ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจและการทำงานทวีความเข้มข้นขึ้นทุกวัน การพัฒนาทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์และการเพิ่ม Productivity ในการทำงานกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกคน
ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานบริษัท ผู้ประกอบการ หรือนักศึกษา การรู้จักวิธีจัดการเวลาและความคิดของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณก้าวหน้าในหน้าที่การงานและประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
หนังสือ “Manage Your Day-to-Day” โดย Jocelyn K. Glei บรรณาธิการของ 99U ได้นำเสนอแนวคิดและเทคนิคที่น่าสนใจในการพัฒนาทักษะเหล่านี้ โดยรวบรวมความรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านการเพิ่ม Productivity ชั้นนำของโลก อาทิ Seth Godin, Cal Newport และ Gretchen Rubin มาไว้ในที่เดียว
การเผชิญหน้ากับความท้าทาย
ในโลกยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าและการรบกวนจากทุกทิศทาง การรักษาสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ให้อยู่ในระดับสูงตลอดเวลาเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง เราต้องต่อสู้กับความเคยชินในการที่ต้องมานั่งตอบข้อความ อีเมล และการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งทำให้เราเสียสมาธิและไม่สามารถทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ เรายังต้องเผชิญกับความกดดันในการทำงานให้เสร็จภายในกำหนดเวลาที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นการเตรียม presentation งานที่สำคัญ การเขียนรายงานทางวิชาการ การร่างโครงร่างหนังสือ หรือการพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์
ความท้าทายเหล่านี้อาจทำให้เรารู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง แต่ด้วยการเรียนรู้และฝึกฝนเทคนิคที่ถูกต้อง เราสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้และปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของตนเองได้
การค้นพบวิธีแก้ปัญหา
Jocelyn K. Glei และทีมงานที่ 99U ได้ค้นพบว่า การเพิ่มประสิทธิภาพความคิดสร้างสรรค์และ Productivity ให้ได้สูงสุดนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่ถูกต้องใน 4 ประเด็นสำคัญ
ประเด็นแรก คือ การเลือกระหว่างการทำงานเล็กน้อยทุกวัน หรือการทำงานมากๆ ในคราวเดียว แม้ว่าการจัดสรรเวลาทั้งวันในวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อทำโครงการให้เสร็จอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่สะดวกกว่า
แต่การกระจายเวลาทำงานออกไปหลายวันจะช่วยเพิ่ม Productivity ได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด การทำงานทุกวันแม้เพียงเล็กน้อยจะช่วยสร้างโมเมนตัมและแรงขับเคลื่อนที่ต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถเอาชนะการผัดวันประกันพรุ่งได้ง่ายขึ้น
ประเด็นที่สอง คือ การเลือกโหมดการทำงานที่เหมาะสม ระหว่างโหมดตอบสนอง (reactive) และโหมดสร้างสรรค์ (creative) แม้ว่าเราอาจรู้สึกว่าการตอบสนองต่อข้อความและอีเมลอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่จำเป็น
แต่การเข้าสู่โหมดตอบสนองตั้งแต่เช้าจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “attention residue (ยังคงมีประเด็นที่ค้างคา ไม่ลบออกไปจากสมองเสียที)” ซึ่งบั่นทอนความสามารถในการมีสมาธิกับงานที่ซับซ้อน ดังนั้น การให้ความสำคัญกับงานสร้างสรรค์ในช่วงเช้าจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การเพิ่ม Productivity และความคิดสร้างสรรค์
ประเด็นที่สาม คือ การเลือกระหว่างความเคร่งครัดและความยืดหยุ่นในการทำงาน การสร้างกิจวัตรที่เคร่งครัดในการเริ่มต้นทำงานจะช่วยกระตุ้นสมองให้เข้าสู่โหมดการทำงานที่สร้างสรรค์ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่กระบวนการทำงานแล้ว การปล่อยให้จิตใจมีอิสระในการสร้างสรรค์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
ประเด็นสุดท้าย คือ การเลือกระหว่างการทำงานอย่างต่อเนื่องหรือการทำงานเป็นรอบ ๆ การสลับความสนใจโดยการพักเป็นระยะระหว่างการทำงานจะช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับสมอง และกระตุ้นการหลั่งสารเคมีที่จำเป็นสำหรับการมีสมาธิ เช่น โดปามีน การเคลื่อนไหวร่างกายและการฝึกการหายใจเข้าที่ลึก ยาว และช้า (box breathing) ซึ่งประกอบด้วยการหายใจเข้าและหายใจออกในระยะเวลาเท่ากัน ในช่วงพักสั้นๆ จะช่วยให้เรากลับมามีสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่
การเปลี่ยนแปลงและการเติบโต
การนำแนวคิดและเทคนิคเหล่านี้ไปปฏิบัติอย่างจริงจังจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตการทำงานของเราได้ เมื่อเราเริ่มสร้างนิสัยในการทำงานทุกวัน แม้เพียงเล็กน้อย เราจะพบว่าโครงการใหญ่ๆ ที่เคยดูน่ากลัวกลับกลายเป็นเรื่องที่จัดการได้ไม่ยาก
การให้ความสำคัญกับงานสร้างสรรค์ในช่วงเช้าจะช่วยให้เราสามารถสร้างผลงานที่มีคุณภาพสูงได้มากขึ้น และการสร้างกิจวัตรที่เคร่งครัดในการเริ่มต้นทำงานจะช่วยให้เราเข้าสู่สภาวะการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การรู้จักสลับระหว่างการทำงานอย่างเข้มข้นกับการพักผ่อนอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถรักษาระดับ Productivity และความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเครียดและความเหนื่อยล้าที่มักเกิดขึ้นจากการทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานานอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจไม่เกิดขึ้นในทันที แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความอดทน คุณจะค่อยๆ เห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ไม่เพียงแต่ในด้านผลงานที่มีคุณภาพสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้สึกมั่นใจและความพึงพอใจในการทำงานที่เพิ่มขึ้นด้วย
ในท้ายที่สุด การพัฒนาทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์และการเพิ่ม Productivity ไม่ใช่เพียงแค่การทำงานให้เสร็จเร็วขึ้นหรือมากขึ้นเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคุณโดยรวม
เมื่อคุณสามารถจัดการกับงานและความคิดของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะมีเวลาและพลังงานเหลือมากขึ้นสำหรับสิ่งที่สำคัญในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว งานอดิเรก หรือการพัฒนาตนเองในด้านอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนิสัยและวิธีการทำงานไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจต้องใช้เวลา แต่สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นและค่อยๆ สร้างนิสัยใหม่ทีละเล็กทีละน้อย
Gretchen Rubin นักเขียนผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างนิสัย กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “วันแล้ววันเล่า เราสร้างชีวิตของเรา และวันแล้ววันเล่า เราสามารถก้าวไปสู่การสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ตามจินตนาการของเราให้เป็นจริง” คำพูดนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความสม่ำเสมอและความอดทนในการพัฒนาตนเอง
References :
หนังสือ “Manage Your Day-to-Day: Build Your Routine, Find Your Focus, and Sharpen Your Creative Mind (99U)” โดย Jocelyn K. Glei