มันเป็นคำถาที่น่าสนใจนะครับว่า คนที่ประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจมีอะไรเหมือนกัน? พวกเขาเหล่านี้มักจะรู้ว่าตัวเองมีศักยภาพที่จะก้าวไปไกลกว่าจุดที่เป็นอยู่ และพร้อมทุ่มเทเวลาและพลังงานเพื่อพัฒนาตัวเอง
เมื่อคุณมีทักษะมากขึ้น สิ่งที่คุณทำได้นั้นจะยิ่งดีขึ้น ลองมาดูเรื่องราวของคนธรรมดาที่สร้างธุรกิจระดับโลกกัน ผ่านเคสที่น่าสนใจจาก Warren Buffet นักลงทุนระดับโลก
เริ่มจาก Rose Blumkin หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mrs. B ผู้อพยพชาวยิวรัสเซียที่มาถึง Seattle ในปี 1917 ด้วยความที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
เธอมาพร้อมกับป้ายแขวนคอที่เขียนว่า Fort Dodge, Iowa Red Cross เพื่อไปพบสามีที่มาถึงอเมริกาก่อนหน้านี้สองปี
หลังจากใช้ชีวิตที่ Fort Dodge สองปีด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนคนเข้าป่า เธอย้ายไป Omaha ในปี 1919 เพื่อหาชุมชนที่พูดภาษาเดียวกัน
ที่ Omaha เธอพบชุมชนชาวยิวรัสเซียเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น Francis ลูกสาวคนโตเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนและกลับมาสอนแม่
Rose ใช้เวลา 20 ปีในการเก็บเงินทีละน้อยจากการขายเสื้อผ้ามือสอง เพื่อนำพี่น้องและพ่อแม่มาอเมริกา ระหว่างนั้นเธอมีลูกถึง 4 คน
จุดพีคของชีวิตเกิดขึ้นในปี 1937 เมื่อ Rose มีเงินเก็บ 2,500 ดอลลาร์ เธอตัดสินใจเดินทางไปชิคาโกเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์มาขาย
ผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับการศึกษาในระบบคนนี้ สร้างธุรกิจที่เติบโตจนขายให้กับ Berkshire ในปี 1983 ด้วยมูลค่าประมาณ 60 ล้านดอลลาร์
ปัจจุบัน ธุรกิจนี้ทำยอดขายได้ถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ และมีทายาทรุ่นที่ 4 กำลังสืบทอดกิจการ Mrs. B ทำงานจนอายุ 103 ปี ก่อนจะเกษียณและเสียชีวิตในปีถัดมา เธอไม่ได้คิดค้นอะไรใหม่ในวงการเฟอร์นิเจอร์เลยด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จคือความมุ่งมั่น การทำงานหนักกว่าใคร การใส่ใจลูกค้า และการยอมรับกำไรขั้นต้นที่ต่ำเพื่อสร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่
อีกเรื่องราวที่น่าทึ่งคือ Jack Taylor ผู้ก่อตั้ง Enterprise ชายที่เกิดในปี 1922 เรื่องของเขาน่าสนใจไม่แพ้ Mrs. B เลย
Jack เป็นนักกีฬาที่มีความสามารถพอประมาณ แต่ไม่ใช่คนที่ชอบเรียนหนังสือ เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพียงปีเดียวก่อนลาออกในปี 1941
เมื่อสหรัฐฯ ถูกโจมตี แม้จะถูกกองทัพอากาศปฏิเสธเพราะแพ้เกสรดอกไม้ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ และได้เข้าร่วมกองทัพเรือแทน
Jack ได้รับเหรียญ Distinguished Flying Cross ถึงสองครั้งจากการบินเครื่องบินรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังสงคราม Jack กลับมาที่ Midwest และผ่านงานหลายตำแหน่งก่อนจะมาเป็นพนักงานขายรถมือสองที่ตัวแทนจำหน่าย Cadillac ใน St. Louis
เมื่ออายุ 35 ปี เขาตัดสินใจขอเป็นหุ้นส่วนธุรกิจให้เช่ารถกับเจ้านาย โดยยอมลดเงินเดือนลงครึ่งหนึ่งและกู้เงิน 25,000 ดอลลาร์
จุดเริ่มต้นของ Enterprise นั้นเริ่มจากรถเพียง 7 คัน ธุรกิจในช่วงแรกเงียบมาก จนบางครั้ง Jack ต้องปล่อยให้โทรศัพท์ดังหลายครั้ง เขาทำแบบนี้เพื่อให้ดูเหมือนว่ามีลูกค้าติดต่อเข้ามาเยอะ ทั้งที่บางวันอาจมีเพียงสายเดียว
เมื่ออายุ 40 ปี Jack ตัดสินใจก้าวเข้าสู่ธุรกิจให้เช่ารถอย่างจริงจังด้วยรถเพียง 17 คัน ท่ามกลางการแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง Hertz, Avis และ National
บริษัทเหล่านี้มีรถในครอบครองนับแสนคัน เรียกได้ว่าเข้าถ้ำเสือแบบไม่กลัวตาย แม้ว่ารถของเขาจะไม่ได้แตกต่างจากคู่แข่งเพราะซื้อจากผู้ผลิตเดียวกัน และไม่มีสาขาในสนามบินเหมือนบริษัทใหญ่
แต่สิ่งที่เขามุ่งมั่นคือการมอบบริการที่เป็นมิตรและประทับใจลูกค้ามากกว่าที่เคยได้รับจากที่ไหน Jack ตั้งชื่อบริษัทว่า Enterprise ตามเรือรบที่เขาเคยบินในสงครามแปซิฟิก หลักการทำธุรกิจของเขานั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง
เขาเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งพนักงานและลูกค้า เขาเชื่อว่าถ้าพนักงานมีความสุข พวกเขาจะส่งต่อความรู้สึกดีๆ นั้นไปยังลูกค้า
ปัจจุบัน Enterprise มีมูลค่ามากกว่า Hertz, Avis และบริษัทให้เช่ารถอื่นๆ รวมกัน นี่คือความสุดยอดของคนที่รู้จักเอาใจลูกค้า
ธุรกิจถูกสืบทอดโดย Andy Taylor ลูกชายของ Jack พร้อมด้วยหลานที่เข้ามาร่วมงาน และคาดว่าจะมีทายาทรุ่นที่ 4 สืบทอดกิจการต่อไป
บทเรียนเจ๋งๆ จากความสำเร็จของทั้ง Mrs. B และ Jack Taylor คือการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าเหนือสิ่งอื่นใด
พวกเขาไม่ได้กังวลกับปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ แต่มุ่งเน้นที่การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการ เหมือนกับ Henry Ford ที่ล้มเหลวถึง 2 ครั้งก่อนจะประสบความสำเร็จกับ Ford Motor Company ในปี 1903
ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การคิดไอเดียที่ยิ่งใหญ่ได้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่อยู่ที่การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องว่าจุดแข็งของคุณคืออะไร คุณจะสร้างคุณค่าอะไรให้กับลูกค้าได้บ้าง และคุณจะทำให้พวกเขาประทับใจได้อย่างไร
การสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยทั้งความรู้และความปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทุกวัน ประสบการณ์ที่ดีจะอยู่ในความทรงจำของลูกค้าไปตลอด ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม
คุณอาจลืมราคาสินค้าที่ซื้อไป แต่จะไม่มีวันลืมว่าประสบการณ์การซื้อนั้นดีหรือแย่ ถ้าลูกค้ามีประสบการณ์ที่แย่ มีความทรงจำเกี่ยวกับความหยาบคาย ความเพิกเฉย พวกเขาจะไม่มีวันกลับมาอีก แต่ถ้าพวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดี พวกเขาจะกลับมาซ้ำและแนะนำธุรกิจของคุณต่อไป
การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าต้องทำผ่านพนักงานทุกคนในองค์กร ผู้นำธุรกิจต้องใส่ใจในการดูแลพนักงาน ให้พวกเขารู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม และความคิดเห็นของพวกเขามีคุณค่า พนักงานที่มีความสุขและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรจะส่งต่อความรู้สึกดีๆ นั้นไปยังลูกค้า
การเลือกคบหาสมาคมกับคนที่จะช่วยผลักดันให้คุณก้าวหน้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของธุรกิจหรือชีวิตส่วนตัว
การรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ดีกว่าจะช่วยให้คุณเติบโตและพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจก็จะพุ่งทะยานตามไปด้วย
ความเจ๋งของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนไม่ได้เกิดจากการเพิ่มทุนหรือการกู้ยืม แต่เกิดจากการที่ธุรกิจสามารถสร้างผลกำไรและเติบโตได้ด้วยตัวเอง เป็นการก่อร่างสร้างตัวอย่างแท้จริง
Nebraska Furniture Mart ของ Mrs. B และ Enterprise ของ Jack Taylor แทบไม่ต้องเพิ่มทุนเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจเติบโตจากกำไรที่นำกลับมาลงทุนต่อ ไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ
สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ สิ่งสำคัญไม่ใช่การคิดค้นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่หรือการมีเงินทุนมหาศาล แต่อยู่ที่ความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองและธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การทำงานหนักควบคู่ไปกับการเพิ่มพูนทักษะ และที่สำคัญที่สุดคือการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกจุดสัมผัส
เส้นทางสู่ความสำเร็จอาจไม่ได้ราบรื่นเสมอไป แต่ด้วยความมุ่งมั่น การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้อง ทุกคนมีโอกาสที่จะสร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะสิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง สำหรับผู้ที่พร้อมจะเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
ขอเพียงแค่ฝ่าฝันต่อสู้ เรียนรู้จากความผิดพลาด และไม่ยอมแพ้ คุณก็จะสามารถขีดเขียนชะตาชีวิตได้ด้วยตัวเอง