Geek Monday EP247 : เมื่อเยอรมนีกำลังสูญเสียบัลลังก์ให้จีน ในวันที่รถเยอรมันไม่ใช่เบอร์ 1 อีกต่อไป

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันได้ครองความเป็นผู้นำในตลาดโลกด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และนวัตกรรม แบรนด์อย่าง Volkswagen, BMW และ Mercedes-Benz กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความเป็นเลิศทางวิศวกรรม อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมที่เคยรุ่งเรืองนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของมันอย่างมีนัยสำคัญ

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดโลกและเทคโนโลยียานยนต์กำลังบีบให้บริษัทรถยนต์เยอรมันต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว หรือเสี่ยงที่จะสูญเสียตำแหน่งผู้นำที่เคยครองมาอย่างยาวนาน ความกังวลนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์เพียงเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปสู่ระดับชาติ เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจเยอรมัน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/2ae2bavh

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/2pjkvvhz

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/my6bd2yb

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/cA3MS8Sv9kE

ปลดล็อกพลังในตัวคุณด้วยภาษากาย : เปลี่ยนร่างกาย เปลี่ยนชีวิต บทเรียนจากหนึ่งใน TED Talk ที่โด่งดังที่สุด

ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการแข่งขัน การค้นพบพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเราอาจเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ Amy Cuddy นักจิตวิทยาสังคมผู้มีชื่อเสียง ได้เปิดเผยเคล็ดลับง่ายๆ ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ เพียงแค่เปลี่ยนท่าทางของเราเป็นเวลาสองนาที

เธอเริ่มต้นด้วยการให้ผู้ฟังสำรวจร่างกายของตัวเอง สังเกตว่ากำลังทำอะไรอยู่ กำลังห่อไหล่ ไขว้ขา หรือกอดอกหรือไม่ ท่าทางเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงความรู้สึกไม่มั่นคงหรือขาดความมั่นใจ Cuddy อธิบายว่าภาษากายของเรามีผลต่อการรับรู้ของผู้อื่นและตัวเราเองอย่างมาก

ในโลกของสัตว์ การแสดงออกถึงอำนาจและการครอบงำมักเกี่ยวข้องกับการขยายตัว ทำให้ตัวเองดูใหญ่ขึ้น ยืดตัวออก และใช้พื้นที่มากขึ้น มนุษย์ก็มีพฤติกรรมคล้ายกัน ทั้งเมื่อมีอำนาจจริงและเมื่อรู้สึกมีอำนาจชั่วขณะ การแสดงออกนี้เป็นสากลและมีมาแต่โบราณ แม้แต่คนตาบอดแต่กำเนิดก็ยังแสดงท่าทางยกแขนขึ้นเป็นรูปตัววีเมื่อชนะการแข่งขัน

ในทางตรงกันข้าม เมื่อรู้สึกไร้อำนาจ เรามักจะหดตัวลง ห่อตัว และทำให้ตัวเองเล็กลง Cuddy สังเกตเห็นความแตกต่างนี้ในชั้นเรียน MBA ที่เธอสอน นักศึกษาบางคนแสดงออกถึงความมั่นใจอย่างเต็มที่ ในขณะที่คนอื่นๆ ดูเหมือนจะพยายามทำตัวเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เธอสงสัยว่าการเปลี่ยนท่าทางอาจส่งผลต่อความมั่นใจและการมีส่วนร่วมของนักศึกษาหรือไม่

จากความสงสัยนี้ Cuddy และเพื่อนร่วมงานจึงทำการทดลองเพื่อดูว่าการ “แกล้งทำจนกว่าจะทำได้จริง” สามารถส่งผลต่อความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของเราได้หรือไม่ พวกเขาให้ผู้เข้าร่วมการทดลองทำท่าทางที่แสดงถึงอำนาจสูงหรือต่ำเป็นเวลาสองนาที แล้ววัดผลทางชีวเคมีและพฤติกรรม

ผลการทดลองน่าทึ่งมาก คนที่ทำท่าทางแสดงถึงอำนาจสูงมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเพิ่มขึ้น 20% และระดับคอร์ติซอลลดลง 25% ในทางตรงกันข้าม คนที่ทำท่าทางแสดงถึงอำนาจต่ำมีระดับเทสโทสเตอโรนลดลง 10% และระดับคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น 15%

การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนเหล่านี้มีความสำคัญมาก เพราะเทสโทสเตอโรนเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นใจและการเป็นผู้นำ ในขณะที่คอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด การมีระดับเทสโทสเตอโรนสูงและคอร์ติซอลต่ำเป็นลักษณะของผู้นำที่มีประสิทธิภาพ

Cuddy และทีมของเธอไม่ได้หยุดแค่นั้น เธอต้องการรู้ว่าการเปลี่ยนท่าทางเพียงสองนาทีสามารถส่งผลต่อสถานการณ์ในชีวิตจริงได้หรือไม่ พวกเขาจึงทำการทดลองโดยให้ผู้เข้าร่วมทำท่าทางแสดงถึงอำนาจก่อนการสัมภาษณ์งานจำลอง

ผลลัพธ์ชัดเจน ผู้ที่ทำท่าทางแสดงถึงอำนาจสูงได้รับการประเมินในแง่บวกมากกว่าและมีโอกาสได้รับการจ้างงานมากกว่า ไม่ใช่เพราะเนื้อหาของสิ่งที่พวกเขาพูด แต่เป็นเพราะวิธีที่พวกเขานำเสนอตัวเอง พวกเขาดูมีความมั่นใจมากกว่า แสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้ดีกว่า

Cuddy เน้นย้ำว่านี่ไม่ใช่เรื่องของการหลอกลวงหรือการพยายามทำตัวเป็นคนอื่น แต่เป็นเรื่องของการปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเราออกมา เธอแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวของเธอ หลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ส่งผลให้ IQ ของเธอลดลง เธอต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อกลับเข้าเรียนและสำเร็จการศึกษา

แม้หลังจากได้เข้าเรียนที่ Princeton Cuddy ก็ยังรู้สึกว่าเธอไม่ควรอยู่ที่นั่น แต่ด้วยการสนับสนุนจากอาจารย์ที่ปรึกษา เธอได้เรียนรู้ที่จะ “แกล้งทำจนกว่าจะทำได้จริง” เธอรับทุกโอกาสในการนำเสนอ แม้จะรู้สึกกลัวมากเพียงใดก็ตาม จนในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าเธอไม่ได้แกล้งทำอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นสิ่งนั้นจริงๆ

เรื่องราวของ Cuddy ไม่ได้จบลงแค่นั้น เธอได้มีโอกาสแบ่งปันบทเรียนนี้กับนักศึกษาของเธอเองที่ Harvard ซึ่งกำลังเผชิญกับความรู้สึกไม่มั่นใจแบบเดียวกัน เธอกระตุ้นให้นักศึกษาคนนั้น “แกล้งทำ” ว่ามีความมั่นใจ และผลลัพธ์ก็น่าทึ่ง นักศึกษาไม่เพียงแต่มีส่วนร่วมในชั้นเรียนมากขึ้น แต่ยังเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอย่างแท้จริง

Cuddy สรุปว่าเราไม่ควรเพียงแค่ “แกล้งทำจนกว่าจะทำได้จริง” แต่ควร “แกล้งทำจนกว่าจะกลายเป็นสิ่งนั้น” เธอเชื่อว่าการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ เธอแนะนำให้ทุกคนลองทำท่าทางที่แสดงถึงอำนาจเป็นเวลาสองนาทีก่อนเข้าสู่สถานการณ์ที่มีความเครียด ไม่ว่าจะเป็นในลิฟต์ ห้องน้ำ หรือหลังโต๊ะทำงาน

ท้ายที่สุด Cuddy เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแบ่งปันความรู้นี้กับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อาจรู้สึกว่าตนเองไม่มีทรัพยากร เทคโนโลยี สถานะ หรืออำนาจ เพราะเทคนิคนี้ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าร่างกาย ความเป็นส่วนตัว และเวลาเพียงสองนาที แต่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ

การค้นพบของ Cuddy ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการเพิ่มความมั่นใจในสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่ยังเป็นการเตือนใจว่าเรามีพลังในการหล่อหลอมตัวตนของเราเองมากกว่าที่เราคิด ด้วยการปรับเปลี่ยนท่าทางและทัศนคติของเรา เราสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่เรามองตัวเองและวิธีที่โลกมองเราได้ ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความท้าทาย การมีเครื่องมือง่ายๆ แต่ทรงพลังเช่นนี้อาจเป็นสิ่งที่แยกความสำเร็จออกจากความล้มเหลวได้นั่นเองครับผม

References :
Your Body Language May Shape Who You Are | Amy Cuddy | TED
https://youtu.be/Ks-_Mh1QhMc?si=AlpwXas2zEtBHDxl
https://www.body-language-trainer.com/use-body-language-change-emotional-state/

Geek Life EP55 : เปลี่ยนคำพูด เปลี่ยนชะตา Magic Words คำมหัศจรรย์ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณตั้งแต่วันนี้

ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวนและข้อมูลมากมาย บางครั้งเราอาจลืมไปว่าคำพูดธรรมดาๆ ที่เราใช้ทุกวันนั้นมีพลังมหาศาลในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราและผู้อื่น หนังสือ “Magic Words” ของ Jonah Burger ได้เปิดเผยให้เห็นถึงพลังอันน่าทึ่งของคำบางคำที่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อารมณ์ และแม้กระทั่งอัตลักษณ์ของเราได้

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4yf3m75e

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/yckftuxw

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/5yck3a4RNRI

พูดยังไงให้ปัง? จากคนเงียบขรึมสู่นักพูดมือทอง ด้วยเคล็ดลับจากกูรู Google และ BCG

ในโลกปัจจุบันที่การสื่อสารเป็นทักษะสำคัญ การพูดและเขียนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษา พนักงานบริษัท หรือผู้บริหาร การสื่อสารที่ชัดเจนและตรงประเด็นจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต

Matt Huang ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์และการดำเนินงานที่ Google และอดีตที่ปรึกษาด้านการจัดการที่ BCG ได้มาแบ่งปันเคล็ดลับการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพที่เขาใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวันผ่านช่อง Youtube ของเขา (Matt Huang Channel)

เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน

“ก่อนที่คุณจะเริ่มพูดหรือเขียนอะไร คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณต้องการอะไร” Matt เริ่มต้นบทสนทนาด้วยประโยคนี้

เขาอธิบายว่า คนส่วนใหญ่มักเข้าสู่การสนทนาหรือการประชุมโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพ “ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะเข้าประชุมกับเจ้านาย คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากการประชุมครั้งนี้ จะขออนุมัติโครงการใหม่หรือเสนอแนวคิดใหม่ ๆ หรือแค่รายงานความคืบหน้าของงาน”

Matt ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่พบบ่อยในการทำงาน “สมมติว่าคุณกำลังจะเข้าพบ CEO เพื่อขออนุมัติงบประมาณสำหรับโครงการใหม่ คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมว่าจะนำเสนออย่างไร จะตอบคำถามอย่างไรหากมีข้อสงสัย และที่สำคัญคือต้องรู้ว่าผลลัพธ์ที่คุณต้องการคืออะไร”

เขาย้ำว่าการมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีสมาธิในการสนทนา ไม่หลงประเด็น และสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น “เมื่อจบการสนทนา คุณควรสามารถถามตัวเองได้ว่า ‘ฉันบรรลุเป้าหมายนี้หรือยัง? ถ้าไม่ อะไรที่ต้องทำต่อ?’ อาจเป็นการนัดประชุมติดตามผลหรือขั้นตอนต่อไปที่ต้องดำเนินการ”

รู้จักผู้ฟังของคุณ

“การรู้จักผู้ฟังเป็นกุญแจสำคัญของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ” Matt กล่าว “คุณต้องเข้าใจว่าคนที่คุณกำลังสื่อสารด้วยคือใคร พวกเขามีพื้นฐานความรู้อะไร และอะไรที่สำคัญสำหรับพวกเขา”

เขายกตัวอย่างจากประสบการณ์การทำงานกับนักศึกษาและมืออาชีพที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน “ผมเจอบ่อยมากที่คนที่มาจากสายงานเทคนิค เช่น วิศวกร หรือนักวิทยาศาสตร์ มักจะใช้ศัพท์เฉพาะทางในการอธิบายงานของตัวเอง ซึ่งคนทั่วไปอาจไม่เข้าใจ”

Matt แนะนำว่า “คุณต้องสมมติว่าผู้ฟังของคุณมีความรู้พื้นฐานเป็นศูนย์ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องอธิบายทุกอย่างเหมือนพูดกับเด็ก แต่คุณควรเริ่มต้นด้วยการให้บริบทและคำอธิบายพื้นฐาน แล้วค่อย ๆ เพิ่มรายละเอียดขึ้นไป”

เขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลดการใช้ศัพท์เฉพาะทาง “ถ้าคุณกำลังสื่อสารกับคนที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในสาขาของคุณ พยายามใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย อธิบายแนวคิดที่ซับซ้อนด้วยคำพูดธรรมดา ๆ และใช้ตัวอย่างที่คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้”

Matt ยังแนะนำให้ใช้เทคนิคของ Richard Feynman นักฟิสิกส์ชื่อดัง “ลองอธิบายแนวคิดที่ซับซ้อนให้เด็กอายุ 10 ขวบฟัง ถ้าคุณทำได้ นั่นแสดงว่าคุณเข้าใจมันอย่างถ่องแท้จริง ๆ”

วิธีการพูดที่มีประสิทธิภาพ

“เมื่อคุณรู้ว่าต้องการอะไรและกำลังพูดกับใคร ขั้นตอนสุดท้ายคือการรู้วิธีการพูด” Matt กล่าว

เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีโครงสร้างในการนำเสนอ “คุณต้องมีแผนที่ชัดเจนว่าจะพูดอะไรบ้าง เรียงลำดับอย่างไร ไม่เช่นนั้นคุณอาจหลงทางระหว่างการนำเสนอได้”

Matt แนะนำโครงสร้างพื้นฐานดังนี้:

  1. เริ่มต้นด้วยบริบท: อธิบายว่าทำไมเราถึงมีการประชุมนี้ อะไรคือสถานการณ์ปัจจุบัน
  2. เนื้อหาหลัก: แบ่งเป็นหัวข้อย่อยตามความเหมาะสม
  3. สรุปและเรียกร้องให้ดำเนินการ (Call to Action): สรุปประเด็นสำคัญและบอกว่าต้องทำอะไรต่อไป

“Call to Action เป็นสิ่งสำคัญมาก”Matt กล่าว “ทุกการประชุมควรจบลงด้วยการมอบหมายงานที่ชัดเจน ใครต้องทำอะไร ภายในเมื่อไหร่ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ การประชุมก็อาจไม่มีประโยชน์เลย”

นอกจากนี้ Matt ยังแนะนำให้เขียนทุกอย่างลงไปก่อนการนำเสนอ “การเขียนช่วยให้คุณจัดระเบียบความคิดได้ดีขึ้น ถ้าคุณอ่านสิ่งที่คุณเขียนแล้วมันไม่มีความหมาย คุณคิดว่ามันจะมีความหมายเมื่อออกจากปากคุณหรือ? แน่นอนว่าไม่ใช่”

เขาสรุปว่า “การเขียนที่ชัดเจนนำไปสู่การคิดที่ชัดเจน และการคิดที่ชัดเจนนำไปสู่การพูดที่ชัดเจน นี่คือหัวใจสำคัญของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ”

บทสรุป: ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

Matt ทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำว่า “การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่ทักษะที่จะเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน มันต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งในที่ทำงาน ในการเรียน หรือแม้แต่ในการพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว คุณจะเห็นว่าการสื่อสารของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ”

เขากล่าวทิ้งท้ายว่า “จำไว้ว่า การสื่อสารที่ดีไม่ได้เกี่ยวกับการพูดมาก แต่เกี่ยวกับการพูดให้ตรงประเด็นและมีความหมาย เมื่อคุณสามารถทำให้คนอื่นเข้าใจความคิดของคุณได้อย่างชัดเจน นั่นแหละคือความสำเร็จที่แท้จริงของการสื่อสาร”

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ ด้วยการฝึกฝนและใส่ใจในรายละเอียด คุณสามารถพัฒนาความสามารถในการสื่อสารของคุณได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งใดหรือทำงานในสาขาไหน การสื่อสารที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างแน่นอน

References :
Communicating effectively is shockingly uncomplicated
https://youtu.be/wbM8zfMVoG0?si=6US9GFxtCy8szwcA