Geek Story EP290 : ย้อนรอยวิกฤตดอทคอม บทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุนยุค AI Boom

ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เทคโนโลยีที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ตกำลังปฏิวัติวิถีชีวิตของผู้คนในทุกด้าน จากจุดเริ่มต้นที่มีผู้ใช้งานเพียง 2.6 ล้านคนในปี 1990 จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 45 ล้านคนในเวลาเพียง 5 ปี อัตราการเติบโตที่น่าทึ่งนี้ทำให้จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุกๆ ปี ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่รวดเร็วกว่าการแพร่หลายของวิทยุและโทรทัศน์ในยุคแรกเริ่มของสื่อเหล่านั้นอย่างเทียบกันไม่ได้

ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่จำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น แต่ยังรวมถึงวิธีการที่ผู้คนใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ในชีวิตประจำวัน อินเทอร์เน็ตเริ่มเปลี่ยนแปลงทุกอย่างตั้งแต่วิธีการติดต่อสื่อสาร การทำธุรกิจ ไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน นักลงทุนและผู้ประกอบการต่างมองเห็นโอกาสมหาศาลในการสร้างธุรกิจบนแพลตฟอร์มใหม่นี้

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/3sw87jm9

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/3rvvcjkc

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4tfhjcfz

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/n7N44dHL8uY

กลุ่มบริษัท ShareInvestor (ประเทศไทย) มุ่งเป็นผู้นำการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจไทยอย่างยั่งยืนสู่เวทีโลก จัดสัมมนาใหญ่ “ปลดล็อก ESG: เพื่อการประเมินและสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ”

กลุ่มบริษัท ShareInvestor (ประเทศไทย) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านงานสื่อสารเพื่อนักลงทุน เดินหน้าส่งเสริมความยั่งยืนให้กับภาคธุรกิจไทย โดยจัดสัมมนาใหญ่ “ปลดล็อก ESG: เพื่อการประเมินและสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ” เตรียมความพร้อมให้บริษัทจดทะเบียนในการยกระดับการประเมินความยั่งยืนจาก SET ESG Rating สู่ FTSE Russell ESG Scores ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล

คุณจณิสตา เถาสุวรรณ์ (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ShareInvestor (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในยุคที่ ESG เป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ การเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนอย่างถูกต้องและโปร่งใสมีผลต่อการประเมินของนักลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง งานสัมมนานี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้บริษัทจดทะเบียนสามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ESG ในระดับสากล”

ภายในงานได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG และความยั่งยืนร่วมบรรยายและเสวนา ได้แก่

คุณสินีนาฏ แจ่มศรี (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

คุณอนันตชัย ยูรประถม (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน (SBDi)

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กฤษณะ บุหลัน (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวท์ ยูนิคอร์น จำกัด

คุณพงศ์พชร พินิจปรีชา (ขวาสุด) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

ภายในงานมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG และการเสวนาในหัวข้อ “ความร่วมมือระหว่าง ShareInvestor (ประเทศไทย) และภาคส่วนต่าง ๆ ในการปรับปรุงและสนับสนุนการเปิดเผยข้อมูล ESG” ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมรับฟังอย่างเนืองแน่นเต็มพื้นที่ Conference Hall @ Glowfish Sathorn

รับชมบันทึกการบรรยายและสรุปไฮไลต์ของงานสัมมนาได้ที่:

https://www.shareinvestorthailand.com/en/blogs/26/highlights-from-our-recent-event-unlocking-esg-for-effective-assessment-and-communication

บุญรอดฯ เปิด “มีเฮ” โซจูแบรนด์ไทย ไร้น้ำตาลเจ้าแรก

บุญรอดฯ เปิดตัว “มีเฮ” (MEHAY) โซจูไร้น้ำตาลเจ้าแรกในไทย 3 รสชาติ Ume, Honeydew Melon และ Red Sorbet  ด้วยวัตถุดิบนำเข้าคุณภาพเยี่ยม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

นายเมธี อัครมหาพาณิชย์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส Brand Management บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า “มีเฮ” เป็นแบรนด์โซจูแบรนด์แรกที่บริษัทผลิตออกวางจำหน่าย โดยเลือกใช้วัตถุดิบเกรดคุณภาพจากต่างประเทศ พร้อมมีรสชาติหลากหลายและจุดเด่นที่แตกต่างด้วยการเป็นโซจูที่ไม่มีน้ำตาล ทำให้ “มีเฮ” สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี

มีเฮ” ผลิตจาก GNS (Grain Neutral Spirits) ประกอบไปด้วย 3 รสชาติทางเลือกที่แตกต่าง ได้แก่ Ume กับความหอมของบ๊วยที่คุ้นเคย Honeydew Melon ใช้สายพันธุ์เมล่อนคุณภาพพรีเมียม และ Red Sorbet รสชาติใหม่ในตลาดโซจูไทย พร้อมกันนี้ยังตอบโจทย์สายดื่มที่รักสุขภาพ กับนวัตกรรมสูตรไร้น้ำตาลเจ้าแรกของไทย ด้วยเช่นกัน

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายของ “มีเฮ” มีทั้งในร้านโมเดิร์นเทรด ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึง 7-Eleven โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าด้วยจุดเด่นด้านนวัตกรรม คุณภาพ และการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ จะทำให้ “มีเฮ” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดและผู้บริโภค ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีการวางแผนขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้นในอนาคต