Geek Story EP356 : ทำไม Intel ถึงพลาดโอกาสกับ iPhone? ความผิดพลาดที่มีราคาแพงที่สุดในวงการเทคโนโลยี

“เราไม่ได้ชนะหรือไม่ก็เราปฏิเสธมัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองมันอย่างไร และโลกคงจะแตกต่างไปมากถ้าเราทำมัน…”

Paul Otellini ซึ่งเป็น CEO ของ Intel ได้กล่าวไว้ในปี 2013 ระหว่างการให้สัมภาษณ์อำลาครั้งสุดท้ายกับนิตยสาร Atlantic ความสำเร็จของ Intel ภายใต้การนำของเขามีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างชิปที่ดีที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อป การครองตำแหน่งในตลาดเซิร์ฟเวอร์ การเอาชนะคู่แข่งอย่าง AMD และการรักษาผลกำไรแม้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ

ในปี 2012 Intel ทำกำไรได้ถึง 11 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ายอดรวมของคู่แข่งหลายรายรวมกัน แต่ถึงกระนั้น ยังมี “ความพลาด” ครั้งสำคัญที่ครอบงำเรื่องราวทั้งหมด นั่นคือ iPhone

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify :
https://tinyurl.com/ytcd3ake

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/yck42bpn

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/JhfNUAJ1CJQ

Geek Story EP355 : HTC หายไปไหน? เปิดตำนานบริษัทที่เคยท้าชน Apple และ Samsung

คุณจำ HTC ได้ไหม? บริษัทที่เคยเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์ Android เครื่องแรกของโลก และเจ้าของซีรีส์ HTC One อันโด่งดัง ในช่วงรุ่งเรือง บริษัทนี้มีมูลค่าสูงกว่าทั้ง Blackberry, Nokia และ Motorola ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการโทรศัพท์มือถือยุคนั้น แต่แล้วอยู่ดีๆ พวกเขาก็หายไปจากตลาด จากส่วนแบ่งการตลาด 24% ในปี 2011 เหลือเพียงแค่ 0% ในเวลาเพียงแค่ 2 ปีต่อมา

เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทที่เคยเป็นที่รักของผู้ใช้ Android ทั่วโลกกันแน่? ทำไมพวกเขาถึงหายไปอย่างรวดเร็วแบบนั้น? มาเริ่มต้นย้อนกลับไปดูเรื่องราวกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นกัน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify :
https://tinyurl.com/nhk7p65k

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/546c6xx8

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/mr2j2r3d

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/jH0bOyZP9is

Geek Story EP354 : Apple Disrupt วงการแล็ปท็อปอย่างไร? กับเสียงพัดลมที่หายไป วิธีที่ชิป M1 พลิกโฉมวงการใน 5 ปี

ชีวิตของผู้ใช้ Mac มีจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน สถานการณ์แตกต่างอย่างสิ้นเชิง แม้จะเป็นผู้ที่ใช้ Mac มาตลอดชีวิต หากใครถามว่าควรเลือก Mac หรือ Windows PC คำตอบคงเป็น Windows อย่างไม่ลังเล ในเวลานั้น Mac มีปัญหามากมาย ทั้งประสิทธิภาพที่ช้า บั๊กจำนวนมาก และไม่สามารถรองรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อ Apple ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปี 2020 ด้วยชิปตัวแรกที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ Mac นั่นคือ M1 การเปลี่ยนมาใช้ M1 เปรียบเสมือนการก้าวจากการขับจักรยานธรรมดา ๆ ไปขับ Lamborghini ทันทีที่เปลี่ยนมาใช้ คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด ไม่มีเสียงรบกวนจากพัดลม ไม่มีความร้อนสูง มีเพียงพลังการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่ง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify :
https://tinyurl.com/4utfa6z8

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/5bdsed4e

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/piOCfsGeyiI

เมื่อ Iron Man แห่งวงการรถยนต์ Comeback Elon Musk จะพลิกวิกฤต Tesla ได้จริงหรือ?

แสงไฟในสำนักงานใหญ่ Tesla ที่ Austin เริ่มสว่างจ้าในยามค่ำคืนอีกครั้ง เมื่อ Elon Musk ลูกพี่ใหญ่ประกาศกลับมาทุ่มเทให้กับบริษัทรถไฟฟ้าของเขามากขึ้น หลังจากแบ่งเวลาไปให้กับธุรกิจอื่นๆ มากมายก่อนหน้านี้

ไม่ว่าจะเป็น SpaceX, X (Twitter เดิม), Neuralink และล่าสุดคืองานกับรัฐบาล การประกาศครั้งนี้มาได้ถูกเวลามาก เพราะ Tesla เพิ่งรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ที่ค่อนข้างแย่

ในการประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศผลประกอบการ Musk เผยว่าเขาจะลดบทบาทในงานด้านรัฐบาลลง โดยเฉพาะหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญกับ Department of Government Efficiency

พี่ใหญ่อย่าง Musk วางแผนจะกลับมาโฟกัสที่ Tesla อย่างจริงจังตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป การปรับตารางเวลาครั้งนี้จะทำให้เขาใช้เวลากับงานรัฐบาลเพียงหนึ่งถึงสองวันต่อสัปดาห์เท่านั้น

ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะกลับมาผลักดันการเติบโตของ Tesla อีกครั้ง ในช่วงที่บริษัทกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่โหดเหี้ยมและความท้าทายรอบด้าน

โดยเฉพาะจากคู่แข่งจากจีนและยุโรปที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรกของ Tesla ส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจน

กำไรของบริษัทลดฮวบอย่างมากถึง 71% จาก 1.39 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือเพียง 409 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ก็ลดลง 9% จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่

ยิ่งไปกว่านั้น อัตรากำไรขั้นต้นยังลดลงจาก 17.4% เหลือ 16.3% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังต้องจัดการกับต้นทุนที่สูงขึ้น หรือราคาขายที่ต้องปรับลดลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นกลับมีปฏิกิริยาในเชิงบวกต่อการประกาศของ Musk โดยหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นถึง 5% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ

แม้ว่าในภาพรวมของปี 2025 ราคาหุ้น Tesla จะลดลงมากกว่า 40% แล้วก็ตาม นักลงทุนดูเหมือนจะให้ความเชื่อมั่นว่าการกลับมาของ Musk จะช่วยพลิกวิกฤตได้

เพื่อกู้สถานการณ์ Musk และทีมผู้บริหารของ Tesla ได้วางแผนกลยุทธ์สำคัญหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการเปิดตัว Model Y รุ่นใหม่ที่มีราคาย่อมเยากว่าเดิม

ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ถวิลหารถยนต์ไฟฟ้าที่จับต้องได้มากขึ้น นอกจากนี้ Tesla ยังวางแผนที่จะเปิดตัวบริการ robotaxi แบบเสียค่าใช้จ่ายในเมือง Austin ภายในช่วงกลางปี 2025 นี้

และจะเป็นก้าวสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติสุดล้ำของบริษัท Musk ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ

โดยเขาเชื่อว่ารถยนต์ Tesla หลายล้านคันจะสามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และบริการรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติอาจมีให้บริการในหลายเมืองของสหรัฐฯ ภายในสิ้นปีนี้

แม้ว่าวิสัยทัศน์ของ Musk จะฟังดูเจ๋งมาก ๆ และน่าตื่นเต้น แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายคนยังคงสงสัยเกี่ยวกับความพร้อมของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ Tesla

นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยชั้นนำได้เตือนว่าระบบ Full Self-Driving ของ Tesla ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานโดยปราศจากการควบคุมจากมนุษย์ เพราะยังมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

โดยเฉพาะในสภาวะทัศนวิสัยต่ำหรือในสถานการณ์การจราจรที่ซับซ้อน ระบบ Full Self-Driving ของ Tesla ยังอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดจาก National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA)

การได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลเป็นอีกด่านสำคัญที่ Tesla จะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนที่จะสามารถเปิดตัวบริการ robotaxi ได้อย่างเต็มรูปแบบ

ในขณะเดียวกัน Tesla กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยเฉพาะ BYD ที่กำลังรังสรรค์แบตเตอรี่ที่ชาร์จได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรปที่กำลังเร่งพัฒนารุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยและมีดีไซน์ที่ดึงดูดใจ ยิ่งไปกว่านั้น จุดยืนทางการเมืองของ Musk ในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ลูกค้าชาวยุโรปบางส่วนรู้สึกห่างเหิน

และเลือกที่จะหันไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์อื่นแทน การที่ Musk หันมาให้ความสำคัญกับ Tesla อีกครั้งอาจช่วยลดผลกระทบจากประเด็นนี้ได้บ้าง แต่ก็ยังเป็นความท้าทายที่บริษัทจะต้องจัดการ

การกลับมาของ Musk ในครั้งนี้อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อาจลดน้อยลง ทั้งจากการแสดงจุดยืนทางการเมืองและการที่เขาแบ่งเวลาไปให้กับธุรกิจอื่นๆ มากเกินไป

อย่างไรก็ตาม ประวัติที่ผ่านมาของ Musk แสดงให้เห็นว่าเขามักจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดัน ราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างช่วยให้เขาฝ่าฟันอุปสรรคไปได้เสมอ

Tesla ยังได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะจากการเพิ่มขึ้นของภาษีนำเข้าวัสดุที่ใช้ในการผลิตและการนำเข้ารถยนต์บางรุ่น

การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจนี้ได้บังคับให้ Tesla ต้องระงับคำสั่งซื้อสำหรับรุ่นรถยนต์บางรุ่นในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับบริษัท

นอกจากนี้ การสร้างโรงงานใหม่ในต่างประเทศเพื่อลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าก็มีต้นทุนที่สูงและใช้เวลาในการก่อสร้าง ซึ่งอาจทำให้แผนการขยายกำลังการผลิตของ Tesla ต้องชะงักในระยะสั้น

การดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ผันผวนเช่นนี้ต้องอาศัยความยืดหยุ่นและการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Musk เคยแสดงให้เห็นถึงความเทพในการนำ Tesla ผ่านพ้นวิกฤตมาแล้วหลายครั้ง

แม้จะมีความท้าทายมากมาย แต่ยังมีความหวังในผลประกอบการของ Tesla ที่ช่วยสร้างความหวังให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน นั่นคือการขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง

ในไตรมาสแรกของปี 2025 Tesla มีรายได้จากการขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นถึง 595 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 442 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เครดิตเหล่านี้เป็นรายได้ที่มีอัตรากำไรสูง

และช่วยเสริมสร้างสถานะทางการเงินของบริษัท ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น Tesla สามารถสร้างกระแสเงินสดถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งพุ่งทะยานจากเพียง 242 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

การมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งนี้ช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้กับบริษัท และเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุนในโครงการสำคัญต่างๆ

ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งแม้ในช่วงที่กำไรลดลงแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงินของ Tesla และเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม

แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ Tesla ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคต โดยเฉพาะด้วยแผนการผลิตรถยนต์ที่มีราคาถูกลงและการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง

การกลับมาทุ่มเทของ Musk น่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาดของ Tesla เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมีความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจ

การมี Musk กลับมาอยู่ที่พวงมาลัยอย่างเต็มตัวอีกครั้งอาจเป็นสิ่งที่ Tesla ต้องการในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ราวกับฟ้าลิขิตให้เขากลับมาในจังหวะที่เหมาะสม

การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายแรกๆ ที่ Musk จะให้ความสำคัญเมื่อเขากลับมาบริหาร Tesla อย่างเต็มที่

การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตจะช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งจากจีนและยุโรปได้ดียิ่งขึ้นในสงครามรถไฟฟ้าโลก

นอกจากนี้ การพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีต้นทุนต่ำลงก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ Tesla สามารถรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้

บริษัทได้ลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และคาดว่าจะมีการประกาศความก้าวหน้าในด้านนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน

แม้ว่า Tesla จะเผชิญกับความท้าทายในปัจจุบัน แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อ Musk ให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับบริษัทใด บริษัทนั้นมักจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด

ด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและแผนการพัฒนาเทคโนโลยีสุดเจ๋ง Tesla ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในระยะยาว

Tesla ยังคงมีโอกาสที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้งและรักษาตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดได้ในระยะยาว หากฟ้าลิขิตให้ Musk ได้แสดงความเทพของเขาอีกครั้งนั่นเองครับผม

โบลท์ (Bolt) มอบเงินบริจาคให้กับสภากาชาดไทย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในไทย

โบลท์ (Bolt) ผู้ให้บริการเรียกรถระดับโลก ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยืนหยัดเคียงข้างคนไทยในช่วงเวลาหลังเกิดภัยพิบัติ ร่วมส่งพลังแห่งการให้ บริจาคเงินจำนวน 750,000 บาท ให้กับสภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

การส่งมอบนี้จัดขึ้น ณ สำนักงานสภากาชาดไทย นำโดย นาย ณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย เป็นตัวแทนส่งมอบเงินบริจาคให้แก่ นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย เพื่อแสดงเจตจำนงของโบลท์ในการเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูประเทศในยามที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ก่อนหน้านี้ โบลท์ได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยร่วมมือกับกองทัพบก มูลนิธิเส้นด้าย และ Airbnb ให้การสนับสนุนบริการการเดินทางเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสบภัยในช่วงวิกฤต อีกทั้งยังยกเว้นค่าคอมมิชชัน (0%) ให้กับผู้ขับขี่ทั่วประเทศ เพื่อให้พวกเขาได้รับรายได้เต็มจำนวน 100% ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการบรรเทาผลกระทบโดยตรงต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

สำหรับเงินบริจาคในครั้งนี้ สภากาชาดไทยจะนำไปใช้ในสองระยะหลัก ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนช่วงเกิดเหตุ และการฟื้นฟูระยะยาว ผ่านเครือข่ายของสภากาชาดไทยใน 76 จังหวัด รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นและอาสาสมัครในพื้นที่

นายณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราหวังว่าการสนับสนุนครั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมากในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ พลังแห่งการช่วยเหลือจะช่วยส่งต่อความหวังให้กับชุมชนที่กำลังฟื้นตัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเรียกรถระดับโลก  ร่วมทำงานและสนับสนุนชุมชนและสังคมโดยรอบทุกภาคส่วน เราจึงมุ่งมั่นยืนหยัดช่วยเหลือพี่น้องคนไทยในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้”

นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย กล่าวว่า “ในนามของสภากาชาดไทย ขอขอบคุณไปยัง โบลท์ ประเทศไทย ที่ได้ให้การสนับสนุนภารกิจการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสภากาชาดไทยในครั้งนี้ เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนในการดำเนินภารกิจในการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยที่ได้รับผบกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทย ด้วยเงินบริจาคของท่านสภากาชาดไทยจะนำไปใช้ในการจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวต่อไป”

โบลท์ยังคงเดินหน้าสานต่อเจตจำนงค์ส่งมอบพลังผลักดันให้การฟื้นฟูประเทศเป็นไปอย่างทั่วถึงและช่วยให้มั่นใจได้ว่าเงินบริจาคจะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง