์ แต่ปัจจุบันการชำระเงินระหว่างประเทศส่วนใหญ่นอกระบบธนาคารดำเนินการในรูปแบบของสกุลเงินหยวน

เศรษฐกิจภายในประเทศของจีนมีจุดแข็งหลายประการที่หลายคนมองข้าม การแข่งขันและการยอมรับเทคโนโลยีช่วยให้อุตสาหกรรมจีนเทพขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเอาชนะคู่แข่งตะวันตกได้ในหลายด้าน ตั้งแต่ยานยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงโดรน

ตัวอย่างที่เด่นชัดมาก ๆ ของศักยภาพจีนคือ DeepSeek ซึ่งเป็นสัญญาณว่าประเทศนี้สามารถสร้างนวัตกรรมเพื่อหลบหลีกการคว่ำบาตรเซมิคอนดักเตอร์ของอเมริกาได้

พรรคคอมมิวนิสต์รู้สึกภาคภูมิใจกับ AI ที่ผลิตในประเทศ สิ่งนี้อาจช่วยให้เทคโนโลยีแพร่กระจายทั่วจีนเร็วกว่าตะวันตก ซึ่งจะเพิ่ม Productivity ให้กับจีนอีกมากโข

ปัจจัยนี้ รวมกับสัญญาณที่ Xi อาจมีความอดทนกับผู้ประกอบการมากขึ้น ซึ่งมันอธิบายว่าทำไมตอนนี้ดัชนี MSCI ของหุ้นจีนถึงเพิ่มขึ้น 15% ในปี 2025 ในขณะที่หุ้นอเมริกันกลับดิ่งลงเหว

สี่ปีหลังจากฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตก เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น ในบางเมือง เช่น เซี่ยงไฮ้และหนานจิง ราคาบ้านเริ่มสูงขึ้น

พรรคคอมมิวนิสต์ดำเนินมาตรการกระตุ้นการบริโภคแม้จะล่าช้า รัฐบาลท้องถิ่นสามารถปรับโครงสร้างหนี้ด้วยพันธบัตรใหม่มูลค่า 6 ล้านล้านหยวน และพันธบัตร “พิเศษ” อีก 4.4 ล้านล้านในปีนี้ โดยเงินพิเศษบางส่วนจะถูกส่งตรงไปยังภาคครัวเรือน

เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ พรรคคอมมิวนิสต์จำเป็นต้องเลิกกดขี่ภาคเอกชน แม้แต่ระบอบเผด็จการแบบเลนินของจีนก็ยังรู้ว่าการปราบปรามผู้ประกอบการเพื่อ “ความมั่งคั่งร่วมกัน” ที่เริ่มในปี 2021 นั้นเป็นสิ่งที่โหดเหี้ยมเกินไป

Li Qiang รองประธานาธิบดีของ Xi ได้กล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เพื่อเทิดทูน “มังกร” แห่งเมืองหางโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งนวัตกรรมจีน

เศรษฐกิจจีนต้องการมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มการบริโภค และความพยายามมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์

โอกาสทางเศรษฐกิจเหล่านี้ดำเนินควบคู่ไปกับโอกาสทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของอเมริกาต่อจีนมีความไม่ชัดเจน

นักการเมืองสายเหยี่ยวในคณะบริหารของ Trump ยืนยันว่า การที่อเมริกาหันหลังให้ยุโรปเป็นการปลดปล่อยทรัพยากรเพื่อยับยั้งจีน

จีนเชื่อว่าการพูดถึงข้อตกลง “reverse Kissinger” ของฝ่าย MAGA ที่ว่าอเมริกาจะพยายามแยกรัสเซียออกจากจีนนั้น เป็นเพียงคำพูดไร้สาระ

นโยบายปกป้องตนเองของ Trump การทำร้ายพันธมิตร และการไม่สนใจสิทธิมนุษยชนเป็นการปฏิเสธค่านิยมอเมริกา

Xi ไม่มีความตั้งใจที่จะเติมเต็มช่องว่างที่ “พี่ใหญ่” อย่างอเมริกาทิ้งไว้ แต่เขามีโอกาสขยายอิทธิพลของจีน โดยเฉพาะในซีกโลกใต้

หากนอกจากการส่งเสริมเทคโนโลยีพลังงานสะอาดแล้ว จีนยังกล้าที่จะลดการปล่อยมลพิษในประเทศมากขึ้น ก็มีโอกาสที่โชว์ให้โลกเห็นในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ ซึ่งจะเป็นการสยายปีกในเวทีโลกอย่างน่าทึ่ง

การที่ Trump ดูหมิ่น NATO และไม่สนับสนุนยูเครนได้ทำลายความเชื่อมั่นในคำมั่นสัญญาที่อเมริกามีต่อพันธมิตรในเอเชียและความเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อไต้หวัน

หากอเมริกาผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเองมากขึ้น แรงจูงใจในการปกป้องไต้หวันก็จะลดลง สิ่งนี้ถือเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับ Xi

การที่จีนจะฉวยโอกาสนี้ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคนเพียงคนเดียว: Xi Jinping จะนำพาจีนไปในทิศทางใดเป็นการขีดชะตาชีวิตของประเทศ

แต่ความจริงที่ว่าโอกาสเหล่านี้มีอยู่จริง ส่วนใหญ่เป็นเพราะอีกคนหนึ่งคือ Donald Trump ผู้ซึ่งอาจกำลังชักศึกเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัว

จากสถานการณ์ปัจจุบัน เราเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอเมริกากำลังเข้าสู่จุดพีคแห่งการเปลี่ยนแปลง

การตัดสินใจของผู้นำทั้งสองประเทศจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกและการเมืองระหว่างประเทศในทศวรรษหน้า

ในขณะที่จีนพยายามใช้นโยบาย MAGA ของ Trump เป็นโอกาสในการอัดฉีดความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและขยายอิทธิพลระดับภูมิภาค

อเมริกากำลังเสี่ยงสูญเสียบทบาทผู้นำในเวทีโลกจากการดำเนินนโยบายที่เห็นแก่ตัวมากเกินไป

ประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะในซีกโลกใต้ ต่างกำลังชายตามองว่าทั้งจีนและอเมริกาจะตอบสนองต่อความท้าทายนี้อย่างไร และพวกเขาจะปรับตำแหน่งของตนในระเบียบโลกใหม่อย่างไร

ข้อสรุปที่สำคัญคือ นโยบายของ Trump อาจไม่เพียงแต่ไม่บรรลุเป้าหมายในการทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้จีนเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด

และขยายอิทธิพลในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับสองประเทศนี้เท่านั้น แต่สำหรับระเบียบโลกทั้งหมด

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอเมริกาในยุค MAGA รอบสองนี้จะแตกต่างอย่างมากจากรอบแรก ทั้งสองประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปมาก

และบทบาทของพวกเขาในเวทีโลกก็ได้วิวัฒนาการไปด้วย ในขณะที่ Trump มุ่งเน้นชัยชนะระยะสั้นและการตอบสนองฐานเสียงภายในประเทศ Xi กลับมีวิสัยทัศน์ระยะยาวเกี่ยวกับตำแหน่งของจีนในระเบียบโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

เราได้เห็นในประวัติศาสตร์หลายครั้งแล้วว่า นโยบายที่มุ่งแยกตัวและปกป้องผลประโยชน์ตนเองมากเกินไปมักให้ผลลัพธ์ตรงข้ามกับเป้าหมาย

ยิ่งอเมริกาดำเนินนโยบายที่มุ่งทำร้ายหรือกีดกันจีน จีนก็ยิ่งถูกผลักดันให้พัฒนาความสามารถในการพึ่งพาตนเองและสร้างพันธมิตรใหม่มากขึ้น

ในความเป็นจริง สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันอาจเป็นโอกาสที่ประเทศอย่างจีนจะได้แสดงความเป็นผู้นำในด้านที่เคยเป็นของสหรัฐฯ อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และฝันร้ายของอเมริกาอาจก่อร่างสร้างตัวขึ้นเป็นฝันที่เป็นจริงของจีนก็เป็นได้นั่นเองครับผม