Hardcore Style แบบ Elon Musk : กับวิธีบริหารสุดโหด ทำยังไงให้พนักงานทำงาน 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ในโลกของการบริหารธุรกิจ มีผู้นำเพียงไม่กี่คนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและความสำเร็จได้อย่างโดดเด่นเทียบเท่ากับ Elon Musk หนึ่งในผู้บริหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลกเทคโนโลยี การบริหารงานของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เรียกว่า “hardcore” ซึ่งเน้นการทำงานหนักและทุ่มเทอย่างเต็มที่

เมื่อย้อนกลับไปในปี 2008 Musk เข้ามาบริหาร Tesla ในช่วงวิกฤต ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ปัจจุบันเขากำลังใช้แนวทางการบริหารแบบเดียวกันนี้ในการปรับเปลี่ยน Twitter ให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของเขา

สำหรับผู้ที่เคยร่วมงานกับ Musk การประชุมมักจะเกิดขึ้นในเวลาที่ไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็นการรับข้อความตอนตีสอง หรือการประชุมทางโทรศัพท์ตอนหกโมงเช้า การนำเสนองานต่อหน้าเขาต้องกระชับและตรงประเด็น โดยมีเวลาเพียง 30 วินาทีในการอธิบายแนวคิดของตน

พนักงานหลายคนเล่าว่าพวกเขาต้องดื่มกาแฟเอสเพรสโซอย่างน้อยสองแก้วก่อนเข้าประชุมกับ Musk เพื่อให้พร้อมรับมือกับการประชุมที่เข้มข้น การทำงานภายใต้การนำของเขาเรียกร้องความทุ่มเทอย่างสูง โดยพนักงานต้องทำงาน 80-100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

Carl Medlock อดีตพนักงาน Tesla ที่ร่วมงานในปี 2009 เล่าถึงประสบการณ์ว่าทุกคนในทีมมีความกระตือรือร้นกับแบรนด์อย่างมาก แม้จะแทบไม่มีเวลาให้กับครอบครัวและงานอดิเรก แต่พวกเขารักในสิ่งที่ทำ

Medlock ปัจจุบันเปิดร้านซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองที่เมือง Seattle หลังจากถูกเลิกจ้างในปี 2013 เนื่องจากความเข้าใจผิดกับหัวหน้างาน

เช่นเดียวกับ Garrett Reisman ที่เข้าร่วมงานกับ SpaceX ในปี 2011 ด้วยแรงบันดาลใจจากพันธกิจของบริษัทที่ต้องการพามนุษย์ไปอยู่บนดาวอังคาร แม้จะเป็นสภาพแวดล้อมที่โหดเหี้ยม แต่ไม่ได้มาจากการบังคับ หากแต่เป็นแรงขับเคลื่อนภายในของทุกคนที่ต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างประวัติศาสตร์

Reisman ลาออกในปี 2018 เพื่อไปสอนที่ University of Southern California หลังจากต้องการหาที่ทำงานที่มีความกดดันน้อยลง

การบริหารงานของ Musk มักจะเริ่มต้นด้วยการสร้างวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่และชัดเจน เพื่อดึงดูดคนที่มีความสามารถและพร้อมทุ่มเทเพื่อความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ที่ Twitter (X) สถานการณ์อาจแตกต่างออกไป Tim Higgins นักข่าวจาก Wall Street Journal และผู้เขียนหนังสือ “Power Play” มองว่าพันธกิจของ Twitter ในการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกอาจไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจเท่ากับการพามนุษย์ไปดาวอังคาร

นอกจากการทำงานหนัก Musk ยังเป็นแบบอย่างให้กับพนักงานด้วยการทุ่มเททั้งเวลาและเงินทุนส่วนตัว เขามักจะนอนที่สำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นบนโซฟาหรือแม้แต่บนพื้น ในช่วงวิกฤตของ Tesla ปี 2008 เขาถึงขั้นนำเงินส่วนตัวล้านสุดท้ายมาลงทุนในบริษัท

การบริหารงานแบบ hardcore ของ Musk นั้นได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ แต่ก็มีผลกระทบต่อพนักงานไม่น้อย หลายคนรู้สึกเหนื่อยล้าและทนกับอารมณ์ที่แปรปรวนของเขาไม่ไหว นำไปสู่การลาออกของพนักงานจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ Twitter ที่มีการปลดพนักงานถึง 50% ภายในสัปดาห์แรกที่เข้าควบคุม

แม้จะมีข้อกล่าวหาเรื่องการประพฤติมิชอบในบริษัท แต่ Musk ก็ยังคงยึดมั่นในวิธีการบริหารของตน เขาเชื่อในการจ้างเฉพาะคนที่เก่งที่สุดและให้พวกเขาทำงานกับปัญหาที่ท้าทายที่สุด โดยหลีกเลี่ยงระบบราชการแบบเดิมๆ

สิ่งที่น่าสนใจคือ Musk มักจะสื่อสารกับพนักงานโดยตรง ไม่ผ่านลำดับชั้นการบริหารที่ซับซ้อน ทำให้การตัดสินใจและการแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เขายังใช้แรงจูงใจทางการเงินในการกระตุ้นให้พนักงานทำงานหนักขึ้น

ปัจจุบัน X (Twitter เดิม) กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับที่ Tesla เคยเผชิญในช่วง Great Recession Musk ต้องหาวิธีสร้างรายได้ท่ามกลางตลาดโฆษณาที่หดตัวและภาระหนี้สินมหาศาล

สำหรับผู้ที่กำลังทำงานภายใต้การนำของ Musk คำแนะนำจากอดีตพนักงานคือให้ทำงานไปเรื่อยๆ และพยายามอย่าไปดึงดูดความสนใจจาก Musk มากจนเกินไป เพราะการทำงานกับ Musk นั้นอาจเป็นดาบสองคม ในด้านหนึ่งอาจนำไปสู่ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่อีกด้านหนึ่งก็อาจสร้างความกดดันที่มากเกินกว่ามนุษย์ทำงานทั่วไปจะรับได้นั่นเองครับผม

References :
Working for Elon Musk: Ex-Employees Reveal His Management Strategy | WSJ
https://youtu.be/JEikQP8-es0?si=cGqPOJuxWTZrsmId

Geek Story EP238 : Elon Musk เซฟ Tesla อย่างไร? บริษัทที่เกือบล้มละลาย 3 ครั้ง แต่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด

โลกแห่งการคมนาคมกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้ว่าถนนหนทางในปัจจุบันจะยังคงเต็มไปด้วยยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน แต่ทิศทางในอนาคตกำลังมุ่งหน้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน และหากกล่าวถึงผู้นำการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คงหนีไม่พ้นบริษัท Tesla ที่กำลังปฏิวัติวงการด้วยการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีราคาเข้าถึงได้ในทุกระดับ

อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ความสำเร็จของ Tesla นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ Elon Musk ผู้นำคนสำคัญของบริษัทเคยกล่าวว่า “ตอนที่เราเริ่มต้น Tesla และ SolarCity เราคิดว่าทั้งสองบริษัทจะล้มเหลว โดยเฉพาะ Tesla เราคิดว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จเพียง 10%” แต่เรื่องราวของ Tesla ไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทที่เกือบล้มละลายหลายต่อหลายครั้ง หากแต่เป็นเรื่องราวของความมุ่งมั่นและความไม่ยอมแพ้ของชายคนหนึ่งท่ามกลางอุปสรรคมากมาย

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/bzujcha7

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/2rvfup5c

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/3hcpy56d

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/GnoDEfi8y1A

Geek Life EP83 : ภูเขาลูกใหญ่ที่สุดในชีวิต ทลายกำแพงแห่งความกลัว ด้วยวิธีคิดแบบ The Mountain is You

ในยุคที่การพัฒนาตนเองกลายเป็นเรื่องสำคัญ Brianna Wiest ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจในหนังสือ The Mountain Is You: Transforming Self-Sabotage Into Self-Mastery ผ่านการเปรียบเทียบการเอาชนะตนเองกับการปีนเขา เธอชี้ให้เห็นว่าอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเราไม่ใช่สิ่งภายนอก แต่เป็น “ภูเขา” ที่อยู่ภายในใจของเราเอง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4a4brr8n

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/5n83amun

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/YFUJ0OY4ZFA