Geek Story EP313 : Hi5 ตายแล้วหรือยัง? จากราชาโซเชียลสู่ความเงียบงัน เส้นทางการล่มสลายที่ไม่มีใครเชื่อ

ยุค 2007 Hi5 ถือว่าเจ๋งมากๆ ในแวดวงโซเชียลมีเดีย โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์หลักรองจาก MySpace เท่านั้น แต่โชคชะตาของยักษ์ใหญ่โซเชียลรายนี้กลับพลิกผัน เมื่อถูกขายให้กับ Tagged ในปี 2011 และถูกส่งต่อไปยัง MeetMe ในราคาประมาณ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของหลายครั้งนี้ทำให้สถานการณ์ของ Hi5 เรียกว่าดิ่งลงเหว

ยุคของการตกแต่งโปรไฟล์ด้วยพื้นหลังสุดมัน, GIF กระฉูด และเพลย์ลิสต์เพลงถูกแทนที่ด้วยประสบการณ์โซเชียลมีเดียที่สะอาดมากขึ้น พอดแคสต์ EP นี้จะพาทุกคนไปสำรวจการเติบโตและการล่มสลายของ Hi5 รวมถึงวิเคราะห์ว่าการขายให้กับ Tagged และ MeetMe ส่งผลกระทบต่อการเติบโตและนวัตกรรมของแพลตฟอร์มนี้อย่างไร

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/3yrdwvdb

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/25rmrj3z

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4utmfpy2

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/j_V2ZKe8Rts

Grok 3 AI สุดแกร่งท้าชนทุกค่าย นวัตกรรมใหม่จาก Elon Musk ทำไมถึงเป็น AI ที่น่าจับตามองที่สุดในตอนนี้

เมื่อ Elon Musk บอกว่า Grok 3 เป็น AI ที่ฉลาดที่สุดในโลก หลายคนคงคิดว่าเป็นแค่การโม้ล้วนๆ แต่ต้องบอกว่าคำพูดนี้มีหลักฐานรองรับเพียบ! Grok 3 ผ่านการทดสอบมาแบบโหดมาก แถมยังมีความสามารถที่เหนือชั้นกว่า AI ตัวอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด

โลกของเทคโนโลยี AI กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และการมาถึงของ Grok 3 ก็เหมือนกับการผลักดันวงการ AI ให้พุ่งทะยานไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ธรรมดา แต่เป็นการเปิดศักราชใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดจนน่าตกใจ

ถ้าพูดถึงการทดสอบมาตรฐานทั่วไป Grok 3 โชว์ฟอร์มแบบไม่มีใครเทียบได้เลย แม้แต่รุ่นเล็กอย่าง Grok 3 Mini ก็ยังเทพกว่าคู่แข่งอย่าง Gemini 2, Deep Seek V3, Claude 3.5 Sonnet หรือแม้แต่ GPT-4 ที่เพิ่งอัพเดตมาใหม่ๆ

ความโหดของ Grok 3 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทดสอบแบบเดิมๆ แต่มันยังทำคะแนนแบบพุ่งกระฉูดในการทดสอบรูปแบบใหม่ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของ AI โดยเฉพาะ

ทีมพัฒนาได้ทดสอบ Grok 3 ใน 3 ด้านหลักๆ คือ การให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ ความรู้ด้าน STEM และวิทยาศาสตร์ และความเชี่ยวชาญในการเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์

ในการทดสอบ American Invitational Math Examination (AME) ซึ่งเป็นการสอบที่โหดมากสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย Grok 3 ทำได้ดีมากๆ จนน่าทึ่ง แม้แต่ Grok 3 Mini ก็ยังทำคะแนนได้สูงกว่าคู่แข่งทั้งหมด

หลายคนอาจคิดว่า AI พวกนี้แค่จดจำข้อมูลจากตำราเรียนหรือโค้ดจาก GitHub เท่านั้น แต่ Grok 3 พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันเก่งกว่านั้นเยอะ

ในการทดสอบผ่าน Chatbot Arena ซึ่งเป็นการทดสอบแบบไม่บอกชื่อ AI Grok 3 ชนะคู่แข่งแบบขาดลอย คนทดสอบไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังคุยกับ AI ตัวไหน แต่เลือกคำตอบของ Grok 3 ว่าดีกว่าตลอด

ที่น่าสนใจมากๆ คือ ในการทดสอบภายใต้ชื่อรหัส “Chocolate” บน Chatbot Arena Grok 3 ได้คะแนน ELO พุ่งกระฉูดถึง 1,400 คะแนน ซึ่งไม่มี AI ตัวไหนเคยทำได้มาก่อน!

ความเทพนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ด้านเดียว แต่ครอบคลุมทั้งการสนทนา การทำตามคำสั่ง และการเขียนโค้ด

เพื่อพิสูจน์ว่า Grok 3 ใช้งานได้จริง ทีมพัฒนาได้ท้าทายมันด้วยโจทย์สุดโหด อย่างเช่น การคำนวณเส้นทางเดินทางระหว่างโลกกับดาวอังคาร

Grok 3 ไม่เพียงแต่วิเคราะห์โจทย์ได้อย่างลึกซึ้ง แต่ยังเขียนโค้ด Python ที่ใช้ Matplotlib สร้างภาพเคลื่อนไหว 3 มิติได้อย่างสวยงาม คำนวณเส้นทางโดยคำนึงถึงกฎของเคปเลอร์และหลักฟิสิกส์ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

ภาพจำลองที่ Grok 3 สร้างขึ้นสมจริงมาก แสดงให้เห็นการเดินทางจากโลกไปดาวอังคาร และกลับมายังโลกได้อย่างยอดเยี่ยม

Grok 3 ไม่ได้หยุดแค่ความสามารถพื้นฐาน แต่ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เด็ดอย่าง Deep Search ที่ยกระดับการค้นหาข้อมูลให้ฉลาดขึ้น

Deep Search ไม่ใช่แค่ค้นหาข้อมูลธรรมดา แต่มันวิเคราะห์และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลอย่างละเอียด เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้ แม้จะเป็นคำถามที่ซับซ้อน

มันสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงจากหลายแหล่งพร้อมกัน และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลได้อย่างเจ๋งมากๆ พร้อมระบบตรวจสอบความน่าเชื่อถือที่ทำให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำสูง

ที่เจ๋งสุดๆ คือ ผู้ใช้สามารถเห็นกระบวนการคิดและการวิเคราะห์ของ Deep Search ได้ ทำให้เข้าใจที่มาของคำตอบและตรวจสอบความถูกต้องได้ตลอดเวลา

Deep Search ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง ตั้งแต่การหาข้อมูลทั่วไปยันการวิเคราะห์เชิงลึก

เช่น เมื่อคุณถามเกี่ยวกับกำหนดการปล่อยยาน Starship ครั้งต่อไป Deep Search จะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง แล้วให้คำตอบที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ

หรือถ้าคุณสนใจการแข่งขัน March Madness (การแข่งขันบาสเกตบอลชิงแชมป์ดิวิชัน 1 ของ NCAA) มันก็สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและทำนายผลได้อย่างน่าทึ่ง สำหรับนักศึกษาและนักวิจัย Deep Search ช่วยค้นหาและสังเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มคุณภาพงานได้อย่างเหลือเชื่อ

Grok 3 ถูกออกแบบให้เข้าถึงได้ง่ายผ่านหลายช่องทาง เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกประเภท โดยมีช่องทางหลักคือเว็บไซต์ grok.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีความสามารถครบถ้วนที่สุด อัพเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ และรองรับงานซับซ้อนที่ต้องการพลังประมวลผลสูง

สำหรับคนที่ชอบความสะดวก มีแอพ iOS ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

ถ้าเป็นผู้ใช้ขั้นเทพที่ต้องการฟีเจอร์ล้ำๆ ก็มี Super Grok ให้เลือกใช้ ที่คุณจะได้เข้าถึงฟีเจอร์ทดลองและนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนใคร แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

ทีมพัฒนา Grok 3 ยังคงปรับปรุงและพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกด้าน ทั้งเรื่องความเร็วในการประมวลผลที่จะเร็วกว่าเดิม ความแม่นยำในการวิเคราะห์ที่จะแม่นยำยิ่งขึ้น และการพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวที่จะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ยังมีแผนขยายฟีเจอร์ให้ทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ ได้ดีขึ้น พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง และเพิ่มการรองรับภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลายมากขึ้น

ด้านความปลอดภัยก็ไม่ได้มองข้าม มีการเสริมความแข็งแกร่งของระบบรักษาความปลอดภัย พัฒนาระบบตรวจสอบและป้องกันการใช้งานที่ไม่เหมาะสม รวมถึงปรับปรุงการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ด้วย

การมาถึงของ Grok 3 สั่นคลอนวงการเทคโนโลยี AI อย่างมาก และจะยิ่งมีผลกระทบมากขึ้นในอนาคต

มันยกระดับความคาดหวังต่อความสามารถของ AI ให้สูงขึ้น สร้างแนวทางใหม่ในการพัฒนาและทดสอบ AI และกำหนดมาตรฐานใหม่ของการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI

ในแง่ธุรกิจ Grok 3 เปิดโอกาสใหม่ในการใช้ AI ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม สร้างโมเดลการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเพิ่มความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น

สำหรับวงการการศึกษา Grok 3 กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้และการสอน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำวิจัย และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการค้นพบความรู้ที่ลึกซึ้ง

Grok 3 ไม่ใช่แค่ AI รุ่นใหม่ธรรมดา แต่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบสุดๆ

ด้วยความสามารถที่หลากหลายและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Grok 3 กำลังพาเราเข้าสู่ยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่เพียงแต่ฉลาด แต่ยังเข้าใจและตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง

การพัฒนาของ Grok 3 ยังคงดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง และคาดว่าในอนาคตอันใกล้ จะมีการเปิดตัวความสามารถใหม่ๆ ที่จะยิ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการ AI

ไม่ว่าจะเป็นในวงการแพทย์ การศึกษา หรือแม้แต่การสำรวจอวกาศ Grok 3 มีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงในทุกวงการ

นี่คือยุคทองของ AI ที่ Grok 3 กำลังจะขึ้นมาเป็นผู้นำสำหรับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้!

Geek Story EP312 : ทำไม Steve Jobs ถึงถูกไล่ออก? ตำนานผู้กลับมาแก้แค้น เพื่อเปลี่ยน Apple ให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

Steve Jobs ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Apple เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในวงการเทคโนโลยีโลก เขาเป็นผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถผลักดันบริษัทเทคโนโลยีจากธุรกิจเริ่มต้นในห้องใต้ดินให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทรงอิทธิพล สำคัญ และทำกำไรมากที่สุดในโลก เส้นทางชีวิตและอาชีพของเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย อุปสรรค และบทเรียนมากมายที่ทำให้เราได้เห็นว่าความล้มเหลวสามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสแห่งความสำเร็จได้อย่างไร

Jobs กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านตั้งแต่อายุเพียง 22 ปี เขามีชื่อเสียงในด้านการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และการไม่ยอมประนีประนอมกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ในขณะเดียวกัน เขาก็มีชื่อเสียงในการเป็นคนที่ยากจะทำงานด้วย มีวิธีการบริหารจัดการแบบเข้มงวด และมีวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลกว่าคนในยุคเดียวกัน สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การถูกไล่ออกจากบริษัทของเขาเอง ก่อนที่จะกลับมาปฏิวัติ Apple และวงการเทคโนโลยีโลกอีกครั้ง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/37hxdkps

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/nssmdeek

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4ffmsx7u

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/oaISfckaUwE

หุ้นร่วง แต่ทำไมนักการเมืองรวย? Congress Insider Trading เมื่อผู้ออกกฎลงมาเล่นหุ้นซะเอง

ลองนึกภาพกันดู วันที่ 19 กันยายน 2008 Spencer Bachus สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันเดิมพันว่าตลาดหุ้นจะร่วงลงเละไม่เป็นท่า ทุกๆ 1% ที่ดัชนี NASDAQ ลดลง เงินของเขาเพิ่มขึ้น 200%

เรียกได้ว่าเป็นการเดิมพันที่โครตเทพมาก เพราะเพียงแค่ 4 วันต่อมา เขาขายทำกำไรได้เกือบเท่าตัว ราวกับมีเวทมนตร์ช่วยให้เขามองเห็นอนาคต

แต่เอาเข้าจริง ไม่มีเวทมนตร์บ้าบออะไรหรอก เพราะก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว Bachus ได้เข้าประชุมลับกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงการคลังและธนาคารกลาง การประชุมที่เป็นสุดยอดความลับขนาดที่ว่าทุกคนต้องฝากโทรศัพท์ไว้ก่อนเข้า

ในที่ประชุม เขาได้รับแจ้งว่า “อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเกิดการล่มสลายของระบบการเงินโลก” และสิ่งที่น่าตกตะลึงคือ การเดิมพันในลักษณะนี้ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

ในระบบการเมืองสหรัฐฯ การซื้อขายหุ้นของนักการเมืองเป็นข้อมูลสาธารณะ ทำให้เราเห็นรูปแบบการใช้ข้อมูลวงในเพื่อทำกำไรมหาศาล จนอ้าปากค้างกันไปเลยทีเดียว

โลกธุรกิจทั่วไปมีกฎหมายห้ามใช้ข้อมูลวงในเพื่อทำกำไรในตลาดหุ้นมาเกือบศตวรรษแล้ว เช่น CEO ของ Microsoft ไม่สามารถขายหุ้นก่อนที่จะประกาศผลประกอบการย่ำแย่ได้

แต่ดูเหมือนว่านักการเมืองจะเป็นกลุ่มพิเศษที่ข้อจำกัดเหล่านี้ไม่ค่อยมีผล พวกเขาเข้าถึงข้อมูลสำคัญผ่านการประชุมคณะกรรมการและการพบปะกับผู้บริหารบริษัทตลอดเวลา

การศึกษาหนึ่งพบว่าในทศวรรษ 1990 วุฒิสมาชิกมีผลตอบแทนสูงกว่าตลาดถึง 12% ต่อปี เจ๋งกว่าแม้แต่ Warren Buffett ที่ทำได้แค่ 2.5% ในช่วงเดียวกัน

เมื่อวิกฤตการเงินปี 2008 เกิดขึ้น Washington Post พบว่ามีนักการเมืองอย่างน้อย 34 คนที่ปรับพอร์ตการลงทุนถึง 166 ครั้งภายในเพียงสองวันหลังคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล เรียกได้ว่าเป็นการจับเสือมือเปล่าอย่างแท้จริง

แรงกดดันทำให้ในปี 2012 รัฐสภาผ่านกฎหมาย STOCK Act เพื่อห้ามการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลวงิน แต่มันกลับมีช่องโหว่มากมายและไม่ได้แก้ปัญหาอย่างแท้จริง

ตัวอย่างที่โหดสุดๆ คือกรณีของ Richard Burr วุฒิสมาชิกจากนอร์ทแคโรไลนา ในช่วงต้นปี 2020 เขาได้รับฟังการบรรยายลับเกี่ยวกับความรุนแรงของโควิด-19

หลังจากนั้นไม่นาน Burr ขายหุ้นมูลค่ากว่าหนึ่งล้านดอลลาร์ก่อนตลาดดิ่งลงเหว เขายังโทรบอกพี่เขยที่รีบขายหุ้นมูลค่ากว่าแสนดอลลาร์ทันที

ในที่สาธารณะ Burr บอกว่าสหรัฐฯ “พร้อมรับมือไวรัส” แต่กลับพูดกับกลุ่มสังคมชั้นสูงที่สนิทกับเขาว่า “มันแพร่กระจายรุนแรงกว่าที่เคยเห็นในประวัติศาสตร์” เรียกได้ว่าพูดอย่างทำอย่าง

Ro Khanna สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากแคลิฟอร์เนียก็มีพฤติกรรมน่าตะหงิดใจไม่แพ้กัน ครอบครัวของเขาซื้อขายมากกว่า 10,500 ครั้งกับบริษัทเกือบ 900 แห่ง

New York Times พบว่า 149 บริษัทในจำนวนนี้เป็นบริษัทที่ Khanna น่าจะมีข้อมูลวงใน เพราะเขานั่งในคณะกรรมการที่กำกับดูแลพวกเขาโดยตรง

Nancy Pelosi อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรและสามีก็โครตเทพด้านการลงทุน หลังวิกฤตการเงินปี 2008 ทรัพย์สินของครอบครัวเพิ่มจาก 31 ล้านเป็นมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ พุ่งทะยานถึง 220%

ในช่วงโควิด-19 ทรัพย์สินของครอบครัว Pelosi เพิ่มจาก 106 ล้านเป็น 171 ล้านดอลลาร์ภายในเพียงสองปี ทำเอานักลงทุนถึงกับสร้างมีม “อยากรวยให้ดูว่า Nancy Pelosi กำลังทำอะไร”

Marjorie Taylor Greene สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน ลงทุนใน Lockheed Martin และ Chevron ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2022 วันถัดมาเธอทวีตว่า “สงครามและข่าวลือเรื่องสงครามทำกำไรได้มากและมันง่ายดีแท้”

วันถัดมา รัสเซียบุกยูเครน ทำให้หุ้นของเธอพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จังหวะเป๊ะเวอร์ ฉาวโฉ่แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้

Kelly Loeffler อดีตวุฒิสมาชิกจากจอร์เจียก็เล่นเกมเดียวกัน หลังเข้าประชุมลับเกี่ยวกับโควิด-19 เธอและสามีขายหุ้นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ก่อนตลาดร่วงหนัก

Dianne Feinstein วุฒิสมาชิกอีกคน หลังได้ฟังบรรยายเรื่องโควิด-19 สามีของเธอก็ขายหุ้นมูลค่า 1.5-6 ล้านดอลลาร์ เมื่อถูกสอบสวน เธออ้างว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของสามี

David Perdue อดีตวุฒิสมาชิกทำการซื้อขายถึง 2,596 ครั้งในวาระเดียว New York Times พบว่าเขามักซื้อขายหุ้นในบริษัทที่เขาเองเป็นกรรมการกำกับดูแล

แม้ STOCK Act จะมีเจตนาดี แต่บทลงโทษกลับเบาหวิว การไม่รายงานการซื้อขายอาจโดนปรับแค่ 200 ดอลลาร์ ทั้งที่กำไรอาจเป็นหลายสิบล้าน

ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย แต่เป็นเรื่องความไว้วางใจในระบบประชาธิปไตย เมื่อประชาชนเห็นผู้แทนใช้ตำแหน่งหาผลประโยชน์ส่วนตัว ความเชื่อมั่นก็สั่นคลอน

มีความพยายามผลักดันกฎหมายใหม่ เช่น PELOSI Act แต่มักถูกมองว่าเป็นเพียงการเมืองเชิงสัญลักษณ์ ไม่ใช่การแก้ปัญหาจริงจัง

ในท้ายที่สุด ตลาดเสรีจะมีความหมายก็ต่อเมื่อทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ระบบที่คนกลุ่มเล็กที่มีอำนาจและข้อมูลพิเศษสามารถฉกฉวยผลประโยชน์เหนือคนอื่น

การปล่อยให้สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปไม่เพียงบั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบการเมือง แต่ยังทำลายหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตยที่ว่าทุกคนควรอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ในระบบที่ผู้มีอำนาจเขียนกฎกติกาเอง จะไม่มีทางที่กฎเหล่านั้นจะเข้มงวดพอที่จะมาทำลายชีวิตของพวกเขาเอง มันจึงเป็นเรื่องของประชาชนที่ต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องความโปร่งใสและความรับผิดชอบจากผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง

และในประเทศไทยก็เช่นเดียวกันนะ !!!