ในอดีตการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นอยู่กับความสามารถในการคาดการณ์ภัยคุกคาม โดยภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการถูกขับออกจากเผ่า เพราะหากไม่มีเผ่า เราจะไม่สามารถหาอาหารเมื่อเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ และไม่สามารถอยู่รอดได้นาน ด้วยเหตุนี้เราจึงเรียนรู้ที่จะคาดการณ์และกลัวสิ่งที่ผู้อื่นคิดเกี่ยวกับเรา สิ่งนี้เรียกว่า FOBO (Fear of Other People’s Opinions – ความกลัวความคิดเห็นของผู้อื่น)
เป็นข้อมูลที่น่าสนใจจากหนังสือ The First Rule of Mastery: Stop Worrying about What People Think of You โดย Michael Gervais หนึ่งในนักจิตวิทยาชั้นนำของโลกและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจและประสิทธิภาพของมนุษย์
ในปัจจุบัน FOBO แสดงออกในหลายรูปแบบ:
- เราลังเลที่จะแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม
- เราละทิ้งค่านิยมของตัวเองภายใต้แรงกดดันทางสังคม
- เราหลีกเลี่ยงการทุ่มเทให้กับสิ่งที่เราหลงใหล เพื่อไม่ให้ดูเหมือนคนหมกมุ่นมากเกินไป
ลองพิจารณาดูว่าเราใช้เวลาในแต่ละสัปดาห์ไปกับการกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้อื่นมากแค่ไหน เมื่อหัวสมองเต็มไปด้วยความคิดว่าคนอื่นกำลังตัดสินเรา มันยากที่จะตัดสินใจอะไรได้อย่างเด็ดขาด และเมื่อเรากังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร มันก็ยากที่จะโฟกัสอย่างเต็มที่ในงานของเรา
David Foster Wallace เคยกล่าวไว้ว่า “คุณจะกังวลเกี่ยวกับความคิดของคนอื่นน้อยลง เมื่อคุณตระหนักว่าพวกเขาแทบจะไม่ได้คิดถึงคุณเลย”
นี่ไม่ใช่แค่คำพูดธรรมดา แต่มีงานวิจัยรองรับ ในช่วงปลายทศวรรษ 90 ศาสตราจารย์ Thomas Gilovich จาก Cornell ได้ทำการทดลองทางสังคม โดยให้นักศึกษา 109 คนเข้าไปในห้องที่มีเพื่อนๆ อยู่ทีละคน โดยสวมเสื้อยืดที่น่าอายซึ่งมีรูปนักร้อง Barry Manilow ขนาดใหญ่
นักศึกษาที่สวมเสื้อได้รับการบอกว่าอย่างน้อย 50% ของเพื่อนๆ จะสังเกตเห็นเสื้อของพวกเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อ Gilovich สอบถามคนในห้องภายหลัง กลับมีเพียงแค่ 25% เท่านั้นที่สังเกตเห็นเสื้อที่น่าอับอายนั้น
งานวิจัยหลายชิ้นหลังจากนั้นแสดงให้เห็นว่า เรามักมีความรู้สึกว่าตัวเองสำคัญเกินจริง และมักฉายภาพความคิดของเราไปสู่ผู้อื่น ทำให้เราเชื่อว่าโลกภายนอกกำลังตัดสินเรามากกว่าความเป็นจริง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Spotlight Effect”
ตลอดทั้งวัน เรามักจะคิดว่าเหมือนมีไฟสปอตไลท์ลอยอยู่เหนือศีรษะ ส่องแสงลงมาที่ตัวเรา แต่ความจริงคือ หากคุณไม่ได้อยู่ในสปอตไลท์ของใคร พวกเขาก็ไม่ได้คิดถึงคุณ และแม้เมื่อคนอื่นส่องสปอตไลท์มาที่คุณ คุณก็จะอยู่ในความคิดของพวกเขาเพียงช่วงสั้นๆ เพราะพวกเขาจะรีบหันสปอตไลท์กลับไปที่ตัวเอง และกลับไปคิดว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรเกี่ยวกับพวกเขา
กฎสำคัญ 3 ข้อในการกรองความคิดเห็นของผู้อื่น:
1. สกรีนจุดมุ่งหมาย (Purpose Screen)
ทุกช่วงเวลาในชีวิต เราควรมีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ อาจเป็นการพัฒนาตัวเองในสิ่งที่รัก หรือการใช้ชีวิตตามค่านิยมของตนเองและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน เราก็จะกังวลกับการยอมรับจากผู้อื่นน้อยลง
การแสวงหาการยอมรับเปรียบเหมือนการแสวงหากำไรระยะสั้นในธุรกิจ ทุกธุรกิจต้องการกำไร แต่ถ้ายึดติดกับมันมากจนเกินไป ก็มีโอกาสที่จะทำให้เราหลงทางได้
2. สกรีนโต๊ะกลม (Round Table Screen)
มีเพียงความคิดเห็นของคนไม่กี่คนที่สำคัญจริงๆ ความเห็นจากเพื่อนในเฟซบุ๊กสมัยมัธยม หรือเสียงบีบแตรจากคนขับรถที่โมโหที่คุณจะไม่มีวันได้เจออีก ล้วนไม่สำคัญ
ความคิดเห็นที่สำคัญมาจากคนที่ต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณ คนที่คุณเคารพอย่างลึกซึ้ง และคนที่ไม่กลัวที่จะบอกความจริงกับคุณ
3. สกรีนแห่งความตาย (Death Screen)
เมื่อคุณเริ่มปล่อยให้ความคิดเห็นของผู้อื่นขัดขวางการใช้ชีวิตตามเป้าหมายของคุณ ให้ถามตัวเองว่า: “เมื่อฉันต้องตายในไม่ช้า (อาจเป็น 1 ปีหรือ 70 ปี) มันคุ้มค่าหรือไม่ที่จะปล่อยให้ความคิดเห็นของคนอื่นกำหนดชีวิตของฉัน?”
Michael Gervais กล่าวว่า เมื่องานเลี้ยงใกล้จบและทุกคนพร้อมความคิดเห็นของพวกเขากลับบ้านไปแล้ว คุณจะสงสัยว่าทำไมคุณถึงให้อำนาจพวกเขามากมายขนาดนั้นในชีวิตของคุณ
บทสรุป
หยุดกลัวสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับเรา ผู้คนต่างยุ่งกับชีวิตของตัวเองและกังวลว่าคนอื่นคิดอะไรกับพวกเขามากเกินกว่าจะสังเกตสิ่งที่เราทำ แม้เมื่อมีคนสังเกตเห็นสิ่งที่เราทำและเราอาจจะได้ยินความคิดเห็นในแง่ลบ อย่าให้ความคิดเห็นเหล่านั้นขัดขวางตัวตนของเรา หากเรากำลังใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย รับฟังข้อเสนอแนะที่จริงใจจากคนที่เราเคารพ
ยิ่งเราเลิกสนใจความคิดเห็นของผู้อื่นเร็วเท่าไร เราก็จะยิ่งเป็นอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเองได้เร็วขึ้นเท่านั้น และค้นพบว่าตัวเราเองมีศักยภาพที่จะเป็นอะไรได้มากมายแค่ไหนนั่นเองครับผม
References:
หนังสือ The First Rule of Mastery: Stop Worrying about What People Think of You โดย Michael Gervais