สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ผนึกโนวาร์ตีส ประเทศไทย จัดเวทีมุ่งเน้น ขับเคลื่อนการดูแลรักษาโรคหัวใจ ในงาน ‘Cardio Catalyst: Driving Change in Heart Health’

สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย นำโดย นายเปโดร สวาห์เลน เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน “Cardio Catalyst: Driving Change in Heart Health” ครั้งที่ 2 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างอนามัยและสุขภาวะที่ดีให้กับคนไทย

โดยได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายเควิน โจว Head, Asia Aspiring Cluster, Novartis International ร่วมเปิดงาน ณ สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย 

ภายในงานมีการเสวนาระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนเกี่ยวกับการสร้างความตระหนักรู้ การพัฒนาการรักษา และแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบโล่ AHA GWTG HF และแสดงความยินดีกับ 6 โรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองคุณภาพการรักษาผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวตามมาตรฐานระดับนานาชาติจาก American Heart Association ซึ่งแสดงถึงศักยภาพและคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในระดับสากล

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญในการหารือเกี่ยวกับปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประเทศไทยและทั่วโลก จากข้อมูลสถิติของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มวัยทำงานที่อายุน้อยลง กระทรวงสาธารณสุขได้ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหานี้ และกำหนดให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของกระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการแพทย์ ในการสร้างโครงการและนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การจัดตั้งคลินิกโรคหัวใจล้มเหลว และการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรอง ติดตาม และให้คำแนะนำผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ในโอกาสนี้ ขอแสดงความยินดีกับทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับรางวัลจากสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”

พล.ต.ต.นพ.เกษม รัตนสุมาวงศ์ นายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อธิบายถึงสถานการณ์การดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดในปัจจุบันว่าแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ การดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจแล้ว และการป้องกันการเกิดโรคหัวใจในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงแต่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ สำหรับการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ ประเทศไทยมีการพัฒนาการรักษาอย่างต่อเนื่อง

โดยการขับเคลื่อนจากกระทรวงสาธารณสุขรวมถึงอีกหลายๆหน่วยงานและสมาคมวิชาชีพต่างๆซึ่งรวมถึงสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อพัฒนาระบบ ‘Fast Track’ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วและได้รับผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้มีการจัดตั้ง ‘คลินิกหัวใจล้มเหลว’ ในหลายโรงพยาบาลทั่วประเทศ ไปพร้อมกับการทำงานร่วมกันระหว่างทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลตามมาตรฐานสูงสุดที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สำหรับการป้องกันการเกิดโรคหัวใจในผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ คือการสร้างความตระหนักรู้เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยง สัญญาณเตือนและอันตรายของโรคหัวใจ

โดยเผยว่าปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้องในสื่อโซเชียลมีเดียอยู่และทำให้ผู้ป่วยมีความสับสนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต พฤติกรรมบริโภค การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารอาหารเสริมรวมถึงความกังวลถึงผลข้างเคียงของยา

ทางสมาคมฯ จึงได้จัดทำ เว็บไซต์ ThaiHealthyHeart.com ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันและดูแลตนเองสำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง และจัดทำแนวเวชปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ภาวะหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง และผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว

“สำหรับงาน Cardio Catalyst: Driving Change in Heart Health ในวันนี้ มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะขับเคลื่อนการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และช่วยผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างทุกภาคส่วน ในการดูแลสุขภาพของประชาชนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อลดอุบัติการณ์การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด”

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงหลักการ 4A ในการพัฒนาระบบการดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดในประเทศไทย อันได้แก่ การตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค (Awareness) การประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรค (Assessment) การเข้าถึงการรักษาตามมาตรฐานที่เหมาะสม (Accessibility) และการมีวินัยในการรับการรักษาและการรับประทานยา (Adherence)

ทางด้าน เภสัชกรหญิงสุมาลี คริสธานินทร์ ประธานบริหาร บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด  ได้กล่าวถึงความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ เข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เพื่อลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ และส่งเสริมให้เกิดผลการรักษาที่ดีขึ้น

“ที่โนวาร์ตีส เราเล็งเห็นว่า การเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้ เราจึงเชื่อว่าการทำงานร่วมกับผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และองค์กรต่างๆ ทั่วโลก จะนำไปสู่การพัฒนาการดูแลโรคหัวใจที่ก้าวหน้าไปมากกว่าการใช้ยาเพียงอย่างเดียว โดยในปีนี้เราได้ต่อยอดจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ด้วยความมุ่งหวังที่จะช่วยผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทางด้านการดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากโรคเหล่านี้กำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่เพียงในผู้สูงอายุ แต่ยังรวมถึงผู้ที่มีอายุน้อยทั่วโลก ผ่านเวทีที่ช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคในทุกภาคส่วนให้ห่างไกลจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่ผ่านมาเราได้ทำงานร่วมกับหลายภาคส่วนในการยกระดับการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวให้ได้มาตรฐานสากล เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้านี้ และขอขอบคุณโรงพยาบาลและทีมบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลและทุ่มเทเพื่อผู้ป่วยอย่างตั้งใจเสมอมา ด้วยความร่วมมือกัน เราจะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดียิ่งขึ้น และได้ใช้เวลาอันมีค่ากับคนที่รักมากขึ้น”
การเสวนาและกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังอย่างเหนียวแน่นจากทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพหัวใจและลดอัตราการเสียชีวิตทำให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาวขึ้น กลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำน้อยลง และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้ป่วย ตอกย้ำถึงเส้นทางความสำเร็จในวันข้างหน้าที่มุ่งสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนแก่ประชาชนไทย

ในขณะเดียวกันประชาชนยังสามารถมีส่วนร่วมในการลดจำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้ โดยการหมั่นตรวจสุขภาพหัวใจ คอยสังเกตและเอาใจใส่ครอบครัวและคนใกล้ชิด เพื่อป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค รวมถึงกระตุ้นให้ผู้ป่วยให้มีวินัยในการรักษามากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

Geek Story EP225 : ‘ดีทรอยต์แห่งเอเชีย’ จริงหรือ? ยุคทองของไทยกำลังจะจบลงหรือนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นครั้งใหม่?

ประเทศไทย ศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ขนานนามตัวเองว่าเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” แล้วในทุกวันนี้มันยังคงเป็นความจริงอยู่หรือไม่? ประเทศที่เคยเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ก็ต้องเผชิญกับการถดถอยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน

ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เช่น อินโดนีเซ๊ย กำลังจ้องที่จะแย่งชิงตำแหน่งของไทย และด้วยการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) พวกเขาก็มีโอกาสที่จะทำเช่นนั้นได้จริง ๆ หรือไทยจะสามารถต่อสู้เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้ไว้ได้หรือไม่?

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4vx8d2bd

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/3k5c52ut

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/57rda6ny

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/2h0Q74fKS04

3 กุญแจสู่ชีวิตที่มีความหมาย : เคล็ดลับสร้างแรงบันดาลใจจาก The Motivation Manifesto โดย Brendon Burchard

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความไม่แน่นอน การค้นหาแรงบันดาลใจและแรงจูงใจเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

หนังสือ “The Motivation Manifesto” ของ Brendon Burchard นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจและเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการค้นพบพลังภายในตัวเราและใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย

การตระหนักถึงพลังแห่งการเลือก

เมื่อเราตกอยู่ในภาวะขาดแรงจูงใจ สิ่งสำคัญที่เรามักจะลืมไปก็คือ เรามีพลังในการเลือก Burchard ชี้ให้เห็นว่า เราอาจถูกชักจูงด้วยความกลัว ความอยาก และเรื่องราวของผู้อื่นจนลืมไปว่าเราสามารถกำหนดทิศทางชีวิตของตัวเองได้

การตระหนักถึงพลังแห่งการเลือกนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง เมื่อเราเลือกที่จะเป็น มี หรือทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในชีวิต และเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะความสามารถในการเรียนรู้และเติบโตที่มีอยู่ในตัวเรา เราจะปลุกพลังภายในอันทรงพลังขึ้นมา

“ทันทีที่คุณเลือกที่จะเชื่อว่ามีสิ่งยิ่งใหญ่รออยู่เบื้องหน้า คุณสามารถเลือกที่จะเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้ากับวิสัยทัศน์ของคุณ”

การมองทุกสิ่งในชีวิตให้เชื่อมโยงกับเป้าหมายใหญ่ของเรา จะช่วยเปลี่ยนมุมมองต่อกิจวัตรประจำวันให้มีความหมายมากขึ้น เช่น:

  • การจัดระเบียบบ้านกลายเป็นโอกาสในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์
  • การทำอาหารเย็นกลายเป็นการดูแลสุขภาพเพื่อให้มีพลังในการไล่ตามความฝัน
  • งานที่ได้รับมอบหมายกลายเป็นโอกาสในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต

การสร้างแรงบันดาลใจสู่ความยิ่งใหญ่

Burchard เชื่อว่าทุกคนมีความยิ่งใหญ่อยู่ภายในตัว เพียงแต่รอการจุดประกาย การสร้างแรงบันดาลใจสู่ความยิ่งใหญ่นั้นเริ่มต้นจากการเข้าใจว่าความยิ่งใหญ่ประกอบด้วยคุณสมบัติพื้นฐานสองประการ:

  1. ความสม่ำเสมอ: การยึดมั่นในค่านิยมหลักของตนเองอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ ความเป็นเลิศ หรือความซื่อสัตย์ และทำให้ทุกการกระทำและการตัดสินใจสอดคล้องกับค่านิยมเหล่านั้น
  2. ความกล้าหาญ: การกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายและความเสี่ยง รวมถึงการกล้ารับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและการฝึกฝนความเชี่ยวชาญในสิ่งที่เราทำเป็นส่วนสำคัญของการก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ แม้ในวันที่เราไม่รู้สึกอยากทำ การฝืนตัวเองให้ลงมือทำก็เป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและวินัยที่จำเป็นสำหรับการประสบความสำเร็จ

“จงมีความกล้าที่จะไม่สนใจว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไรกับคุณ ตราบใดที่คุณกระทำตามค่านิยมของคุณ”

Kobe Bryant อดีตนักบาสเก็ตบอลระดับตำนานเคยกล่าวไว้ว่า “ผมมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดมาก จนผมแทบจะไม่ได้ยินว่าคนอื่นพูดอะไร” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการไม่ยอมให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์มาขัดขวางการไล่ตามความฝันของเขา

การสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองนั้น เราสามารถเริ่มต้นได้จากการมองหาบุคคลต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรา วิเคราะห์ว่าอะไรในตัวพวกเขาที่ทำให้เราประทับใจ และพยายามพัฒนาคุณสมบัติเหล่านั้นในตัวเราเอง เช่น หากเราประทับใจครูที่สามารถอธิบายเรื่องซับซ้อนให้เข้าใจง่าย เราก็อาจมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทักษะการสื่อสารของเราให้ชัดเจนและเข้าถึงง่ายสำหรับผู้อื่น

การชะลอเวลาและการอยู่กับปัจจุบัน

ในยุคที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้ที่จะชะลอเวลาและอยู่กับปัจจุบันเป็นทักษะที่มีค่าอย่างยิ่ง Burchard เสนอว่าการใช้ชีวิตโดยไม่ตระหนักรู้ถึงปัจจุบันขณะ เปรียบเสมือนการอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนต่ำ ซึ่งทำให้เรารู้สึกอ่อนแอและขาดแรงจูงใจ

การฝึกอยู่กับปัจจุบันสามารถทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือการ “ยืดเวลา” ให้กับแต่ละช่วงเวลา Burchard แนะนำให้เราลองทำสิ่งต่างๆ ให้ช้าลงสองจังหวะ:

  • สูดอากาศเข้านานขึ้นสองจังหวะ
  • จ้องตาคู่สนทนานานขึ้นสองจังหวะ
  • ลิ้มรสอาหารแต่ละคำนานขึ้นสองจังหวะ

การเพิ่มความตระหนักรู้ให้กับประสาทสัมผัสของ จะช่วยให้เรายืดเวลาที่อยู่ในปัจจุบันให้ยาวนานขึ้น ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูแรงจูงใจและความรักในชีวิตของเรา

“การตระหนักรู้คืออาวุธที่ดีที่สุดของมนุษยชาติในการต่อสู้กับเวลา”

การนำแนวคิดไปปฏิบัติ: สามคำประกาศประจำวัน

Burchard เสนอให้เราเริ่มต้นแต่ละวันด้วยการประกาศสามสิ่งเพื่อกระตุ้นแรงจูงใจของเรา:

  1. วันนี้ ฉันจะเลือกสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า: เป็นการยืนยันถึงพลังในการเลือกของเรา และการมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่มีความหมายและสร้างผลกระทบอย่างแท้จริง
  1. วันนี้ ฉันจะสร้างแรงบันดาลใจสู่ความยิ่งใหญ่: เป็นการเตือนใจให้เราแสดงออกถึงความสม่ำเสมอและความกล้าหาญในทุกการกระทำ
  2. วันนี้ ฉันจะชะลอเวลา: เป็นการกระตุ้นให้เราอยู่กับปัจจุบันและซึมซับประสบการณ์แต่ละขณะอย่างเต็มที่

การเริ่มต้นวันด้วยคำประกาศเหล่านี้จะช่วยปรับมุมมองและทัศนคติของเราให้พร้อมรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

แนวคิดจาก “The Motivation Manifesto” สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้หลากหลายรูปแบบ ดังนี้:

  1. การตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย: แทนที่จะตั้งเป้าหมายแบบ “ปลอดภัย” ลองตั้งเป้าหมายที่ท้าทายความสามารถของเรา และเชื่อว่าเราสามารถทำได้
  2. การทบทวนค่านิยมหลัก: สำรวจว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา และพยายามทำให้การตัดสินใจในชีวิตประจำวันสอดคล้องกับค่านิยมเหล่านั้น
  3. การฝึกสติ: เริ่มต้นด้วยการฝึกสติในกิจวัตรประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร การเดิน หรือการฟังเพลง โดยให้ความสนใจกับรายละเอียดและความรู้สึกในขณะนั้น
  4. การจดบันทึกความสำเร็จ: ทุกคืนก่อนนอน บันทึกสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เพื่อสร้างความรู้สึกขอบคุณและเห็นคุณค่าในชีวิต
  5. การเรียนรู้จากความผิดพลาด: แทนที่จะกลัวความล้มเหลว มองว่ามันเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต วิเคราะห์ว่าอะไรที่ไม่เป็นไปตามแผน และวางแผนที่จะทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป
  6. การสร้างเครือข่ายสนับสนุน: รายล้อมตัวเองด้วยคนที่สร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุนเป้าหมายของเรา การมี community ที่เข้าใจและให้กำลังใจจะช่วยเสริมแรงจูงใจของเรา
  7. การท้าทายตัวเองอย่างสม่ำเสมอ: หาโอกาสที่จะก้าวออกจาก comfort zone ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการลองทำอะไรใหม่ๆ หรือการพูดในที่สาธารณะ การเผชิญหน้ากับความกลัวจะช่วยสร้างความมั่นใจและขยายขอบเขตความสามารถของเรา

บทสรุป: การสร้างชีวิตที่มีแรงบันดาลใจ

แนวคิดจาก “The Motivation Manifesto” ของ Brendon Burchard เป็นเครื่องมือทรงพลังในการปลุกพลังภายในและสร้างชีวิตที่มีความหมาย การตระหนักถึงพลังแห่งการเลือก การมุ่งมั่นสู่ความยิ่งใหญ่ และการอยู่กับปัจจุบันอย่างเต็มที่ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจที่ยั่งยืน

การนำแนวคิดเหล่านี้มาปฏิบัติในชีวิตประจำวันอาจต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่าอย่างยิ่ง เมื่อเราเริ่มมองเห็นศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง และกล้าที่จะไล่ตามความฝันอย่างไม่ย่อท้อ เราจะพบว่าชีวิตเต็มไปด้วยโอกาสและความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ท้ายที่สุด การสร้างชีวิตที่มีแรงบันดาลใจไม่ได้หมายความว่าทุกวันจะต้องสมบูรณ์แบบ แต่หมายถึงการเลือกที่จะเติบโต เรียนรู้ และก้าวไปข้างหน้าแม้ในวันที่ยากลำบาก เมื่อเราฝึกฝนการใช้พลังแห่งการเลือก การสร้างแรงบันดาลใจ และการอยู่กับปัจจุบัน เราจะพบว่าชีวิตของเรามีความหมายและเต็มไปด้วยโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ

References :
หนังสือ The Motivation Manifesto: 9 Declarations to Claim Your Personal Power โดย Brendon Burchard

Geek Life EP61 : หยุดทำงานหนักแบบทรมาน! 3 สวิตช์มหัศจรรย์เปลี่ยนงานน่าเบื่อให้สนุกได้ในพริบตา

ในยุคที่การทำงานหนักจนหมดไฟกลายเป็นเรื่องปกติ มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังมองหาวิธีทำงานให้มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องทุกข์ทรมาน หนังสือ “Feelgood Productivity” โดย Ali Abdaal นำเสนอมุมมองใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพไปพร้อมกัน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/3mzjxrsb

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/2ard6b74

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/LVHKLGiXqqE

Geek Daily EP248 : We, Robot เมื่อโลกเรากำลังเตรียมผลัดใบเข้าสู่ยุคปฏิวัติหุ่นยนต์อย่างแท้จริง

ต้องบอกว่านี่เป็นงานแรกที่ทำให้ตัวผมเองรู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากยุคที่ Steve Jobs ได้เปิดตัว iPhone ครั้งแรกในปี 2007 เลยก็ว่าได้

Elon Musk มาที่งานด้วย Cyber cab หรือแท็กซี่หุ่นยนต์ที่ไร้คนขับ ซึ่งแสดงให้เห็นตัวอย่างหนึ่งของเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับที่กำลังจะกลายเป็นความจริงในอนาคตอันใกล้

Musk ให้พวกเราลองจินตนาการถึงโลกที่รถยนต์ทุกคันสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องมีคนควบคุม ซึ่งจะไม่ใช่แค่เรื่องฝันเฟื่องอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นความจริงในเร็วๆ นี้

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/m4fehwzf

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/5dpet6tp

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/mryuf3m5

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/k_8gvrqMiRA