แผน ‘มาราธอน 100 ปี’ ของจีน เมื่อสหรัฐฯ กำลังจะโดนล้มบัลลังก์ โดยไม่ต้องใช้กระสุนสักนัด

ลองนึกย้อนไป 20 ปีที่แล้ว ใครจะเชื่อว่าบริษัทจีนจะขึ้นมาครองโลกธุรกิจได้ขนาดนี้ ถ้าใครมาพูดอย่างนี้เมื่อก่อน ทุกคนคงขำก๊าก ไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน

ต้องยอมรับว่ากว่า 40 ปีมาแล้วที่สหรัฐฯ ช่วยเหลือจีนในการสร้างเศรษฐกิจ พัฒนาวิทยาศาสตร์และการทหาร จนก้าวขึ้นมาโดดเด่นบนเวทีโลกได้อย่างน่าอัศจรรย์

ในช่วงแรกเริ่มความสัมพันธ์กับจีน สหรัฐฯ คิดว่าจีนก็คงเหมือนประเทศอื่นๆ ที่พวกเขาเคยชักใยได้ สุดท้ายก็จะมาร่วมมือสร้างความแข็งแกร่งให้อเมริกานั่นแหละ

แต่ถ้าความฝันที่แท้จริงของจีนคือการแทนที่อเมริกาล่ะ? และทำแบบเดียวกับที่อเมริกาเคยเข้ามาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกแทนจักรวรรดิอังกฤษ

มีหนังสือหลายเล่มที่เปิดโปงแผนการลึกลับซับซ้อนของจีน ที่ต้องการเข้ามาแทนที่สหรัฐฯ ในฐานะมหาอำนาจโลก

พวกเขาวางเป้าหมายชัดเจนว่าจะต้องทำสำเร็จภายในปี 2049 ซึ่งเป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

กลยุทธ์ของจีนเรียกว่า Unrestricted Warfare คือการสู้รบแบบไร้ขีดจำกัด พวกเขาต้อนรับการลงทุนจากทั่วโลก แต่แทบไม่ยอมให้นำกำไรออกนอกประเทศ บริษัทจีนสยายปีกไปทั่วโลก แต่ในประเทศกลับจำกัดบริษัทต่างชาติทุกรูปแบบ

ปัจจุบันประเทศไม่จำเป็นต้องมีกองทัพใหญ่โตเพื่อเป็นมหาอำนาจอีกต่อไป สมัยก่อนอาจเห็นประเทศมหาอำนาจไล่ล่าควบคุมประชากร ทรัพยากร หรือแม้แต่รัฐบาลประเทศอื่น

การใช้กำลังทหารเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการแสดงความก้าวร้าว แต่ในมุมมองของจีน อำนาจทางเศรษฐกิจมีความเจ๋งกว่าเยอะ

พวกเขาสร้างความได้เปรียบในทุกขอบเขตการสู้รบเท่าที่เป็นไปได้ ใช้สร้างอิทธิพลและโน้มน้าวผู้นำทางการเมืองในต่างประเทศ ปิดปาก ซื้อหรือขโมยเทคโนโลยีแบบอยู่หมัด

จีนยังใช้วิธีผลิตสินค้าราคาถูกเพื่อขับไล่คู่แข่งออกจากธุรกิจ ทำให้เศรษฐกิจของคู่แข่งอ่อนแอลง แบบไม่มีใครสู้ได้

นอกจากนี้ยังสร้างกองทัพนักวิชาการเพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวกรองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แล้วนำไปใช้บรรลุเป้าหมายอื่นๆ แบบครบวงจร

ย้อนไป 20 ปีที่แล้ว หากพูดถึงแบรนด์อย่าง BYD, TikTok, Huawei, Xiaomi, Shein และ Temu หลายคนคงส่ายหัวไม่รู้จัก มีแค่ Huawei ที่พอมีชื่อในวงการโทรคมนาคมบ้าง

แต่ที่เหลือล้วนเป็นแบรนด์ที่เพิ่งเกิดแทบทั้งสิ้น BYD ก่อตั้งปี 2003 เริ่มผลิตรถยนต์คันแรกปี 2005 ส่วน TikTok เริ่มจาก Douyin ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลกผ่านแบรนด์ TikTok ที่เปิดตัวปี 2016

Shein ก่อตั้งในเมืองหนานจิงเมื่อตุลาคม 2008 โดย Chris Xu ผู้ประกอบการที่เทพด้าน SEO ส่วน Temu แม้มีบริษัทแม่อย่าง PDD Holdings ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจีน แต่แบรนด์ Temu เพิ่งเกิดเมื่อปี 2022 เท่านั้น

Xiaomi ที่ตอนนี้ท้าชนยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในสินค้า consumer electronics ก็เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2010 เรียกได้ว่าดังกระฉูดภายในเวลาสั้นๆ

แบรนด์เหล่านี้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตนเองด้วยระยะเวลาไม่นาน อัตราเร่งในการเติบโตก็โครตเทพ แบบที่หลายๆ คนคงจะแทบจะไม่เชื่อว่าพวกเขาทำได้อย่างไร

ยังไม่นับแบรนด์อื่นๆ อีกมากมายที่กำลังเจริญรอยตาม งอกขึ้นมาในแทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งรถไฟความเร็วสูง ชิป เครื่องบิน Comac ที่พร้อมท้าชน Boeing หรือ Airbus ในเร็ววัน หรือแม้แต่การท่องอวกาศที่พวกเขาปักหมุดไปไกลแล้ว

Huawei เองเคยประกาศกร้าวว่าจะเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนโลกภายในปี 2020 แต่ด้วยสงครามการค้า การแบนเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ทำให้ต้องถอยกลับไปเริ่มต้นใหม่ โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านชิป

ทั้งรัฐบาลจีนและ Huawei ตระหนักว่าไม่สามารถยืมจมูกคนอื่นหายใจได้อีกต่อไป จึงต้องรังสรรค์นวัตกรรมเอง

ในปี 2023 Huawei ประกาศวางขายสมาร์ทโฟน Mate 60 ซึ่งใช้ชิปประมวลผล 7 นาโนเมตรได้สำเร็จ ทำให้คู่แข่งทั่วโลกสะพรึงกลัว พร้อมคำถามว่าจีนทำได้อย่างไรในเวลาอันสั้น

รูปแบบธุรกิจของจีนมีความคล้ายคลึงกันมาก เริ่มจากหลอกล่อบริษัทต่างประเทศให้มาลงทุนผลิตในประเทศ ดึงดูด knowhow ก่อนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างรวดเร็ว

ฐานผู้บริโภคในประเทศที่ใหญ่มหาศาลช่วยให้พวกเขาทดลองสร้างนวัตกรรมต่างๆ และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ได้ตลอดเวลา ที่สำคัญประชาชนจีนก็พร้อมใจกันอุดหนุนผลิตภัณฑ์ในประเทศอีกด้วย

ทุกแบรนด์เหล่านี้สร้างนวัตกรรมไม่หยุดยั้ง พัฒนาด้วยความเร็วแบบไฮสปีด พร้อมความสัมพันธ์ลึกลับซับซ้อนกับรัฐบาลจีน ที่คอยชี้เป็นชี้ตายอนาคตของบริษัทเหล่านี้ได้ทุกแห่ง ดูได้จากการกวาดล้างบริษัทเทคโนโลยีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

เป็นยุทธศาสตร์ที่วางหมากไว้ทั้งหมด การผสานระหว่างองค์กรธุรกิจและภาครัฐจีนที่คอยกำหนดแผนสอดรับกัน เช่น การวางโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อย่างรถไฟความเร็วสูง หรือท่าเรือขนส่งสินค้าทั่วโลก

ทั้งหมดเป็นไปตามแผนการ The Hundred-Year Marathon ของจีน และจากสถานการณ์ปัจจุบัน มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก โดยแทบไม่ต้องใช้กระสุนสักนัด เหมือนที่อเมริกาเคยล้มจักรวรรดิอังกฤษสำเร็จมาแล้ว

ในการแข่งขันระดับโลกนี้ จีนใช้ความอดทนและการวางแผนระยะยาวเป็นเครื่องมือสร้างความสำเร็จ พวกเขาเข้าใจว่าการเป็นมหาอำนาจไม่ได้สร้างขึ้นชั่วข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลาหลายทศวรรษในการสร้างรากฐานที่มั่นคง

บริษัทจีนฝ่าฟันต่อสู้อย่างชาญฉลาด ใช้ทั้งกลยุทธ์ทางการตลาด การวิจัยและพัฒนา และการสนับสนุนจากรัฐบาล จนมาถึงจุดที่โลกต้องอ้าปากค้างกับความก้าวหน้าของพวกเขา

สุดท้ายแล้ว ความเทพของจีนอยู่ที่ความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ระยะยาว พวกเขาไม่ได้มองแค่ผลกำไรระยะสั้น แต่มองถึงการครองโลกในอนาคต และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นอย่างมั่นคง ด้วยแรงขับเคลื่อนที่ฉุดไม่อยู่อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับผม

References :
หนังสือ The Hundred-Year Marathon: China’s Secret Strategy to Replace America as the Global Superpower โดย Michael Pillsbury

Geek Story EP328 : AWS เครื่องจักรทำเงินแสนล้าน เมื่อปัญหาภายในองค์กรกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจระดับโลก

ลองจินตนาการภาพเดือนกันยายนปี 2003 Andy Jassy กำลังนั่งอยู่ด้วยความกังวล ความคิดหนึ่งที่เขาครุ่นคิดมานานกว่าปีกำลังจะถูกนำเสนอต่อทีมผู้บริหารระดับสูงของ Amazon แนวคิดนั้นคือการที่ Amazon ควรเริ่มสร้างและจำหน่ายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้กับบุคคลภายนอก เขารู้ดีว่าหากไม่สามารถโน้มน้าว Jeff Bezos และทีมผู้บริหารคนอื่นๆ ได้ นั่นไม่เพียงส่งผลเสียต่ออนาคตในบริษัทของเขาเท่านั้น แต่ Amazon ยังอาจพลาดโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่อีกด้วย

และเมื่อถึงเวลานำเสนอ Jeff Bezos ตัดสินใจอนุมัติแผนอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้น ไม่มีใครเลยที่คาดคิดว่าพวกเขากำลังเริ่มต้นธุรกิจที่ภายใน 20 ปีต่อมาจะมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ นี่คือเรื่องราวของ AWS หรือ Amazon Web Services ที่กลายเป็นหนึ่งในแนวคิดปฏิวัติวงการเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นการก้าวเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify :
https://tinyurl.com/5f85anew

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/3jbtjynm

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/36p9czhk

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/l67zV5n86uE