ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว การปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือปัจเจกบุคคล งาน Krungsri Tech Day 2024 จึงถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้สัมผัสกับนวัตกรรมล้ำสมัยและวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงโลกการเงินและการใช้ชีวิตของเราในอนาคตอันใกล้
งานนี้จัดขึ้นที่ True Digital Park โดยงาน Krungsri Tech Day 2024 ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “Technology for People” โดยมีเป้าหมายที่จะนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ของการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการทำธุรกิจ
โดยในงานเริ่มต้นด้วย นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งพูดถึงความสำคัญของงานนี้ว่า นอกจากจะเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีของธนาคารแล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงอย่างมีประสิทธิภาพ
ไฮไลท์สำคัญของงานในปีนี้คือการเปิดเผยแผนพัฒนาเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก ๆ ของธนาคารกรุงศรี ซึ่งประกอบไปด้วย 4 แกนหลัก ได้แก่ Krungsri AI, Transformation, Embedded Finance และ Social Impact โดยแต่ละแกนมีเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
เริ่มจาก Krungsri AI ซึ่งเป็นการรวมตัวของบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากทุกหน่วยงานในองค์กรและบริษัทในเครือ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการนำ AI มาใช้ยกระดับการทำงานและบริการลูกค้า
คุณตุลย์ โรจน์เสรี ผู้บริหารสายงานข้อมูลและการวิเคราะห์ของธนาคาร ได้เล่าถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ระบบคาดการณ์การเติมเงินใน ATM ทั่วประเทศ การประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ และการพัฒนา Chatbot รวมถึงระบบ Knowledge Management สำหรับพนักงานภายในองค์กร
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบ “Data ปุ๊ปปั๊ป” ซึ่งจะช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลภายในองค์กรได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยใช้ภาษาธรรมชาติในการสื่อสารกับระบบ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการลูกค้าอย่างมาก
ในส่วนของ Transformation คุณพชร วันรัตน์เศรษฐ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้อธิบายถึงโครงการ “Jupiter by Krungsri” ซึ่งมีเป้าหมายในการปรับโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ให้มีความซับซ้อนน้อยลง ง่ายต่อการใช้งาน และรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นทั้งในแง่ของความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัย นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กรอีกด้วย
Embedded Finance เป็นอีกหนึ่งแกนสำคัญที่คุณสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูล ได้นำเสนอ โดยชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมนี้ที่มีมูลค่าสูงถึง 60,000 ล้านบาทในปี 2024 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า
แผนนี้มุ่งเน้นการนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและโซลูชันทางการเงินของกรุงศรีมาพัฒนาเป็นบริการรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าในทุกมิติ
ตัวอย่างของ Embedded Finance ที่น่าสนใจ เช่น การเปิด API ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมมีความถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น ระบบการชำระเงินออนไลน์ การขอสินเชื่อ และบริการประกันภัยต่างๆ ที่จะถูกฝังเข้าไปในแพลตฟอร์มหรือบริการอื่นๆ ทำให้ผู้บริโภคสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องออกจากแพลตฟอร์มที่กำลังใช้งานอยู่
สิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือ เราอาจได้เห็นบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างกรุงศรีกับพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้บริการทางการเงินของผู้บริโภคให้สะดวกสบายและตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น
แกนสุดท้ายคือ Social Impact ซึ่งคุณสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ได้อธิบายถึงความสำคัญของการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการขาดแคลนแรงงานในสายเทคโนโลยี ในขณะที่บางสายงานกลับมีความต้องการลดลง
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กรุงศรีได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร อาทิ โครงการ “QA Academy” ของกรุงศรี นิมเบิล ที่มุ่งขยายโอกาสในการพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีให้กับบุคลากรในภูมิภาค และโครงการใหม่อย่าง “Krungsri Upskill & TITAN Program” ซึ่งส่วนตัวผมเองมองว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจมาก ๆ ที่เปิดโอกาสให้บุคลากรในสายงานอื่นๆ ได้พัฒนาทักษะและปรับเปลี่ยนสายอาชีพเข้าสู่งานด้านเทคโนโลยี
เพราะตอนนี้ประเทศไทยเราขาดแคลนทรัพยากรบุคคลทางด้านเทคโนโลยีอย่างหนัก สถาบันการศึกษาไม่สามารถป้อนบัณฑิตออกมาได้ทันกับความต้องการของตลาดที่เรียกได้ว่าทุก ๆ ธุรกิจในตอนนี้ก็ล้วนแล้วแต่ต้องการทำ Digital Transformation กันแทบจะทั้งสิ้น
นอกจากการนำเสนอวิสัยทัศน์และแผนงานด้านเทคโนโลยีของกรุงศรีแล้ว งาน Krungsri Tech Day 2024 ยังได้เชิญ Tech Company ระดับโลกมาร่วมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุด ทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับความรู้และแรงบันดาลใจในการนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน
การจัดงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารกรุงศรีอยุธยาในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงิน และความตั้งใจที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมไทยในวงกว้าง ไม่เพียงแต่การยกระดับบริการทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งให้กับประเทศ
ในอนาคต เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการการเงินและการธนาคาร โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ การทำธุรกรรมทางการเงินอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่เราแทบไม่รู้สึกว่ากำลังทำอยู่ ด้วยความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ๆ
นอกจากนี้ การพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีอาจกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสายอาชีพใด เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานและโอกาสทางอาชีพใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
งาน Krungsri Tech Day 2024 จึงไม่เพียงแต่เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีของธนาคารเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้เชี่ยวชาญในวงการเทคโนโลยี นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไปที่สนใจในนวัตกรรมทางการเงิน
การที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเลือกจัดงานในรูปแบบนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการมองเห็นความสำคัญของการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในทุกมิติของชีวิต การสร้างความรู้ความเข้าใจและการเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง งานอย่าง Krungsri Tech Day อาจกลายเป็นต้นแบบสำหรับองค์กรอื่นๆ ในการสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้และแบ่งปันความรู้ด้านเทคโนโลยีให้กับสังคมในวงกว้าง
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอาจสร้างความท้าทายและความไม่แน่นอนในหลายด้าน แต่ก็เปิดโอกาสมากมายสำหรับการพัฒนาและการเติบโตทั้งในระดับบุคคลและระดับองค์กร
การที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเลือกที่จะเป็นผู้นำในการนำเสนอและแบ่งปันวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยี จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความพร้อมให้กับสังคมไทยในการก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ซึ่งในเร็ววันนี้เราอาจจะได้เห็นการเกิดขึ้นของนวัตกรรมทางการเงินที่ไม่เคยมีมาก่อน อาทิ ระบบการชำระเงินที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายและให้คำแนะนำด้านการเงินแบบเรียลไทม์ หรือแพลตฟอร์มการลงทุนที่ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ในการคาดการณ์แนวโน้มตลาดและปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับ Social Impact ยังแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมของธนาคาร ในการช่วยลดช่องว่างทางดิจิทัลและสร้างโอกาสทางอาชีพให้กับคนไทยในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว การริเริ่มโครงการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร จึงเป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว
การจัดงาน Krungsri Tech Day 2024 จึงไม่เพียงแต่เป็นการแสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีของธนาคารเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมการเงินและการธนาคารในประเทศไทย ที่กำลังมุ่งสู่การเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างแท้จริง ด้วยการนำเสนอบริการที่สะดวก ปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในยุคดิจิทัล
ซึ่งในอนาคต เราอาจเห็นการเกิดขึ้นของ “ระบบนิเวศทางการเงินแบบบูรณาการ” ที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของสังคมเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ธนาคาร บริษัทเทคโนโลยี สตาร์ทอัพ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้างนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมไทยอย่างแท้จริง และช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก
ท้ายที่สุด Krungsri Tech Day 2024 ไม่เพียงแต่เป็นงานแสดงเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นการจุดประกายความคิดและแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมงานในการมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่เทคโนโลยีสามารถสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมไทย การเปิดโอกาสให้ผู้คนได้สัมผัสและเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างใกล้ชิด จะช่วยลดความกังวลและสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว การสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง Krungsri Tech Day 2024 จึงไม่เพียงแต่เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่อนาคตของการเงินและเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราทุกคน
การเตรียมพร้อมรับมือและการมองเห็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยในยุคดิจิทัลได้นั่นเองครับผม