รู้เท่าทันใจ ชนะทุกอย่าง : เหนือกว่าความสำเร็จ วิธีสร้างชีวิตที่มีความหมายในโลกอันแสนวุ่นวาย

ในทุกวันนี้ เราทุกคนต่างแสวงหาหนทางสู่ชีวิตที่มีความสุขและมีความหมายมากขึ้น แต่บ่อยครั้งเราก็มองข้ามกุญแจสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด นั่นคือความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตใจของตัวเราเอง

เป็นอีกหนึ่ง speech ที่ทรงพลังมาก ๆ จาก Sadhguru Jagadish “Jaggi” Vasudev หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สัธคุรุ” (Sadhguru) เป็น “คุรุ” หรือผู้นำทางจิตวิญญาณชาวอินเดีย เป็นผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด มีชื่อเสียงในด้านการสอนโยคะ เป็นผู้เขียนหนังสือหลายเล่มและเป็นวิทยากรประจำในฟอรัมระหว่างประเทศและรายการโทรทัศน์ยอดนิยมเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณ และประเด็นระดับโลกอื่น ๆ มากมาย

เขาได้กล่าวว่า การที่มนุษย์เราสามารถตระหนักรู้ได้ถึงท่าทางของร่างกาย การหายใจ การเคลื่อนไหว รวมถึงความคิดและอารมณ์ของเรา เป็นก้าวแรกสู่การเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง เพราะเราทุกคนมีความสามารถในการตระหนักรู้และใช้สติปัญญาเหล่านี้ แต่ส่วนใหญ่เรามักหมกมุ่นอยู่กับโลกภายนอก ทำให้ละเลยการพัฒนาโลกภายในของเราเอง

ในยุคปัจจุบัน เราอาจภูมิใจว่าเป็นคนรุ่นที่มีความสะดวกสบายที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนรุ่นที่มีความสุขที่สุด ความสะดวกสบายทางวัตถุอาจช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ไม่ได้รับประกันความสุขที่แท้จริง เพราะประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์นั้นเกิดขึ้นจากภายใน (จิตใจ)

เราได้พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อจัดการกับโลกภายนอกอย่างมากมาย แต่กลับละเลยการพัฒนาวิธีการจัดการกับโลกภายในจิตใจของเรา

ระบบการศึกษาของเราตั้งแต่ระดับอนุบาลเน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกภายนอก แต่แทบไม่มีการสอนเกี่ยวกับการทำความเข้าใจตนเอง ทั้งที่ประสบการณ์ชีวิตของเราล้วนเกิดขึ้นภายในตัวเราเอง

เราอาจสังเกตเห็นว่าในสถานการณ์เดียวกัน บางคนสนุกสนานเพลิดเพลิน ในขณะที่บางคนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส นี่แสดงให้เห็นว่าความสุขหรือทุกข์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอกแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับวิธีที่เรารับมือกับมันด้วย

มนุษย์เรามักแสวงหาความสุขจากภายนอก บ้างก็สร้างภาพสวรรค์ในอุดมคติ หวังว่าจะได้พบกับความสุขในโลกหน้า แต่ความจริงแล้ว เราแทบจะอยู่ในสวรรค์กันแล้ว โลกนี้คือสถานที่ที่ดีที่สุดที่เรารู้จัก เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์อื่น ๆ ที่เราค้นพบ แต่ทำไมเราถึงยังทุกข์ทรมานอยู่? คำตอบอยู่ที่การจัดการกับตัวเราเอง

มนุษย์แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ตรงที่เราไม่ได้ถูกกำหนดขอบเขตชีวิตไว้อย่างตายตัว เรามีอิสระในการเลือกและสร้างชีวิตของเราเอง แต่อิสรภาพนี้ก็มาพร้อมกับความท้าทาย เราต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับความสามารถของตัวเองให้ได้ เหมือนกับการได้รับคอมพิวเตอร์ที่โครตแรง แต่แทบไม่เคยอ่านคู่มือการใช้งานมัน

ความทุกข์ส่วนใหญ่ของเราไม่ได้มาจากภายนอก แต่เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง เราทุกข์เพราะไม่สามารถควบคุมความคิดและอารมณ์ของตัวเองได้ เราสามารถทุกข์กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หรือกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต นี่แสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ทุกข์จากชีวิตจริง แต่ทุกข์จากความทรงจำและจินตนาการของเราเอง

ความทรงจำที่ชัดเจนและจินตนาการอันล้ำเลิศถือเป็นความสามารถพิเศษของมนุษย์ที่สิ่งมีชีวิตอื่นไม่มี แต่หากเราใช้มันอย่างไม่ถูกต้อง มันก็กลายเป็นแหล่งกำเนิดของความทุกข์ได้ เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ความสามารถเหล่านี้อย่างชาญฉลาด

การตระหนักรู้ถึงความสามารถของเราและการฝึกฝนที่จะใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกุญแจสำคัญสู่การยกระดับคุณภาพชีวิต เราต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจตัวเอง ก่อนที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงโลกภายนอก

ในยุคปัจจุบัน เราได้เห็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการสื่อสารที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เราสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่เราจะร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก

แต่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเริ่มจากภายใน เราต้องยอมรับความแตกต่างของแต่ละคน และหาจุดร่วมที่จะทำงานร่วมกันได้ แทนที่จะพยายามบังคับให้ทุกคนคิดเหมือนกันหรือเป็นเหมือนกัน เราควรมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายร่วมกัน เช่น การมีสุขภาพที่ดี การมีชีวิตที่มีความสุขและความสงบ

การยกระดับจิตสำนึกของมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้ เมื่อความต้องการพื้นฐานทางกายภาพได้รับการตอบสนองดีกว่าที่เคยเป็นมา เราควรใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาด้านจิตใจของเรา

เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการยกระดับจิตสำนึกของมนุษยชาติได้ โดยเริ่มจากตัวเราเอง และขยายวงกว้างออกไปสู่ครอบครัว ชุมชน และสังคม สิ่งสำคัญคือการโฟกัสไปที่ความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเองและผู้อื่น แม้แต่กับคนที่เราอาจไม่ชอบหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม

ในท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงโลกเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เมื่อเราเข้าใจและจัดการกับโลกภายใน (จิตใจ) ของเราได้ดีขึ้น เราก็จะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกภายนอกได้มากขึ้นเช่นกัน นี่คือก้าวสำคัญสู่การสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับทุกคน

References :
Sadhguru । 20 Minutes for the NEXT 20 Years of Your LIFE
https://youtu.be/FT45NmuY_Y4?si=S7WPU-aGe5BACWUM

เปิดกล่องดำ Tesla : กลยุทธ์เด็ดพลิกเกมอุตสาหกรรม กับเบื้องหลังการแจกสิทธิบัตรฟรีของ Elon Musk

ในปี 2014 โลกต้องตะลึงกับการประกาศครั้งสำคัญของ Elon Musk สุดยอดซีอีโอแห่ง Tesla เขาได้เปิดเผยว่าสิทธิบัตรทั้งหมดของบริษัทจะกลายเป็น “open source” ซึ่งต้องบอกว่านี่ไม่ใช่แค่การตัดสินใจทางธุรกิจธรรมดา แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อวงการยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

Elon ประกาศด้วยความมุ่งมั่นว่า “สิทธิบัตรทั้งหมดของเราเป็นของคุณ” เขาอธิบายว่า Tesla จะไม่ฟ้องร้องใครที่ต้องการใช้เทคโนโลยีของบริษัทโดยสุจริต

ต้องบอกว่านี่เป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญและน่าประหลาดใจเป็นอย่างมากสำหรับผู้คนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมรถยนต์ เพราะโดยทั่วไปแล้วบริษัทมักจะปกป้องสิทธิบัตรของตนอย่างเข้มงวด แต่ Elon มีเหตุผลที่น่าสนใจ

เขาเชื่อว่าการเปิดเผยสิทธิบัตรจะช่วยเร่งการพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืน ในมุมมองของ Elon คู่แข่งที่แท้จริงของ Tesla ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่น แต่เป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินที่ผลิตออกมามหาศาลทุกวัน เขาต้องการให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตเร็วขึ้น เพื่อต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

แต่การเปิดเผยสิทธิบัตรของ Tesla ไม่ได้หมายความว่าใครก็สามารถทำอะไรก็ได้กับเทคโนโลยีของบริษัท มีเงื่อนไขสำคัญ คือผู้ที่ใช้เทคโนโลยีของ Tesla ต้องทำด้วยความสุจริต ไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของ

Tesla ไม่ท้าทายการใช้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทอื่น และไม่ขายหรือช่วยขายผลิตภัณฑ์ Tesla ปลอม นี่เป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการแบ่งปันความรู้ แต่ยังคงปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท

น่าสนใจที่ Elon ไม่ได้เชื่อมั่นในระบบสิทธิบัตรมาตลอด ในช่วงแรกของอาชีพ เขาเคยคิดว่าสิทธิบัตรเป็นสิ่งที่ดีและได้รับสิทธิบัตรมากมาย แต่ประสบการณ์ทำให้เขาเปลี่ยนความคิด เขาเปรียบเทียบสิทธิบัตรกับการซื้อสลากกินแบ่งเพื่อการฟ้องร้อง โดยอ้างถึงคดีความระหว่าง Apple และ Samsung ที่ในที่สุดแล้วผู้ที่ได้ประโยชน์จริงๆ คือทนายความเท่านั้น

แต่ทำไม Elon ถึงกล้าเปิดเผยสิทธิบัตรของ Tesla? คำตอบอยู่ที่ปรัชญาของเขาเกี่ยวกับนวัตกรรม Elon เชื่อว่าวิธีที่แท้จริงในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาคือการสร้างนวัตกรรมให้เร็วพอต่างหาก

เขากล่าวว่าถ้าอัตราการสร้างนวัตกรรมของคุณสูง คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา เพราะคู่แข่งจะกำลังลอกเลียนแบบสิ่งที่คุณทำเมื่อหลายปีก่อน ไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ในปัจจุบัน

นี่เป็นมุมมองที่น่าสนใจและท้าทายเป็นอย่างมาก มันแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างสูงในความสามารถของทีมงานและวิสัยทัศน์ของบริษัท Tesla ไม่กลัวที่จะแบ่งปันความรู้ เพราะเชื่อว่าจะยังคงเป็นผู้นำในการสร้างนวัตกรรมต่อไป

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ Elon ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงสุญญากาศ มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่น่าสนใจของอุตสาหกรรมยานยนต์

ในปี 2014 เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน Toyota ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรของ Tesla ได้หันไปสนใจการผลิตรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนแทน

การเปิดเผยสิทธิบัตรของ Tesla เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจาก Toyota ประกาศยุติความร่วมมือกับ Tesla และเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ Toyota จะเปิดตัวรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนรุ่นแรก นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการตอบโต้เชิงกลยุทธ์ของ Elon เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า

การเปิดเผยสิทธิบัตรของ Tesla ส่งผลให้บริษัทได้เปรียบในระยะยาว เพราะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะนำเทคโนโลยีของ Tesla ไปใช้มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนและบริษัทพลังงานลงทุนในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นด้วย นี่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในภาพรวม

แต่กลยุทธ์นี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่เสี่ยงเลยซะทีเดียว เราสามารถเห็นตัวอย่างจากประวัติศาสตร์ของ IBM PC ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบเปิดเช่นกัน ในตอนแรก IBM ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ในที่สุดก็สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งที่ผลิตคอมพิวเตอร์ที่เข้ากันได้กับ PC จนต้องขายธุรกิจ PC ทั้งหมดให้กับ Lenovo ในปี 2005

แต่ Elon และทีมงานของ Tesla ดูเหมือนจะไม่กังวลกับความเสี่ยงนี้ พวกเขามีความมั่นใจในความสามารถและเทคโนโลยีของตนเอง และเชื่อว่าจะยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป นี่คือความมั่นใจที่มาจากการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอย่างแท้จริง

การตัดสินใจของ Elon ในการเปิดเผยสิทธิบัตรของ Tesla เป็นการเดิมพันที่กล้าหาญ มันแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลที่มองเห็นประโยชน์ของการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในภาพรวมมากกว่าผลประโยชน์ระยะสั้นของบริษัท นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของการคิดนอกกรอบและการกล้าท้าทายแนวปฏิบัติทางธุรกิจแบบเดิมๆ

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่บริษัทอื่นๆ จะทำตามแนวทางนี้ เพราะระบบสิทธิบัตรยังคงมีข้อได้เปรียบหลายประการ แต่การกระทำของ Elon ก็ได้จุดประกายการสนทนาที่สำคัญเกี่ยวกับบทบาทของทรัพย์สินทางปัญญาในโลกที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว มันท้าทายให้เราคิดใหม่เกี่ยวกับวิธีที่เราสามารถส่งเสริมนวัตกรรมและความร่วมมือ โดยยังคงรักษาแรงจูงใจสำหรับการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา

ในท้ายที่สุด การตัดสินใจของ Elon Musk ในการเปิดเผยสิทธิบัตรของ Tesla ไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทเดียว แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่ส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมและได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า มันแสดงให้เห็นว่าบางครั้งการแบ่งปันความรู้และการร่วมมือกันอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างให้เกิดขึ้นได้นั่นเองครับผม

Geek Story EP215 : วาติกันวอลล์สตรีท ศรัทธาหรือเงินตรา? กับขุมทรัพย์ลับแห่งนครรัฐวาติกัน

ในค่ำคืนอันมืดมิดของปี 1982 Roberto Calvi นายธนาคารชาวอิตาเลียนกำลังหลบหนีอย่างสิ้นหวัง เขาเคยเป็นผู้บริหารธนาคาร Banco Ambrosiano ซึ่งมีวาติกันเป็นลูกค้ารายใหญ่ แต่บัดนี้กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงมูลค่ามหาศาล

Calvi เดินทางข้ามพรมแดนไปออสเตรียในยามวิกาล ก่อนจะบินต่อไปยังลอนดอน หวังว่าจะหลบเลี่ยงการจับกุม แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เพียงไม่กี่วันต่อมา ศพของ Calvi ถูกพบแขวนคออยู่ใต้สะพาน Blackfriars เหนือแม่น้ำเทมส์ ในใจกลางย่านการเงินของลอนดอน

ความตายอันน่าสะพรึงกลัวของ Calvi เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันซับซ้อนที่เกี่ยวพันกับธนาคารวาติกัน สถาบันการเงินที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/pkkk6cjr

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/muudsnpa

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/3ha4m9xw

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/gdR5PeImbHM

Geek Life EP36 : ทำไมคุณถึงขาดแรงจูงใจ? กับ 5 เทคนิคลับสร้างแรงจูงใจแบบไม่มีวันหมด

หลายคนอาจรู้สึกว่าตนเองกำลังสูญเสียแรงจูงใจไป แต่ความจริงแล้ว เราไม่ได้สูญเสียแรงจูงใจ เพราะแรงจูงใจไม่ใช่สิ่งที่เราเป็นเจ้าของตั้งแต่แรก แรงจูงใจเป็นทักษะที่เราสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ พอดแคสต์ EP นี้จะนำเสนอเคล็ดลับในการสร้างและรักษาแรงจูงใจ โดยอ้างอิงจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

เป็นข้อมูลที่น่าสนใจจากเวที Ted Talks โดย Ayelet Fishbach ศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมศาสตร์และการตลาดจาก University of Chicago ที่มาแบ่งปันเคล็ดลับที่ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยเกี่ยวกับแรงบันดาลใจกว่า 20 ปี โดยนำเสนอวิธีการง่าย ๆ เกี่ยวกับวิธีเพิ่มประสิทธิภาพเป้าหมายของเรา เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความสำเร็จ และหลีกเลี่ยงการผัดวันประกันพรุ่งที่ล่อตาล่อใจเรา

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/2t838mvt

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/552end4s

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/rS3CkgdlNzo