จากคนที่แย่ที่สุด สู่คนที่ดีที่สุด : Your Future Self หยุดทำร้ายตัวเองในอนาคตด้วยการตัดสินใจผิดๆ วันนี้

ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกหนึ่งเล่มนะครับ หนังสือ “Your Future Self” ที่เขียนโดย Hal Hershfield ได้เปิดมุมมองใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง ผ่านแนวคิดที่ท้าทายความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าตัวตนของเราเป็นสิ่งที่หยุดนิ่งและไม่เปลี่ยนแปลง

Hershfield นำเสนอมุมมองที่แตกต่างว่า ตัวตนของเราคือการเดินทาง เป็นเรื่องราวที่เขียนขึ้นใหม่ได้เสมอผ่านการตัดสินใจและการกระทำในแต่ละวัน

เรื่องราวของ Pedro Rodriguez Filio ที่ถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างในหนังสือ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของมนุษย์ในการเปลี่ยนแปลงตนเอง แม้จะเคยเป็นอาชญากรที่โหดร้าย แต่เขาก็สามารถพลิกผันชีวิตและสร้างตัวตนใหม่ได้อย่างสิ้นเชิง

การเปลี่ยนแปลงของเขาไม่เพียงท้าทายความเชื่อเรื่องโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราตั้งคำถามกับความเชื่อที่ว่าตัวตนของเราถูกกำหนดโดยอดีตเพียงอย่างเดียว

การค้นพบตัวตน

จากการศึกษาของ Harvard Medical School พบว่า สมองของมนุษย์มีความยืดหยุ่นและสามารถสร้างเส้นทางประสาทใหม่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นพื้นฐานทางชีววิทยาที่รองรับความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตนเองของมนุษย์ เรื่องราวของ Rodriguez Filio เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความจริงข้อนี้

เขาเกิดมาในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรุนแรง มีรอยแผลเป็นบนกะโหลกศีรษะจากการถูกพ่อแท้ ๆ ทำร้าย ความรุนแรงในวัยเด็กนำไปสู่เส้นทางอาชญากรรม

จนกระทั่งในปี 1985 เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 71 ราย แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2007 เมื่อเขาได้รับโอกาสกลับสู่สังคม การเปลี่ยนแปลงของเขาเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมพื้นฐาน เช่น การตื่นแต่เช้าตรู่ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการละเว้นจากสิ่งเสพติดทุกชนิด

การศึกษาอันลึกซึ้งของ Professor Nina Strohminger ได้ช่วยไขปริศนาเกี่ยวกับธรรมชาติของอัตลักษณ์มนุษย์ ผ่านการศึกษาผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ ทั้งผู้ป่วย Alzheimer’s, ALS และ frontotemporal dementia ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า แก่นแท้ของตัวตนไม่ได้อยู่ที่ร่างกายหรือความทรงจำ แต่อยู่ที่คุณค่าทางศีลธรรมและจริยธรรมที่เรายึดถือ

นักประสาทวิทยาได้ค้นพบว่า บริเวณสมองส่วน prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงจริยธรรมและการควบคุมพฤติกรรม สามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้แม้ในวัยผู้ใหญ่ ผ่านการฝึกฝนและประสบการณ์ใหม่ๆ การค้นพบนี้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ Rodriguez Filio ที่เลือกสร้างตัวตนใหม่บนพื้นฐานของคุณค่าที่ดีงาม

ความท้าทายและอุปสรรค

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เราต้องเผชิญกับอคติทางความคิดหลายประการที่ฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือ “projection bias” ที่ทำให้เราเชื่อว่าความรู้สึกและความต้องการในปัจจุบันจะคงอยู่ตลอดไป เช่น การตัดสินใจซื้อบ้านในวันที่อากาศร้อนจัด อาจทำให้เราให้ความสำคัญกับระบบปรับอากาศมากเกินไป โดยลืมพิจารณาปัจจัยสำคัญอื่นๆ

อีกหนึ่งอคติที่สำคัญคือ “end of history illusion” ที่ทำให้เราเชื่อว่าตัวตน ความชอบ และค่านิยมของเราจะไม่เปลี่ยนแปลงในอนาคต

การศึกษาจาก MIT แสดงให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มักประเมินการเปลี่ยนแปลงของตนเองในอนาคตต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 40% ความเชื่อนี้อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม เช่น การสักรูปที่อาจไม่สะท้อนตัวตนในอนาคต หรือการเลือกเส้นทางอาชีพโดยไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของความสนใจ

ความท้าทายสำคัญอีกประการหนึ่งคือการมองตัวตนในอนาคตเป็นคนแปลกหน้า ทำให้เรามักตัดสินใจโดยคำนึงถึงแต่ความสุขเฉพาะหน้า เช่น การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยด้วยบัตรเครดิต การผลัดวันประกันพรุ่งในการทำงานสำคัญ หรือการเลือกรับประทานอาหารที่ให้ความสุขทันทีแทนที่จะคำนึงถึงสุขภาพในระยะยาว

การก้าวข้ามอุปสรรคสู่ความสำเร็จ

Hershfield นำเสนอกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคต โดยเริ่มจากการเปลี่ยนมุมมอง แทนที่จะมองพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า ให้มองว่าเป็นเพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือและการดูแล สร้างวิธีการในการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เช่น การเขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต การสร้างแคปซูลเวลาที่บรรจุความหวังและความฝันของเรา และการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนพร้อมแผนการปฏิบัติที่เป็นขั้นเป็นตอน

นักจิตวิทยาจาก University of Pennsylvania พบว่า การจินตนาการถึงตัวเองในอนาคตอย่างละเอียดสามารถเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานหนักเพื่อเป้าหมายระยะยาวได้ถึง 80%

การสร้างภาพที่ชัดเจนของตัวตนในอนาคตช่วยให้เราตัดสินใจในปัจจุบันได้ดีขึ้น เช่น การจินตนาการถึงตัวเองในวัยเกษียณที่มีความมั่นคงทางการเงิน อาจช่วยให้เราเริ่มออมและลงทุนตั้งแต่วันนี้

การสร้างสมดุลระหว่างความสุขในปัจจุบันกับเป้าหมายระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ แทนที่จะมองว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราสามารถผสมผสานทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันได้อย่างชาญฉลาด เช่น การฟัง Audio Book หรือพอดแคสต์ที่ให้ความรู้ระหว่างออกกำลังกาย การทำงานในร้านกาแฟที่ชื่นชอบเพื่อเพิ่มความสุขในการทำงาน หรือการแบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นขั้นตอนย่อยๆ ที่ทำให้รู้สึกสำเร็จและมีความสุขได้ในทุกๆ วัน

การวิจัยด้านพฤติกรรมศาสตร์พบว่า การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อพฤติกรรมที่ต้องการมีประสิทธิภาพมากกว่าการพึ่งพาแรงจูงใจเพียงอย่างเดียวถึง 3 เท่า ดังนั้น การจัดสภาพแวดล้อมให้สนับสนุนเป้าหมายระยะยาว เช่น การเก็บอาหารที่มีประโยชน์ไว้ใกล้มือ การตั้งค่าหักเงินออมอัตโนมัติ หรือการจัดตารางเวลาที่เอื้อต่อการออกกำลังกาย จึงเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

บทส่งท้าย: สู่อนาคตที่ดีกว่า

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์และความมุ่งมั่นในการพัฒนา แนวคิดของ Hershfield ไม่เพียงช่วยเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวตนในปัจจุบันและอนาคต แต่ยังชี้ให้เห็นว่า การสร้างความเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคตเป็นกุญแจสำคัญสู่การตัดสินใจที่ดีในปัจจุบัน

เมื่อเรามองตัวตนในอนาคตเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ไกลเกินเอื้อม เราจะเริ่มเห็นว่าการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันล้วนมีความหมาย เปรียบเสมือนการวาดภาพที่ค่อยๆ เติมสีและรายละเอียดทีละนิด จนกลายเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบในที่สุด

ในท้ายที่สุด การสร้างอนาคตที่ดีกว่าไม่ใช่เรื่องของการเสียสละความสุขในปัจจุบันทั้งหมด แต่เป็นเรื่องของการสร้างสมดุลและความเชื่อมโยงระหว่างตัวตนในแต่ละช่วงเวลา เหมือนการเต้นรำที่ต้องก้าวไปข้างหน้าและถอยหลังอย่างสอดประสาน เพื่อสร้างท่วงทำนองที่งดงามของชีวิตนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Your Future Self: How to Make Tomorrow Better Today โดย Hal Hershfield

Geek Daily EP266 : อวสาน Programmer? โอกาสหรือวิกฤต เมื่อ AI เขียนโค้ดได้ดีกว่ามนุษย์

ท่ามกลางการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI ในช่วงต้นปี 2025 Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Meta ได้กล่าวถ้อยคำที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการเทคโนโลยีทั่วโลก เขาคาดการณ์ว่าภายในปีเดียวกันนี้ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะมี AI ที่สามารถทำงานได้เทียบเท่ากับวิศวกรระดับกลาง และในอนาคตอันใกล้ โค้ดส่วนใหญ่ในแอปพลิเคชันต่างๆ จะถูกพัฒนาโดย AI Engineers แทนที่จะเป็นวิศวกรที่เป็นมนุษย์

คำกล่าวนี้ไม่ได้มาจาก Zuckerberg เพียงคนเดียว ในปี 2024 มีการเปิดเผยการสนทนาภายในของ Amazon ที่หัวหน้าฝ่าย Cloud ได้กล่าวในทำนองเดียวกันว่า นักพัฒนาส่วนใหญ่อาจหยุดเขียนโค้ดเมื่อ AI เข้ามาแทนที่ ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยโดย Business Insider จากการได้รับบันทึกเสียงการประชุมภายใน ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการเทคโนโลยีอย่างมาก

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/yrxpcrk7

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4n53ze67

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4bajbe69

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/ZZMj7knAHrw