Geek Story EP210 : จากจักรยานสู่จักรวาล EV ถอดบทเรียน 40 ปีของจีนในการพิชิตตลาดรถยนต์โลก

ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีก่อน ถนนในเมืองใหญ่ของจีนเต็มไปด้วยผู้คนปั่นจักรยานไปทำงาน การเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนตัวเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับประชาชนทั่วไป มีเพียงหน่วยงานรัฐและองค์กรบางแห่งเท่านั้นที่มีสิทธิ์ซื้อรถยนต์ได้ แต่ใครจะคิดว่าเพียงไม่กี่ทศวรรษต่อมา ประเทศที่อุตสาหกรรมยานยนต์แทบจะไม่มีอยู่เลย จะกลายเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างไม่มีใครเทียบได้

เส้นทางสู่ความสำเร็จของอุตสาหกรรมรถยนต์จีนเป็นเรื่องราวที่น่าทึ่ง เต็มไปด้วยความท้าทาย การเรียนรู้ และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เราจะมาดูกันว่าจีนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจด้านยานยนต์ของโลกได้อย่างไร และอะไรคือบทเรียนสำคัญที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากความสำเร็จครั้งนี้

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4txy5mr3

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/59hhe6mw

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4k2fnja3

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/J-60-vBAPig

Geek Life EP22 : The Super Mario Effect! ทำไมการมองชีวิตเป็นเกมถึงช่วยให้คุณพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้น

ในโลกแห่งการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง มีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจและทรงพลังเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ “The Super Mario Effect” ซึ่งถูกนำเสนอโดย Mark Rober นักประดิษฐ์และยูทูบเบอร์ชื่อดัง แนวคิดนี้ชี้ให้เห็นว่าการมองชีวิตเหมือนเกมวิดีโอ สามารถช่วยให้เราเรียนรู้ได้มากขึ้นและประสบความสำเร็จได้มากขึ้น

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/54t3shha

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4ms6j5fs

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/gllioDcjD30

โบลท์ (Bolt) ตอกย้ำความมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในไทยอย่างต่อเนื่อง

โบลท์ (Bolt) เดินหน้าพัฒนาต่อเนื่องประกาศยกระดับเพิ่มความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับการยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ ซึ่งทำให้ผู้ใช้บริการในประเทศไทยสามารถยืนยันตัวตนได้ด้วยตัวเอง

นับเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนอย่างต่อเนื่องของโบลท์ในฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยบนแพลตฟอร์ม เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้ขับขี่และผู้ใช้บริการในประเทศไทย ส่งเสริมให้ผู้ขับขี่รับออร์เดอร์ได้อย่างมั่นใจ และมอบประสบการณ์การเดินทางที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ฟีเจอร์ใหม่นี้ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถยืนยันตัวตนผ่านการถ่ายภาพเซลฟี่ ซึ่งจะต้องเป็นภาพถ่ายที่ชัดเจนของบุคคลจริงในสถานที่จริง พร้อมอัปโหลดเอกสารประจำตัวสำหรับการตรวจสอบ โบลท์จะตรวจสอบความตรงกันระหว่างภาพถ่ายและเอกสารประจำตัว

โดยกระบวนการนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที นับเป็นการเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องอัปเดตแอปพลิเคชันเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อใช้งานฟีเจอร์นี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์การยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการถือเป็นตัวเลือกเสริม ที่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ใช้บริการแต่ละคนในการเลือกใช้ โดยยังคงสามารถใช้งานแอปพลิเคชันได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว และสะดวกสบาย

การยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการนี้จะถูกรวมเข้ากับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว เช่น การแชร์รายละเอียดการเดินทางกับเพื่อนหรือครอบครัว ปุ่มช่วยเหลือฉุกเฉิน และการบันทึกเสียงระหว่างการเดินทางเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย โบลท์จะติดต่อกับผู้ใช้บริการและผู้ขับขี่โดยอัตโนมัติผ่านทางแอปเมื่อรถจอดนิ่งนานเกินไปเพื่อยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี

นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนหากมีพื้นที่บนเส้นทางที่มีการรายงานเหตุการณ์ความปลอดภัยบ่อยครั้งไปยังทีมสนับสนุนลูกค้าของโบลท์

ณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ฟีเจอร์การยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่เหล่าผู้ขับขี่ในประเทศไทยร้องขอเข้ามามากที่สุด

การเปิดตัวฟีเจอร์นี้แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของความไว้วางใจระหว่างเหล่าผู้ขับขี่และผู้ใช้บริการ การลงทุนเพิ่มขึ้นในฟีเจอร์การยืนยันตัวตนเป็นการคำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทางโดยรวม เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ขับขี่ ตอกย้ำการให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม”

โบลท์ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมมาตรการความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (BMA) ในการจัดฝึกอบรมผู้ขับขี่เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญในเรื่องนี้ และยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมเพิ่มเติมกับหน่วยงานอื่นๆ ในอนาคต เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการเดินทางที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้อย่างยั่งยืน

มาสด้าช่วยเหลือลูกค้าน้ำท่วมมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 35% ค่าแรง 10% ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้าทั่วประเทศ

มาสด้าขอแสดงความห่วงใย พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรถยนต์มาสด้าของลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในทุกพื้นที่ ที่ไม่มีประกันภัยคุ้มครอง ด้วยการมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 35% ค่าแรง 10% และค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายรถยนต์ไปยังศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้า เพื่อนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้าที่ใกล้ที่สุด

เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และช่วยให้ลูกค้าสามารถนำรถกลับไปใช้งานได้เป็นปกติและปลอดภัยมากที่สุด โดยลูกค้าที่ประสบภัยสามารถติดต่อเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 พฤศจิกายน 2567 

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้มีรถยนต์มาสด้าของลูกค้าบางส่วนได้รับความเสียหายและไม่มีประกันภัยคุ้มครอง มาสด้าขอแสดงความห่วงใยในความเดือดร้อนของลูกค้าที่ประสบอุทกภัย และต้องการช่วยให้ลูกค้าสามารถนำรถยนต์กลับไปใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด แบบไร้กังวลในเรื่องความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น

จึงมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 35% และค่าแรง 10% เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า สำหรับลูกค้าในบางพื้นที่หรือบางจังหวัดที่ศูนย์บริการอยู่ห่างไกล* มาสด้ายินดีให้การช่วยเหลือสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายรถไปยังศูนย์บริการในพื้นที่ใกล้เคียงที่มีศูนย์บริการมาสด้ารองรับ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อให้ลูกค้านำรถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไร้ความกังวลเรื่องการเดินทาง 

โปรแกรมพิเศษมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  • ส่วนลดค่าอะไหล่สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้รับการคุ้มครองความเสียหายจากบริษัทประกันภัยเท่านั้น
  • ส่วนลดค่าอะไหล่ ไม่รวมอะไหล่ประเภทบำรุงรักษาตามระยะทาง (Maintenance Part) อุปกรณ์ตกแต่ง ยาง แบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง และสารหล่อลื่น
  • ส่วนลดที่บริษัทฯ มอบให้จะคำนวณจากราคาปลีก ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

“มาสด้าขอเป็นกำลังใจให้กับคนไทยทุกคนที่ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่ ขอให้ทุกคนอดทนและก้าวผ่านความยากลำบากในครั้งนี้ไปให้ได้ มาสด้ายินดีสนับสนุนและให้การช่วยเหลือลูกค้าทุกคน เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำรถกลับไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย

ตามเจตนารมณ์ของมาสด้าในการเอาใจใส่ดูแลรถยนต์ของลูกค้าไปตลอดอายุการใช้งาน เพื่อให้รถยนต์มาสด้าช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในการขับขี่ให้กับลูกค้าและสมาชิกทุกคนในครอบครัวไปตลอดการเดินทาง” นายธีร์ กล่าวเสริม

หมายเหตุ:

*บริการเคลื่อนย้ายรถไปยังศูนย์บริการใกล้เคียง มีบริการเฉพาะจังหวัดที่ไม่มีศูนย์บริการมาสด้าเท่านั้น

อย่าเชื่อทุกสิ่งที่คุณคิด : หยุดเป็นทาสความคิด ด้วยเทคนิคง่ายๆ สู่ชีวิตที่สงบสุขกว่าเดิม

คุณเคยรู้สึกเหมือนกำลังติดอยู่ในวังวนของความคิดที่ไม่มีที่สิ้นสุดหรือไม่? คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางครั้งเราถึงรู้สึกเครียด โกรธ หรือวิตกกังวลโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน? ถ้าคุณเคยประสบกับความรู้สึกเหล่านี้ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว หนังสือ “Don’t Believe Everything You Think: Why Your Thinking Is The Beginning & End Of Suffering” โดย Joseph Nguyen อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยคุณหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์นี้

ในบทความนี้ เราจะพาคุณเดินทางผ่านแนวคิดหลักของหนังสือเล่มนี้ เพื่อค้นหาวิธีปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการของความคิดที่ไม่จำเป็น และก้าวสู่ชีวิตที่มีความสุขและสงบสุขมากขึ้น

ต้นตอของความทุกข์: เมื่อความคิดกลายเป็นศัตรู

เคยสังเกตไหมว่าบางครั้งเรารู้สึกเจ็บปวดทั้งๆ ที่ร่างกายไม่ได้บาดเจ็บอะไร? นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “ความทุกข์ทางใจ” ซึ่งแตกต่างจากความเจ็บปวดทางกายที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความทุกข์ทางใจนั้น เราสามารถควบคุมและจัดการได้

Joseph Nguyen เล่าถึงประสบการณ์ของเขาในการค้นหาความสุขผ่านการ training การสัมมนาด้านจิตวิญญาณ โยคะ และการทำสมาธิ แต่กลับพบว่าความกังวลและปัญหาของเขายังคงอยู่ จนกระทั่งเขาได้พบกับครูด้านจิตวิญญาณที่เปิดเผยความจริงอันน่าทึ่ง: ต้นตอของความทุกข์ทั้งหมดอยู่ในจิตใจของเราเอง

ลองนึกภาพเหตุการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ อาจเป็นการทะเลาะกับเพื่อน หรือการพลาดโอกาสสำคัญในการทำงาน สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ไม่ใช่เหตุการณ์นั้นๆ แต่เป็นวิธีที่เราตีความและคิดเกี่ยวกับมัน เปรียบเสมือนลูกศรสองดอก ดอกแรกคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนดอกที่สองคือปฏิกิริยาทางอารมณ์ของเราต่อเหตุการณ์นั้น

เช่น เมื่อเพื่อนยกเลิกนัดกะทันหัน บางคนอาจรู้สึกโกรธและคิดว่าเพื่อนไม่ให้ความสำคัญกับตน ในขณะที่บางคนอาจมองว่าเป็นโอกาสที่จะได้ใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น ความแตกต่างนี้ไม่ได้อยู่ที่เหตุการณ์ แต่อยู่ที่วิธีคิดของแต่ละคน

การคำนึงถึงพลังของความคิดเป็นก้าวแรกในการควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของเรา เมื่อเราเข้าใจว่าความคิดของเราสามารถสร้างหรือทำลายความสุขได้ เราจะเริ่มมีอำนาจในการเลือกว่าจะตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ อย่างไร

ทำไมเราถึงคิด? เข้าใจกลไกของจิตใจ

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางครั้งเราถึงคิดวนเวียนกับเรื่องเดิมๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์? คำตอบอยู่ที่วิวัฒนาการของสมองมนุษย์ สมองของเราถูกออกแบบมาให้คิดเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น นักจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า “อคติด้านลบ (Negativity Bias)”

ลองนึกถึงบรรพบุรุษของเราที่ต้องเผชิญกับอันตรายรอบตัว การคิดถึงสถานการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นช่วยให้พวกเขาเตรียมพร้อมและรับมือได้ดีขึ้น แต่ในโลกปัจจุบันที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกสัตว์ร้ายไล่ล่าอีกต่อไป กลไกนี้กลับกลายเป็นตัวสร้างความเครียดและวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราควรหยุดคิดโดยสิ้นเชิง การคิดยังคงมีประโยชน์ในหลายสถานการณ์ เช่น การวางแผนอนาคต หรือการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน สิ่งสำคัญคือการรู้จักสมดุลระหว่างการคิดที่เป็นประโยชน์กับการปล่อยวางความคิดที่ไม่จำเป็น

ความแตกต่างระหว่างความคิดและการคิด: กุญแจสู่การควบคุมจิตใจ

หลายคนอาจสับสนระหว่างคำว่า “ความคิด (thoughts)” และ “การคิด (thinking)” แต่ความเข้าใจในความแตกต่างนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมจิตใจของเรา

ความคิดเปรียบเสมือนเมฆที่ลอยผ่านท้องฟ้า มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ บางครั้งอาจเป็นความคิดดีๆ บางครั้งอาจเป็นความคิดที่ไม่พึงประสงค์ แต่ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นกลาง ไม่ดีหรือไม่เลวจนกว่าเราจะให้ความหมายกับมัน

ในทางกลับกัน การคิดเป็นกระบวนการที่เราเลือกจะมีส่วนร่วมกับความคิดเหล่านั้น เป็นการวิเคราะห์ ไตร่ตรอง หรือครุ่นคิดเกี่ยวกับความคิดที่เกิดขึ้น นี่คือส่วนที่เราสามารถควบคุมได้

ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณกำลังเดินอยู่บนถนนและเห็นคนแปลกหน้าเดินสวนมา ความคิดแรกที่เกิดขึ้นอาจเป็น “คนนี้ดูน่ากลัว” นี่คือความคิดที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่สิ่งที่คุณทำต่อจากนั้นคือการคิด คุณอาจเลือกที่จะคิดต่อว่า “เขาอาจเป็นอันตราย ฉันควรข้ามถนนหนีดีกว่า” หรือคุณอาจคิดว่า “นี่เป็นแค่อคติของฉันเอง ฉันไม่ควรตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก”

การแยกแยะระหว่างความคิดและการคิดช่วยให้เราเห็นว่าเรามีทางเลือกมากกว่าที่คิด แม้เราไม่สามารถควบคุมความคิดที่ผุดขึ้นมาได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะตอบสนองต่อความคิดเหล่านั้นอย่างไร

เมื่อเราเข้าใจความแตกต่างนี้ เราจะเริ่มมีอิสระมากขึ้นจากความคิดที่ไม่พึงประสงค์ เราสามารถเลือกที่จะไม่ให้ความสนใจกับความคิดบางอย่าง และเลือกที่จะมีส่วนร่วมกับความคิดที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์

การหยุดคิด: ศิลปะแห่งการปล่อยวาง

การพยายามหยุดคิดอาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ Joseph Nguyen เสนอว่า การหยุดคิดไม่ได้หมายถึงการทำให้จิตใจว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะไม่ยึดติดกับความคิดที่ผ่านเข้ามา

ลองนึกภาพจิตใจของคุณเป็นเหมือนท้องฟ้า และความคิดคือเมฆที่ลอยผ่านไปมา แทนที่จะพยายามกำจัดเมฆทั้งหมด (ซึ่งเป็นไปไม่ได้) เราสามารถเรียนรู้ที่จะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ มองดูเมฆลอยผ่านไปโดยไม่ต้องพยายามจับมันไว้หรือผลักไสมันออกไป

วิธีการหนึ่งที่ Joseph แนะนำคือการฝึกสติ (Mindfulness) ซึ่งเป็นการฝึกให้จิตใจอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการหายใจลึกๆ และให้ความสนใจกับลมหายใจของคุณ เมื่อคุณสังเกตว่าจิตใจเริ่มวอกแวกไปคิดเรื่องอื่น ให้ค่อยๆ นำความสนใจกลับมาที่ลมหายใจอีกครั้ง

อีกวิธีหนึ่งคือการใช้เทคนิค “การสังเกตความคิด” เมื่อคุณพบว่าตัวเองกำลังคิดมาก ให้ลองถอยออกมาและมองความคิดเหล่านั้นอย่างเป็นกลาง เหมือนกำลังดูภาพยนตร์ สังเกตว่าความคิดนั้นๆ ทำให้คุณรู้สึกอย่างไร แต่ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงหรือต่อสู้กับมัน

การฝึกฝนเทคนิคเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณค่อยๆ สร้างระยะห่างระหว่างตัวคุณกับความคิดของคุณ ทำให้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะตอบสนองต่อความคิดอย่างไร แทนที่จะถูกความคิดควบคุม

การเติบโตโดยไม่ต้องคิด: ค้นพบพลังของ Flow State

คุณเคยมีประสบการณ์ที่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในขณะที่คุณทำงานหรือทำกิจกรรมที่คุณชื่นชอบหรือไม่? นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “Flow State” ซึ่งเป็นสภาวะที่คุณมีสมาธิจดจ่ออย่างเต็มที่กับสิ่งที่กำลังทำ จนลืมเวลาและความคิดอื่นๆ ไปชั่วขณะ

Joseph Nguyen เสนอว่า Flow State นี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการดำเนินชีวิตโดยไม่ต้องคิดมากเกินไป ในสภาวะนี้ เราไม่ได้หยุดคิดโดยสิ้นเชิง แต่เราปล่อยให้ความคิดและการกระทำเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินตัวเอง

ลองนึกถึงนักกีฬาที่กำลังแข่งขันในระดับสูงสุด พวกเขาไม่มีเวลามานั่งคิดวิเคราะห์ทุกการเคลื่อนไหว แต่พวกเขาใช้ทักษะและประสบการณ์ที่ฝึกฝนมาอย่างหนักเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างฉับไว นี่คือตัวอย่างของการทำงานโดยไม่ต้องคิดมากเกินไป

แล้วเราจะนำแนวคิดนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร? Joseph แนะนำให้เราฝึกการอยู่กับปัจจุบันในทุกๆ กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การทำงานบ้าน แทนที่จะคิดถึงอดีตหรือกังวลเกี่ยวกับอนาคต ให้มุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้า

การฝึกฝนเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลที่มักเกิดจากการคิดมากเกินไป ทำให้เราสามารถเติบโตและพัฒนาตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ไม่มีอะไรดีหรือไม่ดีโดยธรรมชาติ: เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนชีวิต

หนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจที่สุดใน “อย่าเชื่อทุกสิ่งที่คุณคิด” คือการท้าทายความเชื่อที่ว่าสิ่งต่างๆ มีคุณค่าในตัวเอง Joseph Nguyen เสนอว่า ไม่มีสิ่งใดที่ดีหรือไม่ดีโดยธรรมชาติ แต่เป็นความหมายที่เราให้กับมันต่างหาก

ลองคิดถึงเหตุการณ์ที่คุณเคยประสบมา เช่น การสูญเสียงาน ในตอนแรก คุณอาจรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเลวร้าย แต่หลังจากผ่านไปสักพัก คุณอาจพบว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ค้นพบเส้นทางอาชีพใหม่ที่เหมาะสมกับคุณมากกว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่เหตุการณ์ แต่เป็นมุมมองของคุณต่อมัน

การเข้าใจแนวคิดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่เรามองโลกและตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างสิ้นเชิง แทนที่จะด่วนตัดสินว่าอะไรดีหรือไม่ดี เราสามารถเลือกที่จะมองสถานการณ์อย่างเป็นกลางมากขึ้น และพิจารณาว่าเราจะตอบสนองต่อมันอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การฝึกมองโลกในแง่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมองทุกอย่างในแง่ดีตลอดเวลา แต่เป็นการเปิดใจให้กว้างขึ้น ยอมรับว่าทุกสถานการณ์มีหลายแง่มุม และเราสามารถเลือกมุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อการเติบโตและความสุขของเราได้

บทสรุป: เส้นทางสู่ความสุขที่แท้จริง

“อย่าเชื่อทุกสิ่งที่คุณคิด (Don’t Believe Everything You Think)” ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อหนังสือ แต่เป็นคำเตือนใจที่ทรงพลัง มันเตือนเราว่าความคิดของเราไม่ใช่ความจริงเสมอไป และบ่อยครั้งที่ความคิดเหล่านั้นสร้างความทุกข์ให้กับเราโดยไม่จำเป็น

Joseph Nguyen ไม่ได้แนะนำให้เราหยุดคิดโดยสิ้นเชิง แต่เขาเชิญชวนให้เราพิจารณาความคิดของเราอย่างมีวิจารณญาณมากขึ้น ให้เราเรียนรู้ที่จะแยกแยะระหว่างความคิดที่เป็นประโยชน์กับความคิดที่สร้างความทุกข์ และฝึกฝนการอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น

การเดินทางสู่ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน มันต้องอาศัยความอดทน การฝึกฝน และความเข้าใจตนเอง แต่ด้วยเครื่องมือและแนวคิดที่ Joseph นำเสนอในหนังสือเล่มนี้ เราสามารถเริ่มต้นการเดินทางนี้ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

สุดท้ายนี้ ขอให้เราจดจำไว้ว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การควบคุมทุกสิ่งรอบตัวให้เป็นไปตามที่เราต้องการ แต่อยู่ที่การเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งต่างๆ ตามที่มันเป็น และเลือกที่จะตอบสนองต่อมันด้วยปัญญาทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น

การเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของเราอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันคุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะมันไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา แต่ยังส่งผลกระทบในทางบวกต่อทุกคนรอบตัวเราด้วย ดังนั้น ลองเริ่มต้นวันนี้ด้วยการตั้งคำถามกับความคิดของคุณ และเปิดใจรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่อาจนำพาคุณไปสู่ความสุขที่แท้จริง

References :
หนังสือ Don’t Believe Everything You Think: Why Your Thinking Is The Beginning & End Of Suffering โดย Joseph Nguyen