ความแตกต่างคือจุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดจบ : จากความเกลียดชังสู่ความเข้าใจ บทเรียนจากอเมริกาสู่ประชาธิปไตยไทย

ในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและแตกแยก เรื่องราวของ Spencer Cox ผู้ว่าการรัฐยูทาห์ ที่ได้ขึ้นเวที Ted Talks พูดในหัวข้อ “How to Disagree with Respect — Not Hate” เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่ง Cox ได้พาเราย้อนกลับไปมองอดีตเพื่อค้นหาคำตอบสำหรับอนาคตของประชาธิปไตยอเมริกัน รวมถึงบทเรียนที่ประเทศไทยของเราอาจจะได้รับจากสิ่งนี้

เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1967 เมื่อ Ronald Reagan ได้รับตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ในคำปราศรัยเข้ารับตำแหน่ง เขาได้กล่าวถ้อยคำอันเป็นสัญลักษณ์ที่นักการเมืองนำมาอ้างอิงซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลาหลายทศวรรษว่า “เสรีภาพเป็นสิ่งเปราะบาง และมันอยู่ห่างจากการสูญสิ้นเพียงแค่คนรุ่นเดียวเท่านั้น”

คำพูดนี้อาจฟังดูเกินจริงสำหรับหลายคน รวมถึง Spencer Cox ที่ไม่เคยเชื่อมันจริงๆ จนกระทั่งเขาได้เผชิญกับความจริงด้วยตัวเองในฐานะรองผู้ว่าการรัฐยูทาห์

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในวันที่ Cox ต้องรับรองคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งปกติแล้วเป็นเพียงพิธีกรรมธรรมดาที่ไม่มีใครสนใจ แต่วันนั้นกลับมีผู้ประท้วงโกรธแค้นนับสิบคนเข้ามาในห้องประชุม ตะโกนว่าการเลือกตั้งถูกขโมยไป และเรียกร้องให้เขาละเมิดกฎหมายเพื่อเปลี่ยนคะแนนเสียง

เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในปี 2020 อย่างที่หลายคนอาจคิด แต่เป็นปี 2016 และผู้ประท้วงเป็นผู้สนับสนุน Hillary Clinton สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกที่เริ่มก่อตัวขึ้นในสังคมอเมริกัน

เมื่อการเลือกตั้งครั้งต่อมาใกล้เข้ามา Cox ตระหนักว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ เขาจึงโทรศัพท์หาคู่แข่งทางการเมือง Chris Peterson จากพรรคเดโมแครต เพื่อเสนอไอเดียที่หลายคนอาจมองว่า “บ้า” นั่นคือการถ่ายโฆษณาหาเสียงร่วมกัน

โฆษณาดังกล่าวมีเนื้อหาสั้นๆ แต่ทรงพลัง โดย Cox และ Peterson ยืนยันว่าพวกเขาสามารถโต้แย้งประเด็นต่างๆ โดยไม่ทำลายอีกฝ่าย สามารถไม่เห็นด้วยโดยไม่ต้องเกลียดชังกัน และไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ พวกเขาจะทำงานร่วมกันเพื่อรัฐยูทาห์

ผลตอบรับจากโฆษณานี้เกินความคาดหมาย มันกลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน มียอดวิวและแชร์นับล้าน และมีคำขอสัมภาษณ์จากสื่อทั่วโลก สิ่งนี้ยืนยันความเชื่อของ Cox ว่าคนส่วนใหญ่กำลังเหนื่อยล้ากับความขัดแย้ง และต้องการเห็นผู้นำทางการเมืองที่ยึดมั่นในคุณค่าพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน

ความสำเร็จของโฆษณานี้ไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น หนึ่งปีต่อมา มันถูกเลือกเป็นหนึ่งใน 25 การทดลองเพื่อลดความแตกแยกทางสังคมครั้งใหญ่โดย Stanford Polarization and Social Change Lab ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าโฆษณาของ Cox และ Peterson มีผลในการลดความแตกแยกที่มันวัดผลได้จริง รวมถึงการลดแรงกระตุ้นที่จะนำไปสู่ความรุนแรง

แม้ว่าสถานการณ์การเมืองในอเมริกาจะยังคงตึงเครียด แต่ก็มีสัญญาณบวกเกิดขึ้น ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ผู้ว่าการรัฐ 20 คนจากทั่วประเทศได้ถ่ายทำโฆษณาในลักษณะเดียวกัน ส่วนใหญ่กับข้าราชการจากพรรคตรงข้าม นอกจากนี้ ผลสำรวจจาก More in Common พบว่า 70% ของชาวอเมริกันเกลียดความแตกแยกทางการเมืองเป็นอย่างมาก

Cox ชี้ให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครต แต่อยู่ที่การรับรู้ที่ผิดพลาดว่าเราแตกต่างกันมากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสื่อและนักการเมืองที่เน้นสร้างความขัดแย้ง

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Cox เสนอแนวทางที่ทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน:

  1. ลดการบริโภคสื่อที่เน้นสร้างความขัดแย้ง เช่น ข่าวทางเคเบิล หรือการเลื่อนหน้าจอดูข่าวร้าย (doomscrolling) ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต
  2. ใช้เวลามากขึ้นกับคนจริงๆ ที่มีความคิดแตกต่างจากเรา โดยเฉพาะในโลกออฟไลน์ เพื่อสร้างความเข้าใจและลดอคติ
  3. รับใช้ผู้อื่นผ่านการอาสาสมัครหรือกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ซึ่งช่วยสร้างชุมชนและปรับปรุงมุมมองต่อชีวิตและผู้คนรอบข้าง
  4. พัฒนาคุณธรรมทางการเมืองแบบดั้งเดิม ได้แก่ ความถ่อมตน ความอดทน และการรู้จักประมาณตน

Cox ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความถ่อมตนในวาทกรรมทางการเมือง โดยอ้างอิงคำพูดของผู้พิพากษา Learned Hand ที่ว่า “จิตวิญญาณที่แท้จริงของเสรีภาพคือจิตวิญญาณที่ไม่มั่นใจจนเกินไปว่าตนเองถูกต้อง จิตวิญญาณของเสรีภาพคือจิตวิญญาณที่พยายามทำความเข้าใจจิตใจของคนอื่นๆ”

ในตอนท้าย Cox ย้อนกลับไปยังคำพูดของ Ronald Reagan ที่ว่าเสรีภาพไม่ใช่สิ่งที่เราได้รับมาโดยการสืบทอด แต่ต้องถูกต่อสู้และปกป้องอย่างต่อเนื่องโดยคนแต่ละรุ่น เขาเรียกร้องให้ทุกคนตระหนักถึงหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการรักษาเสรีภาพ ไม่ใช่ด้วยการรอคอยให้นักการเมืองหรือสื่อเป็นผู้ทำ แต่ด้วยการลงมือทำด้วยตัวเองของพลเมืองทุกคน

Cox สรุปว่า การเปลี่ยนแปลงโลกต้องเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงหัวใจของเราเอง ด้วยการเรียนรู้ที่จะไม่เห็นด้วยโดยปราศจากความเกลียดชัง และรักแม้กระทั่งคู่ต่อสู้ทางการเมืองของเรา แม้จะไม่ใช่คำตอบที่ง่าย แต่เป็นคำตอบที่เรียบง่ายและจำเป็นสำหรับการรักษาประชาธิปไตยให้ยั่งยืนต่อไป

References :
How to Disagree with Respect — Not Hate | Spencer J. Cox | TED
https://youtu.be/EzSdf3VK9qc?si=xl6Y3SR29zwuEU4j
https://www.deseret.com/utah/2024/04/17/utah-governor-spencer-cox-gives-ted-talk-on-disagree-better/

Geek Monday EP248 : เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องปรับตัว บทเรียนจากฟิลิปส์สู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยีสุขภาพ

ฟิลิปส์ – ชื่อที่คุ้นหูคนไทยมาหลายทศวรรษ จากเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ แต่วันนี้ ฟิลิปส์ได้เปลี่ยนโฉมตัวเองครั้งใหญ่ จากผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค มาเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ

พอดแคสต์ EP นี้มาชวนคุยเรื่องราวการเดินทางอันน่าทึ่งของบริษัทอายุกว่า 130 ปี ที่ไม่ยอมจำนนต่อความล้มเหลว แต่กลับลุกขึ้นมาปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/3vkxcdrv

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/375hk8yn

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/yxkkb5sr

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/kTfQRYKd1Eg

Geek Life EP62 : เผยเคล็ดลับ ‘สมองว่าง สร้างเงินล้าน’ วิธีใช้ความเบื่อสร้างความสำเร็จแบบอัจฉริยะ

ชีวิตมักเต็มไปด้วยเรื่องราวที่คาดไม่ถึง บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นอุปสรรคกลับกลายเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ เรื่องราวของ Dr. Sasha Hamdani เริ่มต้นในปี 2020 เมื่อเธอให้กำเนิดบุตร และเพียงสองวันต่อมา โลกก็ถูก shutdown ลงด้วยวิกฤตโควิด-19

ในฐานะแม่มือใหม่ Dr. Hamdani เผชิญกับความกังวลและความเครียดเช่นเดียวกับคนทั่วไป แต่ในขณะเดียวกัน การกักตัวอยู่บ้านก็สอดคล้องกับช่วงเวลาแห่งการพักฟื้นหลังคลอดได้อย่างลงตัว

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/2y5fjbka

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/477ayf5r

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/ORgpKdajSuE

สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ผนึกโนวาร์ตีส ประเทศไทย จัดเวทีมุ่งเน้น ขับเคลื่อนการดูแลรักษาโรคหัวใจ ในงาน ‘Cardio Catalyst: Driving Change in Heart Health’

สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย นำโดย นายเปโดร สวาห์เลน เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน “Cardio Catalyst: Driving Change in Heart Health” ครั้งที่ 2 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างอนามัยและสุขภาวะที่ดีให้กับคนไทย

โดยได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายเควิน โจว Head, Asia Aspiring Cluster, Novartis International ร่วมเปิดงาน ณ สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย 

ภายในงานมีการเสวนาระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนเกี่ยวกับการสร้างความตระหนักรู้ การพัฒนาการรักษา และแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบโล่ AHA GWTG HF และแสดงความยินดีกับ 6 โรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองคุณภาพการรักษาผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวตามมาตรฐานระดับนานาชาติจาก American Heart Association ซึ่งแสดงถึงศักยภาพและคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในระดับสากล

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญในการหารือเกี่ยวกับปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประเทศไทยและทั่วโลก จากข้อมูลสถิติของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มวัยทำงานที่อายุน้อยลง กระทรวงสาธารณสุขได้ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหานี้ และกำหนดให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของกระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการแพทย์ ในการสร้างโครงการและนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การจัดตั้งคลินิกโรคหัวใจล้มเหลว และการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรอง ติดตาม และให้คำแนะนำผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ในโอกาสนี้ ขอแสดงความยินดีกับทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับรางวัลจากสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”

พล.ต.ต.นพ.เกษม รัตนสุมาวงศ์ นายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อธิบายถึงสถานการณ์การดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดในปัจจุบันว่าแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ การดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจแล้ว และการป้องกันการเกิดโรคหัวใจในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงแต่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ สำหรับการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ ประเทศไทยมีการพัฒนาการรักษาอย่างต่อเนื่อง

โดยการขับเคลื่อนจากกระทรวงสาธารณสุขรวมถึงอีกหลายๆหน่วยงานและสมาคมวิชาชีพต่างๆซึ่งรวมถึงสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อพัฒนาระบบ ‘Fast Track’ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วและได้รับผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้มีการจัดตั้ง ‘คลินิกหัวใจล้มเหลว’ ในหลายโรงพยาบาลทั่วประเทศ ไปพร้อมกับการทำงานร่วมกันระหว่างทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลตามมาตรฐานสูงสุดที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สำหรับการป้องกันการเกิดโรคหัวใจในผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ คือการสร้างความตระหนักรู้เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยง สัญญาณเตือนและอันตรายของโรคหัวใจ

โดยเผยว่าปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้องในสื่อโซเชียลมีเดียอยู่และทำให้ผู้ป่วยมีความสับสนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต พฤติกรรมบริโภค การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารอาหารเสริมรวมถึงความกังวลถึงผลข้างเคียงของยา

ทางสมาคมฯ จึงได้จัดทำ เว็บไซต์ ThaiHealthyHeart.com ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันและดูแลตนเองสำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง และจัดทำแนวเวชปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ภาวะหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง และผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว

“สำหรับงาน Cardio Catalyst: Driving Change in Heart Health ในวันนี้ มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะขับเคลื่อนการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และช่วยผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างทุกภาคส่วน ในการดูแลสุขภาพของประชาชนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อลดอุบัติการณ์การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด”

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงหลักการ 4A ในการพัฒนาระบบการดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดในประเทศไทย อันได้แก่ การตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค (Awareness) การประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรค (Assessment) การเข้าถึงการรักษาตามมาตรฐานที่เหมาะสม (Accessibility) และการมีวินัยในการรับการรักษาและการรับประทานยา (Adherence)

ทางด้าน เภสัชกรหญิงสุมาลี คริสธานินทร์ ประธานบริหาร บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด  ได้กล่าวถึงความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ เข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เพื่อลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ และส่งเสริมให้เกิดผลการรักษาที่ดีขึ้น

“ที่โนวาร์ตีส เราเล็งเห็นว่า การเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้ เราจึงเชื่อว่าการทำงานร่วมกับผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และองค์กรต่างๆ ทั่วโลก จะนำไปสู่การพัฒนาการดูแลโรคหัวใจที่ก้าวหน้าไปมากกว่าการใช้ยาเพียงอย่างเดียว โดยในปีนี้เราได้ต่อยอดจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ด้วยความมุ่งหวังที่จะช่วยผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทางด้านการดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากโรคเหล่านี้กำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่เพียงในผู้สูงอายุ แต่ยังรวมถึงผู้ที่มีอายุน้อยทั่วโลก ผ่านเวทีที่ช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคในทุกภาคส่วนให้ห่างไกลจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่ผ่านมาเราได้ทำงานร่วมกับหลายภาคส่วนในการยกระดับการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวให้ได้มาตรฐานสากล เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้านี้ และขอขอบคุณโรงพยาบาลและทีมบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลและทุ่มเทเพื่อผู้ป่วยอย่างตั้งใจเสมอมา ด้วยความร่วมมือกัน เราจะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดียิ่งขึ้น และได้ใช้เวลาอันมีค่ากับคนที่รักมากขึ้น”
การเสวนาและกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังอย่างเหนียวแน่นจากทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพหัวใจและลดอัตราการเสียชีวิตทำให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาวขึ้น กลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำน้อยลง และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้ป่วย ตอกย้ำถึงเส้นทางความสำเร็จในวันข้างหน้าที่มุ่งสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนแก่ประชาชนไทย

ในขณะเดียวกันประชาชนยังสามารถมีส่วนร่วมในการลดจำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้ โดยการหมั่นตรวจสุขภาพหัวใจ คอยสังเกตและเอาใจใส่ครอบครัวและคนใกล้ชิด เพื่อป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค รวมถึงกระตุ้นให้ผู้ป่วยให้มีวินัยในการรักษามากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข