Mind Over Matter : จากล้มเหลวสู่สำเร็จ วิธีใช้พลังจิตเปลี่ยนชีวิตแบบที่วิทยาศาสตร์ยืนยัน

มนุษย์เรามักไม่รู้ขีดความสามารถที่แท้จริงของตนเอง จนกว่าจะได้ลงมือทำสิ่งนั้นจริงๆ ประสบการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการสอบได้คะแนนยอดเยี่ยม การเลื่อนตำแหน่งในที่ทำงาน หรือแม้แต่การจัดการเรื่องยุ่งยากให้สำเร็จลุล่วง สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในตอนแรก แต่เมื่อเราลงมือทำ เราก็จะค้นพบว่าตัวเองมีศักยภาพมากกว่าที่คิด

เป็นข้อมูลทีน่าสนใจจากเวที Ted Talks อีกครั้ง โดย Paneez Oliai จาก Harvard Law School เธอจบการศึกษาสาขาประวัติศาสตร์และจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ที่ได้มาพูดถึงพลังที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเรา

Oliai ได้นำเสนอมุมมองใหม่ โดยใช้หลักการทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “Mind Over Matter” หรือ การให้เรามีสติ ควบคุมจิตใจให้ดี เพื่อต่อสู้กับปัญหา มาอธิบายให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของจิตใจมนุษย์

จิตใจของเรามีพลังมหาศาลในการเปลี่ยนแปลงความเป็นจริง ดังจะเห็นได้จากปรากฏการณ์ทางการรับรู้ที่น่าทึ่งอย่าง Bezold Effect ที่ค้นพบโดย Wilhelm Von Bezold

ให้ลองนึกภาพแถบสีเทาที่วางอยู่บนพื้นหลังที่มีการไล่ระดับสีจากอ่อนไปเข้ม แม้แถบสีเทาจะเป็นสีเดียวกันตลอดทั้งแถบ แต่สมองของเรากลับรับรู้ว่ามีการไล่ระดับสีในทิศทางตรงกันข้ามกับพื้นหลัง นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการรับรู้ของเราไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงเสมอไป

Bezold Effect (CR:Wikipedia)
Bezold Effect (CR:Wikipedia)

ภาพลวงตาอีกชิ้นที่น่าสนใจคือ Checker Shadow Illusion ที่สร้างโดย Edward Adelson เป็นภาพกระดานหมากรุกที่มีช่องสีเทาสองช่องถูกทำเครื่องหมายไว้ด้วยตัวอักษร A และ B แม้ทั้งสองช่องจะเป็นสีเทาเข้มเท่ากัน แต่สมองของเรากลับรับรู้ว่าช่อง A มืดกว่าช่อง B อย่างชัดเจน เพราะอิทธิพลของแสงและเงาในภาพ

Checker Shadow Illusion (CR:Wikipedia)
Checker Shadow Illusion (CR:Wikipedia)

อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Cafe Wall Illusion ที่พบครั้งแรกบนผนังร้านกาแฟ ภาพประกอบด้วยแถวของสี่เหลี่ยมสีขาวดำที่วางสลับกัน โดยแต่ละแถวมีการเยื้องเล็กน้อย แม้เส้นแนวนอนที่กั้นระหว่างแถวจะขนานกันอย่างสมบูรณ์ แต่สมองของเรากลับรับรู้ว่าเส้นเหล่านั้นเอียงและกำลังจะบรรจบกัน

Cafe Wall Illusion (CR:Wikipedia)
Cafe Wall Illusion (CR:Wikipedia)

ภาพลวงตาเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อทำให้เราสับสนหรือหวาดระแวงในการรับรู้ของตัวเอง แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าสมองของเรามีวิธีจัดการกับข้อมูลที่ได้รับอย่างไร

ในอดีตการแยกแยะความแตกต่างระหว่างวัตถุได้อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญต่อการอยู่รอด สมองจึงพัฒนากลไกการรับรู้ที่ไวต่อความแตกต่างของแสง เงา และสี เพื่อช่วยให้เราตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากการรับรู้ทางสายตาแล้ว พลังของจิตใจยังแสดงออกผ่านปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ปรากฏการณ์ยาหลอก (Placebo Effect)” ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการที่ความเชื่อสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้จริง เมื่อคนไข้ได้รับยาหลอกที่ไม่มีสารออกฤทธิ์ใดๆ แต่เชื่อว่าเป็นยาจริง ร่างกายก็จะตอบสนองราวกับได้รับยาจริง โดยสมองจะหลั่งสารโดพามีนและเอนดอร์ฟินที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและทำให้รู้สึกดีขึ้น

อีกหนึ่งเทคนิคที่แสดงให้เห็นพลังของจิตใจคือ Biofeedback วิธีการนี้ช่วยให้คนเราสามารถควบคุมการทำงานของร่างกายได้โดยการรับรู้และตอบสนองต่อข้อมูลทางสรีรวิทยาแบบทันที เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต หรือคลื่นสมอง เพียงแค่การมีสมาธิจดจ่อกับข้อมูลที่ได้รับ คนเราก็สามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมการทำงานของร่างกายได้อย่างน่าทึ่ง

การตระหนักถึงพลังของจิตใจไม่เพียงช่วยในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น เมื่อเราเข้าใจว่าการรับรู้และความเชื่อมีอิทธิพลต่อประสบการณ์ชีวิตมากเพียงใด เราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองและพฤติกรรมเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้

การจัดการกับปัญหาการผัดวันประกันพรุ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้แนวคิดนี้ แทนที่จะปล่อยให้ความเคยชินเดิมๆ ครอบงำ เราสามารถสร้างกำหนดเวลาจำลองที่เร็วกว่าความเป็นจริง เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองลงมือทำงานเร็วขึ้น วิธีนี้ไม่เพียงช่วยให้งานเสร็จตามเวลา แต่ยังช่วยลดความเครียดและทำให้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้นด้วย

การเปลี่ยนมุมมองต่อเวลายังช่วยจัดการกับ “การคิดหายนะ (Catastrophization)” หรือแนวโน้มที่จะคิดถึงสถานการณ์แย่ที่สุดเมื่อเกิดปัญหาเล็กๆ การถามตัวเองว่าปัญหาที่กำลังเผชิญจะสำคัญแค่ไหนในอีก 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมและจัดการกับความวิตกกังวลได้ดีขึ้น

การเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์จากหลากหลายสาขาเข้าด้วยกันเป็นอีกวิธีที่แสดงให้เห็นพลังของจิตใจ เมื่อเราตระหนักว่าทุกศาสตร์ล้วนเชื่อมโยงกับการทำความเข้าใจมนุษย์ เราก็จะสามารถสร้างความรู้และความเข้าใจใหม่ๆ ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง แต่ยังสามารถส่งต่อไปยังผู้อื่นและสร้างผลกระทบในวงกว้าง

Mind Over Matter ไม่ได้หมายความว่าเราสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ แต่เป็นการตระหนักว่าวิธีที่เรารับรู้และตีความโลกนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อประสบการณ์ชีวิตของเรา การเข้าใจความจริงข้อนี้ช่วยให้เรามองเห็นศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง และเป็นก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการสร้างผลกระทบต่อสังคม

เมื่อเราเข้าใจและยอมรับว่าพลังแห่งจิตใจสามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้ เราจะเริ่มมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตนเอง การสร้างความสัมพันธ์ หรือการทำงานเพื่อส่วนรวม ทุกสิ่งล้วนเริ่มต้นจากความเชื่อและการรับรู้ของเราทั้งสิ้น

สิ่งสำคัญที่สุดคือการตระหนักว่า แม้เราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งในชีวิตได้ แต่เรามีอำนาจเหนือวิธีที่เรามองและตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ นี่คือของขวัญล้ำค่าที่ธรรมชาติมอบให้กับมนุษย์ทุกคน และเป็นหน้าที่ของเราที่จะใช้มันเพื่อสร้างชีวิตและโลกที่ดีกว่าสำหรับทุกคน

References :
Mind over Matter: Why You’re Capable of More Than You Think | Paneez Oliai | TEDxGeorgetown
https://youtu.be/I5x1wQ6kHX0?si=X_7mtCxpaSdGVnHY

Geek Daily EP250 : ยุคใหม่แห่งการค้นหา! เปิดศักราชใหม่ ChatGPT ผนึกกำลังเว็บเสิร์ชท้าชน Google

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ผู้คนค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อ OpenAI ประกาศความสามารถใหม่ของ ChatGPT ในการค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์แบบเรียลไทม์ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของการสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตไปอย่างสิ้นเชิง

การพัฒนาครั้งสำคัญนี้ทำให้ ChatGPT สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมที่เคยมี โดยก่อนหน้านี้ ChatGPT สามารถให้คำตอบได้เฉพาะจากข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปในระบบจนถึงเดือนตุลาคม 2023 เท่านั้น แต่ด้วยความสามารถใหม่นี้ ChatGPT จะสามารถเข้าถึงข้อมูลปัจจุบันบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นผลการแข่งขันกีฬา ราคาหุ้น หรือข่าวสารประจำวัน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/5n6nssu6

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4wedvxmm

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4yj7t6ux

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/edpY_wuHUd0

Geek Life EP80 : ซื้อเวลาคืนชีวิต! หมดยุคทำทุกอย่างเอง กับเคล็ดลับจาก CEO ระดับโลก

ในโลกธุรกิจปัจจุบัน เวลาคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด Dan Martell ผู้ที่ประสบความสำเร็จในฐานะนักลงทุนและที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ได้นำเสนอแนวคิดการ “ซื้อเวลาคืน (Buy Back Your Time)” ที่จะเปลี่ยนมุมมองของผู้ประกอบการต่อการบริหารเวลาไปอย่างสิ้นเชิง

ปัญหาที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เผชิญคือการติดกับดักความคิดที่ว่าตนเองต้องทำทุกอย่าง เพราะไม่มีใครทำได้ดีเท่า ไม่มีเงินจ้างคนอื่น หรือการสอนงานยุ่งยากเกินไป แต่ความจริงแล้ว ความคิดเหล่านี้เป็นเพียงข้ออ้างที่ขัดขวางการเติบโตของธุรกิจ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/yeyp7n6z

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/ydz3nyse

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/zqvTCOwxe-c