จากพูดติดอ่างสู่นักพูดมือโปร : ปลดล็อกพลังการพูด วิธีคิดเร็ว พูดฉลาด ที่ใครๆ ก็ทำได้

ในโลกที่เต็มไปด้วยการประชุม การนำเสนอ และการสนทนาที่ไม่คาดคิด การพูดอย่างฉับไวและชาญฉลาดเป็นทักษะที่มีค่ายิ่ง แต่สำหรับหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์กับความวิตกกังวลในการพูดในที่สาธารณะ

การพูดโดยไม่ได้เตรียมตัวอาจเป็นความท้าทายที่น่ากลัว Matt Abrahams ผู้เขียนหนังสือ “Think Faster Talk Smarter” หรือ “คิดเร็ว พูดฉลาด” ได้นำเสนอแนวทางที่น่าสนใจในการเอาชนะความท้าทายนี้

Abrahams ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับอาการพูดติดอ่าง เข้าใจดีถึงความวิตกกังวลที่มาพร้อมกับการถูกเรียกให้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุมที่เต็มไปด้วยบุคคลสำคัญ ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวและการศึกษาวิจัยอย่างลึกซึ้ง เขาได้พัฒนาเทคนิคและกลยุทธ์ที่ไม่เพียงแต่ช่วยจัดการกับความวิตกกังวล แต่ยังช่วยให้ผู้พูดสามารถแสดงความคิดได้อย่างชัดเจนและน่าประทับใจ

แผนจัดการความวิตกกังวลแบบ 3S เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่ Abrahams นำเสนอ ตัว S แรกคือ Separate yourself หรือการแยกตัวคุณออกจากความวิตกกังวล

เมื่อถูกเรียกให้พูด เป็นเรื่องธรรมชาติที่ความวิตกกังวลจะเพิ่มขึ้น แต่กุญแจสำคัญคือการตระหนักว่าตัวคุณกับความวิตกกังวลเป็นสองสิ่งที่แยกจากกัน ลองนึกภาพว่าเรากำลังยืนอยู่นอกร่างกายของตัวเอง สังเกตความรู้สึกวิตกกังวลนั้นราวกับว่ามันกำลังเกิดขึ้นกับคนอื่น แล้วให้กำลังใจตัวเองเหมือนที่เราจะให้กำลังใจเพื่อนที่กำลังประหม่า

S ตัวที่สองคือ Slow your exhales หรือการช้าลงเมื่อหายใจออก แม้ว่าเราจะได้ยินคำแนะนำให้หายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกประหม่าอยู่บ่อยครั้ง แต่ Abrahams เสนอว่าการหายใจออกช้าๆ และยาวนานนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า

การหายใจออกยาวๆ ช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ระบบประสาททำงานช้าลง นอกจากนี้ การหายใจช้าลงยังช่วยให้การพูดของเราช้าลงและควบคุมได้มากขึ้นโดยอัตโนมัติ ลองใช้เทคนิคง่ายๆ โดยหายใจออกให้นานเป็นสองเท่าของการหายใจเข้า

S ตัวสุดท้ายคือ Stick your landings หรือการจบประโยคอย่างแน่วแน่ เมื่อเรารู้สึกประหม่า เรามักจะพยายามเติมช่วงเงียบด้วยคำเชื่อมอย่าง “เอ่อ” หรือ “อืม”

แต่ถ้าเราสังเกตนักพูดที่ทรงพลังอย่าง JFK, Churchill หรือ Dr. Martin Luther King Jr. จะเห็นว่าพวกเขาปล่อยให้เกิดความเงียบระหว่างประโยค การเลิกใช้คำเชื่อมและปล่อยให้เกิดความเงียบจะช่วยสื่อถึงความมั่นใจและทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในระหว่างการพูด

วิธีที่ง่ายที่สุดในการทำเช่นนี้คือการกำหนดจังหวะการหายใจ โดยหายใจออกให้หมดหลังจบประเด็น แล้วหายใจเข้าเบาๆ ก่อนเริ่มประเด็นใหม่

แม้ว่าการจัดการกับความวิตกกังวลเป็นก้าวสำคัญ แต่ Abrahams ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการ “กล้าที่จะน่าเบื่อ” (Dare to be dull) แนวคิดนี้อาจฟังดูขัดแย้งกับเป้าหมายของการพูดอย่างน่าสนใจ แต่ความจริงแล้ว การยอมรับว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรที่ยิ่งใหญ่หรือน่าทึ่งทุกครั้งจะช่วยลดการตัดสินตัวเองและทำให้เราพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

Steve Johnston อดีตประธานของสโมสรตลกชื่อดัง Second City ซึ่งผลิตดาราตลกระดับโลกมามากมาย เปรียบการมีส่วนร่วมในการสนทนาเหมือนการวางอิฐทีละก้อนเพื่อสร้างมหาวิหาร บางครั้งการรอ ฟัง และให้ข้อเสนอแนะที่เป็นเหตุเป็นผลระหว่างความคิดของผู้อื่นก็มีค่าเท่ากับการนำเสนอไอเดียที่ยิ่งใหญ่

เมื่อเราสามารถปลดปล่อยตัวเองจากความกดดันที่จะต้องพูดอะไรที่ยิ่งใหญ่ ก็จะพบว่าตัวเองสามารถพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าสนใจมากขึ้น การตั้งเป้าหมายเพียงแค่ทำให้พอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นในการสนทนา

อย่างไรก็ตาม การพูดอย่างเป็นธรรมชาติไม่ได้หมายความว่าต้องละทิ้งโครงสร้างของการพูดทั้งหมด ในความเป็นจริงการใช้โครงสร้างที่เหมาะสมสามารถช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ในสถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน

Abrahams แนะนำโครงสร้าง “อะไร – ทำไม – อย่างไร” (What – So What – Now What) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการจัดระเบียบความคิดได้อย่างรวดเร็ว

เริ่มต้นด้วยการระบุว่าเรากำลังพูดถึงอะไร (What) ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด ปัญหา หรือผลิตภัณฑ์ จากนั้นอธิบายว่าทำไมสิ่งนี้ถึงมีความสำคัญ (So What) โดยเชื่อมโยงกับผลกระทบหรือความเกี่ยวข้องกับผู้ฟังของเรา สุดท้ายเสนอแนะว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป (Now What) เพื่อจัดการกับสถานการณ์หรือใช้ประโยชน์จากโอกาสที่นำเสนอ

ตัวอย่างเช่น ในการประชุมเกี่ยวกับยอดขายที่ลดลง คุณอาจพูดว่า “รายงานประจำเดือนของเราแสดงให้เห็นว่ายอดขายลดลง 15% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว (อะไร) หากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป เราอาจต้องพิจารณาการปรับลดต้นทุนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพนักงานของเรา (ทำไม) เพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ ผมขอเสนอให้เราเปิดตัวแคมเปญการตลาดใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นยอดขายในช่วงสั้น (อย่างไร)”

การฝึกฝนการใช้โครงสร้างเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน เช่น หลังจากฟัง podcast อ่านบทความข่าว หรือดูวิดีโอให้ความรู้ จะช่วยให้การใช้โครงสร้างนี้เป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อเราต้องพูดโดยไม่ได้เตรียมตัว

นอกจากนี้ Abrahams ยังแนะนำให้เราศึกษาโครงสร้างการสื่อสารที่ใช้ในวงการต่างๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการนำเสนอของเรา เช่น พนักงานขายมักใช้โครงสร้าง “ปัญหา-ประโยชน์-วิธีแก้” เพื่อโน้มน้าวใจลูกค้า ในขณะที่ทนายความใช้โครงสร้าง IRAC (Issue, Rule, Analysis, Conclusion) เพื่อนำเสนอข้อโต้แย้งทางกฎหมายอย่างมีเหตุผล

แม้ว่าการเรียนรู้เทคนิคและโครงสร้างเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ แต่ Abrahams เน้นย้ำว่าการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ เขาแนะนำให้เราหาโอกาสฝึกพูดในสถานการณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการประชุมทีม การนำเสนองาน หรือแม้แต่การสนทนากับเพื่อนและครอบครัว

การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เราคุ้นเคยกับการคิดและพูดอย่างฉับพลัน และช่วยลดความวิตกกังวลเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

นอกจากนี้ Abrahams ยังเน้นถึงความสำคัญของการเป็นผู้ฟังที่ดี การฟังอย่างตั้งใจไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราเข้าใจบริบทและความต้องการของผู้อื่นได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้เรามีเวลาในการจัดระเบียบความคิดของตัวเองก่อนที่จะตอบสนอง

เขาแนะนำให้ใช้เทคนิคการฟังแบบ “ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อตอบ” ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างการสนทนาที่มีความหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจจาก Abrahams คือการใช้ “การเล่าเรื่อง (Storytelling)” ในการสื่อสาร เขาอธิบายว่าสมองของมนุษย์มีแนวโน้มที่จะจดจำและเข้าใจข้อมูลได้ดีขึ้นเมื่อข้อมูลนั้นถูกนำเสนอในรูปแบบของเรื่องราว

การเล่าเรื่องไม่เพียงแต่จะทำให้การนำเสนอของเราน่าสนใจมากขึ้น แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ฟังอีกด้วย

Abrahams แนะนำให้เราฝึกการเล่าเรื่องโดยใช้โครงสร้างพื้นฐาน เช่น “สถานการณ์ – ปัญหา – แก้ไข – ผลลัพธ์” หรือ “ก่อน – ระหว่าง – หลัง” การใช้โครงสร้างเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจได้อย่างรวดเร็ว แม้ในสถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน

นอกจากนี้ Abrahams ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ภาษากายและน้ำเสียงในการสื่อสาร เขาอธิบายว่าการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงวิธีการพูดและการแสดงออกทางร่างกายด้วย การยืนตรง การสบตา และการใช้ท่าทางประกอบการพูดอย่างเหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจให้กับการนำเสนอของเราได้

Abrahams แนะนำให้เราฝึกฝนการใช้น้ำเสียงที่หลากหลาย การเน้นคำสำคัญ และการใช้จังหวะในการพูดเพื่อสร้างความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจของผู้ฟัง เขาเปรียบการพูดเหมือนกับการแสดงดนตรี ที่ต้องมีจังหวะ ทำนอง และการเน้นย้ำที่เหมาะสมเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟัง

ในท้ายที่สุด Abrahams เน้นย้ำว่าการพัฒนาทักษะการคิดเร็วและพูดฉลาดเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและการนำเทคนิคต่างๆ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เราทุกคนสามารถพัฒนาความสามารถในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เขากล่าวว่า “การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่พรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่เป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้” ด้วยความมุ่งมั่นและการฝึกฝน เราทุกคนสามารถก้าวข้ามความกลัวและความวิตกกังวล เพื่อกลายเป็นนักสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและมั่นใจมากขึ้น

การเดินทางสู่การเป็นนักพูดที่ชาญฉลาดอาจดูเหมือนเป็นเส้นทางที่ยาวไกล แต่ด้วยเครื่องมือและเทคนิคที่ Abrahams นำเสนอในหนังสือ “Think Faster Talk Smarter” เราทุกคนมีโอกาสที่จะพัฒนาตนเองและก้าวข้ามข้อจำกัดที่เคยมี

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้บริหารที่ต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงาน นักการตลาดที่ต้องนำเสนอแคมเปญใหม่ๆ หรือเพียงแค่คนธรรมดาที่ต้องการสื่อสารความคิดของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวคิดและเทคนิคเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกสถานการณ์

References :
หนังสือ Think Faster Talk Smarter โดย Matt Abrahams

Geek Story EP221 : Tesla Model S จากฝันบ้าๆ สู่การปฏิวัติวงการยานยนต์โลก

มันคงไม่ใช่คำพูดเกินเลยหากจะบอกว่า Tesla Roadster รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Tesla นั้นก็เปรียบเสมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ Apple II ของบริษัท Apple เพราะฉะนั้นวิสัยทัศน์ของอีลอน มัสก์ สำหรับรถยนต์คันที่สองที่ Tesla จะทำการสร้างขึ้นมานั้นมันก็คือ Apple’s Macintosh ของ Tesla ดี ๆ นั่นเอง

ปัญหาใหญ่ของ Roadster นั้น คือเรื่องการ Design เพราะมัสก์ไม่อยากที่จะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์จากศูนย์ใหม่ ซึ่งแน่นอนข้อดีคือมันช่วยลดต้นทุนให้ Tesla เป็นอย่างมากใน Model แรกอย่าง Roadster

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/mrxhwceh

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/5c33n5jf

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4javpx6y

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/SbKTDSgwdC8

Geek Life EP51 : จากคนขี้กลัวสู่ผู้ชนะ ปลดล็อกพลังซ่อนเร้น สร้างความมั่นใจแบบทหารเวสต์พอยต์

ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการแข่งขัน การมีความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในการทำงาน การเล่นกีฬา หรือแม้แต่ในชีวิตส่วนตัว แต่ความมั่นใจไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ มันเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Dr. Nate Zinser ผู้อำนวยการโปรแกรมจิตวิทยาการแสดงผลงานที่โรงเรียนนายร้อย West Point ได้เขียนหนังสือชื่อ “The Confident Mind” ที่นำเสนอแนวคิดและเทคนิคในการสร้างความมั่นใจอย่างมีประสิทธิภาพ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/htwvrra8

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/2j7nmdph

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/q-DxcNDrtD4