การก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการภายในองค์กรหรือ Intrapreneur นั้นมักเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด เช่นเดียวกับประสบการณ์ของ Dave Raggio ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
เป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจากเวที Ted Talks โดย Dave Raggio ที่ได้มาแบ่งปันบทเรียนสามประการเกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมภายในองค์กรที่เขาเรียนรู้มาอย่างยากลำบาก
เมื่อ Raggio เริ่มต้นการทำงานที่ Intuit ในปี 2020 ในฐานะผู้ดูแลด้านการตลาดและโฆษณาสำหรับผลิตภัณฑ์อย่าง QuickBooks ไม่มีใครคาดคิดว่าบทบาทนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเขาได้มองเห็นโอกาสในการเชื่อมต่อธุรกิจขนาดเล็กที่เป็นลูกค้าของ Intuit กับผลิตภัณฑ์และบริการเสริมที่จะช่วยผลักดันให้พวกเขาเติบโตและประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าเท่านั้น แต่ยังสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับองค์กรด้วย
ความคิดนี้ฝังอยู่ในใจ Raggio แม้ว่าในตอนแรกเขาพยายามจะโฟกัสกับงานประจำที่รับผิดชอบอยู่ แต่แรงบันดาลใจนี้กลับเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจรวบรวมความคิดและข้อเสนอทั้งหมดนำเสนอต่อทีมผู้บริหาร
สิ่งที่ทำให้ Raggio ประหลาดใจคือการตอบรับอย่างเปิดกว้างจากพวกเขา (ทีมผู้บริหาร) ที่พูดว่า “ไปทำเลย” นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่เต็มไปด้วยความผิดพลาดและบทเรียนมากมาย ซึ่งสุดท้ายได้หล่อหลอมให้ Raggio เข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็น Intrapreneur ที่ประสบความสำเร็จ
บทเรียนแรกที่สำคัญคือเรื่องของการสื่อสาร โดยเฉพาะการสื่อสารวิสัยทัศน์ตั้งแต่เริ่มต้นและทำอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงแรก Raggio มีความฝันที่จะสร้างสตาร์ทอัพแบบลับๆ ภายใน Intuit ด้วยการรวมทีมเล็กๆ และทำงานอย่างเงียบๆ โดยจำกัดการรับรู้เฉพาะกลุ่มคนที่จำเป็นเท่านั้น
ด้วยความเชื่อที่ว่ายิ่งมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องมาก ก็จะยิ่งมีกระบวนการและระบบราชการที่ซับซ้อน รวมถึงความคิดเห็นที่หลากหลายที่อาจทำให้การทำงานช้าลง แม้ว่าวิธีนี้จะได้ผลในระยะสั้น แต่เมื่อโครงการเริ่มเติบโตและพัฒนาเป็นธุรกิจที่จริงจัง เขากลับพบว่าต้องการการสนับสนุนจากทีมอื่นๆ อีกมาก
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการขาดการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงาน การสนทนาที่ยากลำบากที่สุดคือการต้องเข้าไปขอความช่วยเหลือจากคนที่มีภาระงานล้นมืออยู่แล้ว โดยที่พวกเขาไม่เคยรับรู้ถึงสิ่งที่ Raggio กำลังทำ แล้วต้องขอให้พวกเขาแบ่งเวลามาช่วยสนับสนุนโครงการ
ช่วงเวลานั้น Raggio รู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ชื่นชอบนัก ความพยายามที่จะเร่งความเร็วในการทำงานกลับกลายเป็นการทำให้ทุกอย่างช้าลง เพราะทุกครั้งที่ต้องติดต่อกับทีมใหม่ เขาก็ต้องเริ่มต้นอธิบายและวาดภาพให้เห็นใหม่ทั้งหมด
จากประสบการณ์นี้ทำให้ Raggio ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการสร้างความสัมพันธ์ผ่านการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งดื่มกาแฟหรือการสังสรรค์เล็กๆ น้อยๆ เขาเริ่มเข้าใจว่าการสร้างความสัมพันธ์ในระดับมนุษย์สำคัญกว่าการติดต่อเชิงธุรกิจเพียงอย่างเดียว
การชวนเพื่อนร่วมงานไปดื่มเบียร์หรือกาแฟพูดคุยกันทำให้ Raggio ได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาระงาน ข้อจำกัดด้านทรัพยากร และสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการแบ่งปันวิสัยทัศน์และความตื่นเต้นของเขาเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถทำเพื่อลูกค้าและองค์กร
การพูดคุยแบบไม่เป็นทางการช่วยสร้างความไว้วางใจและความเข้าใจระหว่างทีมได้ดีกว่าการประชุมทางการ เพราะทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น
บทเรียนที่สองที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือการรับฟังอย่างตั้งใจและสม่ำเสมอ ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีในวงการการตลาด ทั้งการทำโฆษณา Super Bowl และแคมเปญแบรนด์ระดับโลก ทำให้ต้วของ Raggio มั่นใจว่าตัวเองเข้าใจทุกแง่มุมของการตลาดและการโฆษณาเป็นอย่างดี
ความมั่นใจนี้ทำให้เขามีภาพที่ชัดเจนในหัวว่าต้องการให้ทุกส่วนของโครงการใหม่นี้ทำงานอย่างไร เมื่อมีคนแสดงความเห็นที่แตกต่างหรือบอกว่าบางอย่างเป็นไปไม่ได้ เขามักด่วนตัดสินว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ขัดขวางความก้าวหน้า
แต่ความจริงแล้ว มันกลับกลายเป็นว่าตัวอของ Raggio กำลังมั่นใจในตัวเองมากจนเกินไป ความรู้ของเขาเกี่ยวกับหลักการบัญชีขององค์กรและกฎหมายความเป็นส่วนตัวนั้นมีจำกัด และคนที่เขาเคยมองว่าเป็น “ผู้ขัดขวาง” แท้จริงแล้วคือผู้ที่ทุ่มเทเพื่อความสำเร็จและพยายามป้องกันไม่ให้เขาทำผิดพลาดที่อาจนำไปสู่การยุติโครงการ
การรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความเคารพต่อประสบการณ์ของผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาความคิดของตัวเองให้รอบด้านมากขึ้น
ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา โครงการไม่เพียงแต่อยู่รอด แต่ยังเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง การรับฟังกลายเป็นหัวใจสำคัญของโครงการจน Raggio ได้ริเริ่ม “การประชุมด้วยคำถามโง่ๆ” ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ไม่มีการตัดสิน ที่ทุกคนสามารถถามคำถามที่อาจจะกลัวที่จะถามในที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะคิดว่าตัวเองควรรู้คำตอบแล้ว หรือเพราะเป็นเรื่องที่ชัดเจนสำหรับคนอื่นในองค์กร แต่ด้วยตำแหน่งหน้าที่ทำให้ไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องนั้นมาก่อน
การสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างต่อคำถามและการเรียนรู้ช่วยลดช่องว่างระหว่างทีมและสร้างความเข้าใจร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าบางครั้งคำถามอาจดูเหมือนเรื่องพื้นฐาน แต่การได้เข้าใจอย่างถ่องแท้จะช่วยให้การทำงานราบรื่นขึ้น
Raggio จำได้ดีถึงเหตุการณ์หนึ่งที่มีการใช้คำย่อในการประชุมมาหลายสัปดาห์ และเขาก็ไม่กล้าถามความหมายของมันตั้งแต่แรก เวลาผ่านไปจนเขารู้สึกว่าติดกับดัก ไม่กล้าที่จะถามในตอนนั้นและคิดว่าจะต้องอยู่กับความไม่รู้นี้ไปตลอด แต่ด้วยบรรยากาศของการประชุมคำถามโง่ๆ ที่ไม่มีการตัดสิน ทำให้ทุกคนกล้าที่จะถามและได้เติมเต็มความเข้าใจที่ขาดหายไป
การยอมรับในข้อจำกัดและความไม่รู้ของตัวเองเป็นก้าวแรกของการเรียนรู้และพัฒนา แม้ว่าบางครั้งอาจรู้สึกอึดอัดที่จะยอมรับ แต่การมีพื้นที่ปลอดภัยในการถามคำถามช่วยให้เราก้าวข้ามความกลัวนั้นได้
บทเรียนสุดท้ายที่ Raggio ได้เรียนรู้ และอาจเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุด คือเรื่องของความเสี่ยง ซึ่งอาจขัดกับความเข้าใจทั่วไป ในการเป็น Intrapreneur นั้น ระดับความเสี่ยงส่วนตัวของเราอาจไม่ได้สำคัญเท่ากับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับองค์กร
หากคุณออกไปเริ่มธุรกิจของตัวเองและล้มเหลว แม้จะไม่ใช่เรื่องดีและอาจสร้างความเครียดให้กับครอบครัวหรือมีผลกระทบทางการเงิน แต่บริษัทอย่าง Intuit ได้วางระบบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง
แต่หากการตัดสินใจของคุณส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์และแบรนด์ หรือสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้ใช้ QuickBooks ผลกระทบอาจลุกลามไปในวงกว้าง กระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก
ดังนั้นคุณไม่สามารถทำงานแบบลวกๆ ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำงานด้วยความกลัว เพียงแต่ต้องคิดให้รอบคอบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจและการกระทำของคุณที่อาจส่งผลต่อองค์กรในภาพรวม
การตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้นในฐานะ Intrapreneur ไม่ควรเป็นตัวฉุดรั้งความคิดสร้างสรรค์ แต่ควรเป็นแรงผลักดันให้เราทำงานอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับผู้ที่มีไอเดียและความฝันที่อยากสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จากภายในองค์กร Raggio สนับสนุนให้คุณทำงานร่วมกับระบบที่มีอยู่ เพราะองค์กรขนาดใหญ่มีทรัพยากรและศักยภาพมหาศาลที่รอการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จงเรียนรู้และพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ แม้ว่าบางครั้งอาจต้องชะลอความเร็วลงบ้าง หรือต้องประนีประนอมในบางเรื่องที่เราไม่อยากทำ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะดีขึ้นอย่างแน่นอน และนั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงและปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ
เพราะการเป็น Intrapreneur ไม่ใช่เพียงการนำเสนอไอเดียใหม่ๆ แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการเข้าใจระบบขององค์กรเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนนั่นเองครับผม
References :
Ask Dumb Questions, Embrace Mistakes — and Other Lessons on Innovation | Dave Raggio | TED
https://youtu.be/Nh1QvWm0BrQ?si=PZetQZGQ0B-P2K4F