Geek Story EP226 : นักลงทุนอัจฉริยะหรือนักพนันผู้โชคดี? ถอดรหัส Masayoshi Son ฉายา ‘คนบ้า’ แห่งวงการเทคโนโลยี

ในโลกแห่งธุรกิจและเทคโนโลยี มีชื่อหนึ่งที่โดดเด่นและสร้างความฮือฮามาโดยตลอด นั่นคือ มาซาโยชิ ซัน (Masayoshi Son) ชายผู้มาจากครอบครัวผู้อพยพเกาหลีที่ต้องเริ่มต้นชีวิตด้วยความยากจนในญี่ปุ่น แต่กลับสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกเทคโนโลยี

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4t6nuab8

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/353xwxe4

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/7nbfwttb

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/9bifd5kJBUw

Geek Life EP64 : ปลดล็อกพลังตัวคุณด้วยภาษากาย เปลี่ยนร่างกาย เปลี่ยนชีวิต บทเรียน TED Talk ที่โด่งดังที่สุด

ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการแข่งขัน การค้นพบพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเราอาจเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ Amy Cuddy นักจิตวิทยาสังคมผู้มีชื่อเสียง ได้เปิดเผยเคล็ดลับง่ายๆ ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ เพียงแค่เปลี่ยนท่าทางของเราเป็นเวลาสองนาที

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/95aaj8nz

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/22c94834

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/jbUSAUe2LvA

4 เทคนิคลับ สร้าง Flow : สภาวะมหัศจรรย์ที่ทุกคนสร้างได้จากนักจิตวิทยาระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าและการรบกวนมากมาย การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นความท้าทายที่หลายคนต้องเผชิญ แต่มีสภาวะจิตใจหนึ่งที่สามารถช่วยให้เราก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ได้ นั่นคือ “Flow” หรือ “ภาวะลื่นไหล” ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำเสนอโดย Mihaly Csikszentmihalyi นักจิตวิทยาชื่อดัง ในหนังสือ “Flow: The Psychology of Optimal Experience”

Flow คืออะไร?

Flow เป็นสภาวะจิตใจที่เหมาะสมที่สุดระหว่างความเบื่อหน่ายและความวิตกกังวล เป็นช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังแสดงศักยภาพสูงสุดและมีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ในภาวะนี้ คุณจะรู้สึกหมกมุ่นอยู่กับงานจนลืมเวลาและสิ่งรอบตัว

หลายคนอาจคิดว่า Flow เกิดขึ้นได้เฉพาะในกิจกรรมที่สนุกสนาน เช่น การเล่นกีฬา การเล่นเกม หรือการสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แต่ความจริงแล้ว Flow สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกกิจกรรม รวมถึงการทำงานประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล การวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่การทำความสะอาดบ้าน

ปัจจัยสำคัญในการสร้าง Flow

จากการศึกษาของ Csikszentmihalyi และนักวิจัยอื่นๆ เราสามารถสรุปปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เกิด Flow ได้ 4 ประการ ดังนี้

1. การมีสมาธิ (Focus)

สมาธิเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้าง Flow การจดจ่ออยู่กับงานที่กำลังทำอย่างเต็มที่โดยไม่มีสิ่งรบกวน Csikszentmihalyi พบว่า ในภาวะ Flow บุคคลจะมีสมาธิจดจ่ออย่างเข้มข้นจนไม่มีความสนใจเหลือพอที่จะคิดถึงสิ่งอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างเช่น นักเต้นที่อยู่ในภาวะ Flow กล่าวว่า “สมาธิของฉันสมบูรณ์มาก จิตใจไม่ล่องลอย ฉันไม่ได้คิดถึงอย่างอื่น ฉันมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่”

วิธีการสร้างสมาธิที่มีประสิทธิภาพ:

  1. ขจัดสิ่งรบกวนรอบตัว เช่น ปิดการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ ปิดแท็บเบราว์เซอร์ที่ไม่จำเป็น
  2. ใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ
  3. ฝึกสมาธิสั้นๆ ก่อนเริ่มทำงาน เช่น การหายใจลึกๆ หรือการฝึกสติ (Mindfulness Meditation)
  4. ใช้เทคนิค “Pomodoro” โดยตั้งเวลาทำงานเป็นช่วงๆ ละ 25 นาที แล้วพัก 5 นาที

2. อิสรภาพ (Freedom)

อิสรภาพในที่นี้หมายถึงการปลดปล่อยตัวเองจากความกังวล Csikszentmihalyi พบว่า ในภาวะ Flow ไม่มีที่ว่างสำหรับการมาโฟกัสกับตนเองมากจนเกินไป หากคุณกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำผิดพลาดหรือพูดอะไรโง่ๆ คุณจะไม่มีวันประสบกับ Flow ได้เลย

นักปีนเขาคนหนึ่งที่ Csikszentmihalyi สัมภาษณ์กล่าวว่า “เมื่อสิ่งต่างๆ กลายเป็นอัตโนมัติ มันเหมือนเป็นสิ่งที่ไร้อีโก้ และสิ่งที่ถูกต้องก็เกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ต้องคิดถึงมันเลย”

วิธีการสร้างอิสรภาพในการทำงาน:

  1. ใช้เทคนิค “Permission Timer” โดยตั้งเวลา 10-30 นาที และให้ตัวเองทำงานอย่างอิสระโดยไม่วิพากษ์วิจารณ์ตนเองในช่วงเวลานั้น
  2. เขียนความคิดที่สร้างความกังวลลงบนกระดาษแล้ววางไว้ข้างๆ เพื่อปลดปล่อยความกังวลชั่วคราว
  3. ฝึกการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบในตัวเอง (Embracing Imperfection) โดยเน้นที่กระบวนการมากกว่าผลลัพธ์
  4. ใช้คำพูดเชิงบวกกับตัวเอง (Positive Self-talk) เพื่อสร้างความมั่นใจและลดการวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง

3. ข้อเสนอแนะ (Feedback)

การได้รับข้อมูล feedback อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการสร้าง Flow ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าการกระทำของคุณกำลังพาคุณเข้าใกล้เป้าหมายหรือไม่ ในกีฬาหรือเกม ผู้เล่นมักจะได้รับ feedback กลับทันที เช่น นักเทนนิสรู้ทันทีว่าการตีลูกแต่ละครั้งดีหรือไม่ นักปีนเขารู้ตลอดเวลาว่าเขากำลังปีนได้สำเร็จหรือกำลังจะตก

ในการทำงาน เราสามารถสร้างระบบ feedback ให้กับตัวเองได้ ดังนี้:

  1. ตั้งเป้าหมายย่อยที่ชัดเจนและวัดผลได้
  2. ใช้เทคนิค “Hourly Check-in” โดยตั้งนาฬิกาปลุกทุกชั่วโมงเพื่อประเมินความก้าวหน้าของตัวเอง
  3. ใช้แอปพลิเคชันติดตามเวลาและ productivity เช่น RescueTime หรือ Toggl เพื่อดูว่าคุณใช้เวลาไปกับอะไรบ้าง
  4. จดบันทึกความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างวัน เพื่อเห็นความก้าวหน้าของตัวเอง

4. ความท้าทาย 4% (4% Challenge)

Steven Kotler ผู้เขียนหนังสือ “The Rise of Superman” และผู้ก่อตั้ง Flow Genome Project ได้ต่อยอดงานวิจัยของ Csikszentmihalyi และพบว่า การสร้างความท้าทายที่มากกว่าทักษะปัจจุบันของเราประมาณ 4% เป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดในการกระตุ้นให้เกิด Flow

แนวคิดนี้สอดคล้องกับทฤษฎี “Zone of Proximal Development” ของ Lev Vygotsky ที่กล่าวว่า การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุดเมื่อเราเผชิญกับความท้าทายที่อยู่เหนือความสามารถปัจจุบันของเราเล็กน้อย แต่ไม่ยากเกินไปจนทำให้เกิดความท้อแท้

วิธีการสร้างความท้าทาย 4%:

  1. ประเมินทักษะปัจจุบันของคุณในงานที่กำลังทำ
  2. ตั้งเป้าหมายที่ยากขึ้นเล็กน้อย เช่น ถ้าคุณเขียนบทความได้ 1,000 คำใน 1 ชั่วโมง ลองตั้งเป้าหมายเป็น 1,040 คำ
  3. ลดเวลาในการทำงานลงเล็กน้อย เช่น ถ้าคุณทำความสะอาดห้องได้ใน 30 นาที ลองทำให้เสร็จใน 29 นาที
  4. เพิ่มความซับซ้อนของงานเล็กน้อย เช่น ถ้าคุณเขียนโค้ดได้ 100 บรรทัดต่อชั่วโมง ลองเพิ่มเป็น 104 บรรทัด

การนำ Flow ไปใช้ในชีวิตประจำวัน

การสร้าง Flow ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ ลองนำเทคนิคต่อไปนี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของคุณ:

  1. เริ่มต้นวันด้วยการฝึกสมาธิ: ใช้เวลา 5-10 นาทีในตอนเช้าเพื่อฝึกสมาธิ นี่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นวันด้วยจิตใจที่สงบและพร้อมสำหรับการทำงาน
  2. จัดลำดับความสำคัญของงาน: เลือกงานที่สำคัญที่สุด 3 อย่างที่ต้องทำในแต่ละวัน และโฟกัสไปที่งานเหล่านั้น
  3. สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน: จัดพื้นที่ทำงานของคุณให้สะอาด เป็นระเบียบ และปราศจากสิ่งรบกวน
  4. ใช้เทคนิค Pomodoro: ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที ทำซ้ำ 4 รอบ แล้วพักยาว 15-30 นาที
  5. ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้: ใช้หลักการ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) ในการตั้งเป้าหมาย
  6. ให้รางวัลตัวเอง: เมื่อบรรลุเป้าหมาย ให้รางวัลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจ
  7. ทบทวนและปรับปรุง: ในตอนท้ายของแต่ละวัน ใช้เวลาสั้นๆ ทบทวนว่าอะไรที่ได้ผลดีและอะไรที่ควรปรับปรุง

ประโยชน์ของการสร้าง Flow ในการทำงาน

การสร้าง Flow ในการทำงานไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์มากมาย ดังนี้:

  1. เพิ่มความคิดสร้างสรรค์: ในสภาวะ Flow สมองของเราจะปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่
  2. ลดความเครียด: การจดจ่อกับงานอย่างเต็มที่ช่วยลดความวิตกกังวลและความเครียดได้
  3. เพิ่มความพึงพอใจในงาน: การที่เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์ที่ดี ทำให้เรารู้สึกพึงพอใจในงานมากขึ้น
  4. พัฒนาทักษะได้เร็วขึ้น: การอยู่ในสภาวะ Flow บ่อยๆ ช่วยให้เราพัฒนาทักษะได้เร็วกว่าปกติ
  5. เพิ่มความสุขในชีวิต: Csikszentmihalyi พบว่า คนที่มีประสบการณ์ Flow บ่อยๆ มีแนวโน้มที่จะมีความสุขในชีวิตมากกว่า

จากการศึกษาล่าสุดในปี 2023 โดยมหาวิทยาลัย Harvard พบว่า พนักงานที่สามารถเข้าถึงสภาวะ Flow ได้บ่อยในที่ทำงาน มีอัตราการลาออกต่ำกว่าถึง 30% เมื่อเทียบกับพนักงานที่ไม่ได้ประสบกับ Flow ในการทำงาน นี่แสดงให้เห็นว่า Flow ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อตัวพนักงานเอง แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อองค์กรในแง่ของการรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพอีกด้วย

บทสรุป

Flow ไม่ใช่เรื่องของโชคหรือพรสวรรค์ แต่เป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ ด้วยการใส่ใจกับปัจจัยสำคัญทั้ง 4 ประการ – การมีสมาธิ อิสรภาพ ข้อเสนอแนะ และความท้าทาย 4% – คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการสัมผัสกับ Flow ได้มากขึ้น

การสร้าง Flow ในการทำงานไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณมีความสุขและเติมเต็มในสิ่งที่คุณทำ นี่คือวิธีที่จะทำให้คุณไม่เพียงแค่ทำงานเพื่อใช้ชีวิต แต่ยังสามารถรักและเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่คุณทำได้อย่างแท้จริง

ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของคุณ และค้นพบพลังของ Flow ด้วยตัวคุณเอง คุณอาจจะแปลกใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในแง่ของประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตโดยรวมของคุณ

References :
หนังสือ Flow: The Psychology of Optimal Experience โดย Mihaly Csikszentmihalyi