ในโลกของการแข่งขันทางธุรกิจที่ดุเดือด การมองการณ์ไกลและวางแผนล่วงหน้าเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือนการเล่นหมากรุกที่ผู้เล่นต้องคิดหลายตาล่วงหน้าเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ ในทำนองเดียวกัน นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล วางแผนอย่างรอบคอบ และเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
Patrick Bet-David ผู้เขียนหนังสือ “Your Next Five Moves” ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการวางแผนธุรกิจในระยะยาว โดยเปรียบเทียบกับการเล่นหมากรุกที่ต้องคิดล่วงหน้าอย่างน้อย 5 ตา Bet-David เสนอว่า การคิดล่วงหน้า 5 ก้าวในโลกธุรกิจจะช่วยให้คุณก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดและเอาชนะคู่แข่งได้ในที่สุด
ก้าวแรกสู่ความสำเร็จ: รู้จักตัวตนที่แท้จริง
การรู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการก้าวสู่ความสำเร็จ Benjamin Franklin เคยกล่าวไว้ว่า “มีสามสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งคือ เหล็กกล้า เพชร และการรู้จักตนเอง” ในขณะที่ Lao Tzu ปราชญ์ชาวจีนก็ได้กล่าวไว้ว่า “คำตอบทั้งหมดอยู่ที่ศูนย์กลางของตัวคุณเอง คุณรู้ว่าคุณเป็นใครและต้องการอะไร”
การทำความเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้คุณค้นพบแรงผลักดันภายในที่แท้จริง และเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมดในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ในโลกธุรกิจ
Bet-David แนะนำให้เราใช้เวลาอยู่กับตัวเองในที่เงียบสงบ และตั้งคำถามสำคัญๆ กับตัวเอง เช่น “ความสำเร็จอะไรที่ฉันภูมิใจที่สุดและทำไม?” คำถามนี้จะช่วยให้คุณค้นพบคุณค่าและความหมายที่แท้จริงในชีวิตของคุณ
นอกจากนี้ Bet-David ยังเสนอคำถามที่น่าสนใจอีกข้อหนึ่ง นั่นคือ “ฉันต้องกลายเป็นคนแบบไหนเพื่อหยุดอิจฉาผู้อื่น?” คำถามนี้จะช่วยให้คุณตระหนักถึงเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเอง และหยุดการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นซึ่งเป็นสิ่งที่ทำลายสมาธิและพลังงานในการทำงานของคุณ
Bet-David ยกตัวอย่างเรื่องราวของ Shawn เพื่อนของเขาที่มักจะเปลี่ยนงานบ่อยๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถไล่ตามความสำเร็จของผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้ทัน
แต่เมื่อ Bet-David ถามคำถามง่ายๆ ว่า “คุณต้องการชีวิตแบบไหนจริงๆ?” Shawn ก็ค้นพบว่าสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ไม่ใช่การเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่เป็นการมีชีวิตที่สมดุลระหว่างการทำงานและครอบครัว
การรู้จักตัวเองอย่างแท้จริงจะช่วยให้คุณสร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับชีวิตและธุรกิจของคุณ ซึ่งจะเป็นเข็มทิศนำทางไปสู่เป้าหมายที่แท้จริง แทนที่จะหลงทางไปกับความคาดหวังของสังคมหรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่น
ก้าวที่สอง: เผชิญหน้ากับปัญหาอย่างกล้าหาญ
ในโลกธุรกิจ การเผชิญหน้ากับปัญหาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่แยกนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จออกจากคนอื่นๆ คือวิธีการจัดการกับปัญหาเหล่านั้น Bet-David เสนอว่า เราควรมองปัญหาเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา แทนที่จะมองว่าเป็นอุปสรรคที่น่ากลัว
แนวทางแรกคือการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหา แทนที่จะรู้สึกกลัวหรือท้อแท้เมื่อเจอปัญหา ให้มองปัญหาเหมือนเป็นสมการทางคณิตศาสตร์ที่ท้าทายและน่าสนใจ การเปลี่ยนมุมมองเช่นนี้จะช่วยให้คุณนำพลังงานและความคิดสร้างสรรค์มาใช้ในการแก้ปัญหาได้มากขึ้น
ประการที่สอง การยอมรับปัญหาเป็นสิ่งสำคัญ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะไม่ปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงปัญหา แต่จะเผชิญหน้ากับมันอย่างตรงไปตรงมา พวกเขาจะรับผิดชอบต่อปัญหาและใช้ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นเป็นแรงผลักดันในการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
สุดท้าย การวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเป็นทักษะที่สำคัญ Bet-David แนะนำให้ถามตัวเองเสมอว่า “ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร?”
เขายกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตัวเองที่สูญเสียลูกค้ารายใหญ่ เมื่อวิเคราะห์ลึกลงไป เขาพบว่าปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องราคา แต่เป็นเพราะผลิตภัณฑ์ของเขามีฟีเจอร์มากเกินความต้องการของลูกค้า
การเข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณสามารถคิดหาวิธีแก้ไขที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณสามารถกำหนดแนวทางป้องกันไม่ให้ปัญหาเดิมเกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต
ก้าวที่สาม: สร้างทีมที่แข็งแกร่ง
ความสำเร็จในโลกธุรกิจไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว แต่เป็นผลงานของทีมที่แข็งแกร่ง Reed Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณเล่นเกมคนเดียว คุณจะแพ้ทีมเสมอ” ดังนั้น การสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว
Bet-David แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการจัดทำเอกสารและสร้างความไว้วางใจในทีม การบันทึกทุกขั้นตอนการทำงาน การสร้างคู่มือการปฏิบัติงาน และการจัดทำรายการตรวจสอบโดยละเอียด จะช่วยให้ทีมของคุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในยามที่คุณไม่อยู่
Bet-David กล่าวว่า “ยิ่งธุรกิจของคุณพึ่งพาตัวคุณน้อยลงเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น”
การสร้างทีมที่แข็งแกร่งไม่ใช่แค่เรื่องของการจ้างคนที่มีความสามารถ แต่ยังรวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความซื่อสัตย์และความไว้วางใจ
Bet-David เน้นย้ำว่าความซื่อสัตย์ควรเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการคัดเลือกสมาชิกทีม เพราะทีมที่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น
ก้าวที่สี่: ขยายธุรกิจผ่านการพัฒนาคน
การเติบโตของธุรกิจไม่ได้จำกัดอยู่แค่การขยายฐานลูกค้าหรือเพิ่มยอดขาย แต่ยังรวมถึงการพัฒนาศักยภาพของคนในองค์กรด้วย Bet-David เสนอแนวคิดที่น่าสนใจว่า การขยายธุรกิจที่ยั่งยืนที่สุดคือการขยายผ่านการพัฒนาคนในองค์กร
เขาแนะนำให้ผู้นำองค์กรตั้งคำถามกับตัวเองทุกเช้าว่า “วันนี้ฉันจะช่วยให้ทีมของฉันเติบโตได้อย่างไร?” การสนับสนุนให้พนักงานตั้งเป้าหมายส่วนตัวและเป้าหมายในอาชีพที่ท้าทาย แล้วช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น จะสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องในองค์กร
เมื่อพนักงานได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาตนเอง พวกเขาจะมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น และนำความรู้ความสามารถที่เพิ่มขึ้นมาใช้ในการพัฒนาองค์กร นี่คือวงจรแห่งการเติบโตที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อพนักงานและองค์กร
Bet-David ยังเสนอแนวคิดเรื่องการส่งเสริมให้พนักงานมีความเป็นผู้ประกอบการภายในองค์กร หรือที่เรียกว่า “Intrapreneurship”
โดยให้อิสระแก่พนักงานในการคิดค้นนวัตกรรมหรือวิธีการทำงานใหม่ๆ เช่น การให้ผู้จัดการฝ่ายขายออกแบบและดำเนินกลยุทธ์การขายใหม่ด้วยตนเอง หรือการเปิดโอกาสให้พนักงานนำเสนอไอเดียธุรกิจใหม่ๆ ภายในองค์กร
การให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ เช่น การเสนอหุ้นในบริษัทให้กับพนักงานที่มีผลงานโดดเด่น ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและความผูกพันกับองค์กรในระยะยาว เมื่อพนักงานรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จขององค์กร พวกเขาจะทุ่มเทและสร้างสรรค์ผลงานที่ดียิ่งขึ้น
ก้าวที่ห้า: ฉวยโอกาสที่เปิดกว้าง
ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การมองเห็นโอกาสและกล้าที่จะคว้าไว้เป็นทักษะสำคัญที่จะแยกผู้ชนะออกจากผู้แพ้
Bet-David เปรียบเทียบทักษะนี้กับการเล่นหมากรุก ที่ผู้เล่นต้องมองเห็นภาพรวมของกระดาน คอยสังเกตจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม และพร้อมที่จะฉวยโอกาสเมื่อมันมาถึง
ในธุรกิจก็เช่นกัน ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด สังเกตเห็นช่องว่างที่คู่แข่งมองข้าม และกล้าที่จะก้าวเข้าไปในพื้นที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครบุกเบิก
Bet-David ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตัวเองในปี 2009 เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าบริษัทประกันในรัฐที่เขาอาศัยอยู่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์อย่างเต็มที่ และยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการให้บริการกลุ่มชนกลุ่มน้อย เช่น ผู้หญิงละติน
เขาจึงฉวยโอกาสนี้ด้วยการจ้างพนักงานขายที่เป็นผู้หญิงละติน ฝึกอบรมพวกเธอให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการขายอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเอาชนะคู่แข่งที่ใช้วิธีการตลาดแบบเดิมๆ ได้อย่างรวดเร็ว
การฉวยโอกาสไม่ได้หมายถึงการรีบร้อนทำทุกอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นโอกาส แต่หมายถึงการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน การวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ และการกล้าตัดสินใจเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจะต้องรู้จักสมดุลระหว่างความระมัดระวังและความกล้าเสี่ยง รู้ว่าเมื่อไหร่ควรรอ และเมื่อไหร่ควรก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
การนำกลยุทธ์ 5 ขั้นไปใช้ในธุรกิจ
การนำกลยุทธ์ 5 ขั้นของ Patrick Bet-David ไปใช้ในธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับผู้ที่มุ่งมั่นและพร้อมที่จะเรียนรู้
เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง รู้ว่าอะไรคือแรงผลักดันที่แท้จริงของคุณ และคุณต้องการเป็นใครในโลกธุรกิจ จากนั้นฝึกฝนการมองปัญหาเป็นโอกาส เผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างกล้าหาญ และหาวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์
การสร้างทีมที่แข็งแกร่งเป็นอีกก้าวสำคัญ ให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจและการพัฒนาตนเอง ส่งเสริมให้พนักงานของคุณเติบโตทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และความรับผิดชอบ เมื่อคนในองค์กรเติบโต ธุรกิจของคุณก็จะเติบโตตามไปด้วย
สุดท้าย อย่าลืมมองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ ฝึกฝนการมองภาพรวมของตลาด สังเกตการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป การเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงจะช่วยให้คุณอยู่เหนือคู่แข่งเสมอ
การนำกลยุทธ์ 5 ขั้นนี้ไปใช้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เหมือนกับการเล่นหมากรุกที่ต้องคิดหลายตาล่วงหน้า การวางแผนธุรกิจ 5 ก้าวล่วงหน้าจะช่วยให้คุณเป็นผู้กำหนดทิศทางของเกม แทนที่จะเป็นเพียงผู้เล่นที่คอยตั้งรับการเคลื่อนไหวของคู่แข่งเท่านั้น
บทสรุป
แนวคิดเรื่อง “Your Next Five Moves” ของ Patrick Bet-David นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจในการบริหารธุรกิจ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางแผนระยะยาวและการคิดอย่างเป็นระบบ การรู้จักตัวเอง การเผชิญหน้ากับปัญหา การสร้างทีมที่แข็งแกร่ง การพัฒนาคน และการฉวยโอกาสที่เปิดกว้าง ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การนำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติจริงอาจต้องอาศัยความอดทน ความมุ่งมั่น และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวในการทำธุรกิจ
แต่การมีกรอบความคิดที่ชัดเจนและยืดหยุ่นเช่นนี้จะช่วยให้คุณสามารถนำพาธุรกิจของคุณผ่านพ้นความท้าทายต่างๆ และก้าวสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด
เหมือนกับการเล่นหมากรุกที่ต้องอาศัยทั้งกลยุทธ์ การคาดการณ์ล่วงหน้า และการปรับตัวตามสถานการณ์ การทำธุรกิจก็เช่นกัน ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจะต้องเป็นทั้งนักกลยุทธ์ นักแก้ปัญหา และผู้นำที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมได้ ด้วยการฝึกฝนและพัฒนาทักษะเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถก้าวขึ้นเป็นแกรนด์มาสเตอร์ในเกมธุรกิจได้อย่างแน่นอน
References :
หนังสือ Your Next Five Moves: Master the Art of Business Strategy โดย Patrick Bet-David