3 รหัสโกงชีวิต : เล่นชีวิตให้เป็น เห็นทางรวยด้วยวิธีคิดแบบ Clear Thinking

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารท่วมท้น การตัดสินใจในชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ เราต่างเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องคิดวิเคราะห์และตัดสินใจอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันแทบไม่ต่างจากการเล่นเกม Tetris ที่ต้องจัดการกับบล็อกที่ร่วงหล่นลงมาไม่หยุดหย่อน Shane Parish ผู้เขียนหนังสือ “Clear Thinking” ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจ เปรียบเทียบชีวิตกับเกม Tetris อันโด่งดัง

ลองนึกภาพว่าปัญหาในชีวิตคือบล็อกใน Tetris ที่ค่อยๆ สะสมขึ้นมาเรื่อยๆ หากเราไม่สามารถจัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บล็อกเหล่านั้นก็จะพอกพูนจนล้นจอ นำไปสู่การ “Game Over” ในชีวิตจริง เช่น การสูญเสียงาน ธุรกิจล้มเหลว หรือความสัมพันธ์จบลง

แต่หากเรามีทักษะการคิดอย่างชัดเจน เราก็จะสามารถจัดการกับบล็อกปัญหาเหล่านี้ได้อย่างชาญฉลาด ทำให้การตัดสินใจในชีวิตเป็นเรื่องง่ายขึ้น และรักษาระดับปัญหาให้อยู่ในจุดที่ควบคุมได้

Shane Parish ได้นำเสนอหลักการคิดซึ่งเปรียบเสมือน “รหัสโกง” ในเกมชีวิต ที่จะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันว่ารหัสโกงเหล่านี้มีอะไรบ้าง และเราจะนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร

รหัสโกงข้อแรก : มองเห็นบล็อกปัญหาล่วงหน้า

ใน Tetris การมองเห็นบล็อกถัดไปที่กำลังจะร่วงลงมาเป็นกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะ ในชีวิตจริงก็เช่นกัน การคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจะช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือได้ดียิ่งขึ้น

Shane Parish ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาส่วนใหญ่ในชีวิตเกิดจากการตัดสินใจแบบอัตโนมัติ 4 ประเภท ได้แก่ การตัดสินใจแบบเฉื่อยๆ การตัดสินใจตามสังคม การตัดสินใจตามอารมณ์ และการตัดสินใจตามอีโก้

  1. การตัดสินใจแบบเฉื่อยๆ เกิดขึ้นเมื่อเราทำสิ่งเดิม ๆ โดยไม่คิดทบทวน เช่น การทำงานในตำแหน่งที่ไม่มีความสุขเป็นเวลานาน เพียงเพราะเคยชินกับมัน
  2. การตัดสินใจตามสังคม เป็นผลมาจากแรงกดดันรอบข้าง ทำให้เราอาจทำในสิ่งที่ขัดกับความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง เช่น การดื่มเหล้าทั้งที่ไม่อยากดื่ม เพียงเพราะเพื่อนๆ ชวน
  3. การตัดสินใจตามอารมณ์ มักเกิดขึ้นเมื่อเราปล่อยให้ความรู้สึกชั่วขณะมีอิทธิพลเหนือเหตุผล เช่น การส่งข้อความโต้เถียงด้วยความโกรธโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา
  4. การตัดสินใจตามอีโก้ เกิดขึ้นเมื่อเรายึดติดกับภาพลักษณ์หรือสถานะทางสังคม จนละเลยความสุขที่แท้จริง เช่น การไล่ตามตำแหน่งผู้บริหารที่มีเงินเดือนสูง ทั้งที่งานนั้นไม่ตรงกับความถนัดหรือความชอบของเรา

การคิดอย่างถี่ถ้วนถึงรูปแบบการตัดสินใจเหล่านี้ จะช่วยให้เรามองเห็น “บล็อกปัญหา” ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เราสามารถฝึกฝนตนเองให้หยุดคิดก่อนที่จะตัดสินใจโดยอัตโนมัติ และพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ที่อาจเป็นประโยชน์กว่า เช่น แทนที่จะยอมรับข้อเสนองานใหม่ทันทีเพียงเพราะเงินเดือนสูงกว่า เราอาจใช้เวลาพิจารณาว่างานนั้นตรงกับเป้าหมายระยะยาวของเราหรือไม่ หรือจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ เรายังสามารถสร้าง “กฎ” สำหรับตัวเองเพื่อป้องกันการตัดสินใจแบบอัตโนมัติที่อาจนำไปสู่ปัญหาในอนาคต เช่น “ฉันจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงทุกสัปดาห์ในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ” เพื่อป้องกันการตกอยู่ในกับดักของการทำงานแบบเดิมๆ หรือ “ฉันจะนับถึง 5 ในใจก่อนตอบโต้เมื่อรู้สึกโกรธ” เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่อาจสร้างความเสียหายจากอารมณ์ชั่ววูบ

รหัสโกงข้อที่สอง: ทำให้เกมง่ายขึ้น

ใน Tetris บล็อกที่มีรูปทรงง่ายๆ อย่างเช่นบล็อกตรง มักจะจัดการได้ง่ายกว่าบล็อกที่มีรูปทรงซับซ้อน ในชีวิตจริงก็เช่นกัน การทำให้ปัญหาหรือการตัดสินใจดูเรียบง่ายลง จะช่วยให้เราจัดการกับมันได้ดีขึ้น Shane Parish แนะนำวิธีการที่น่าสนใจในการ “ทำให้เกมง่ายขึ้น” นั่นคือ การระบุปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจแต่ละครั้ง

ลองนึกถึงสถานการณ์ที่คุณต้องเลือกซื้อรถคันใหม่ แทนที่จะพยายามเปรียบเทียบทุกแง่มุมของรถแต่ละคัน ซึ่งอาจทำให้สับสนและตัดสินใจยาก ลองใช้วิธีการต่อไปนี้

เริ่มจากเขียนปัจจัยที่คุณคิดว่าสำคัญในการเลือกซื้อรถลงบนกระดาษโน้ตแผ่นละหนึ่งปัจจัย เช่น ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย รูปลักษณ์ภายนอก ประหยัดน้ำมัน ราคา เป็นต้น จากนั้นนำกระดาษโน้ตมาเรียงเป็นแถว แล้วเปรียบเทียบทีละคู่ โดยย้ายกระดาษที่มีปัจจัยที่คุณเห็นว่าสำคัญกว่าไว้ด้านบน ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกใบ

สุดท้าย กระดาษโน้ตที่อยู่บนสุดจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณในการเลือกซื้อรถ ให้ใช้ปัจจัยนี้เป็นเกณฑ์หลักในการตัดสินใจ โดยพิจารณาว่ารถคันไหนได้คะแนนสูงสุดในปัจจัยนี้ ตราบใดที่ปัจจัยอื่นๆ อยู่ในระดับที่ “ดีพอ” สำหรับคุณ วิธีนี้จะช่วยลดความซับซ้อนของการตัดสินใจลงอย่างมาก ทำให้คุณสามารถเลือกได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

Shane Parish ย้ำว่า “ในทุกโครงการ เป้าหมาย และบริษัท มีเพียงหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดเท่านั้น ถ้าคุณมีสองสิ่งหรือมากกว่านั้นที่สำคัญที่สุด แสดงว่าคุณยังคิดไม่ชัดเจน”

หลักการนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับการตัดสินใจในหลายๆ ด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเลือกงาน การลงทุน หรือแม้แต่การเลือกคู่ครอง การโฟกัสไปที่ปัจจัยสำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียว จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายและชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้ การระบุปัจจัยสำคัญที่สุดยังมีประโยชน์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วย เมื่อคุณสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณหรือองค์กร ทีมงานของคุณก็จะสามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะขัดกับเป้าหมายหลัก ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

รหัสโกงข้อที่สาม: ชะลอเกมให้ช้าลง

ในเกม Tetris การชะลอความเร็วของเกมลงจะช่วยให้ผู้เล่นมีเวลามากขึ้นในการคิดและวางแผนการจัดวางบล็อก ในชีวิตจริงก็เช่นเดียวกัน การให้เวลากับตัวเองในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องมากขึ้น Shane Parish แนะนำให้ใช้วิธีการที่เรียกว่า “Barbell Approach” ในการจัดการกับการตัดสินใจต่างๆ ในชีวิต

วิธีการนี้แบ่งการตัดสินใจออกเป็นสองขั้ว คือ ตัดสินใจให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (As Soon As Possible – ASAP) หรือช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (As Late As Possible – ALAP) โดยพิจารณาจากผลกระทบและความสามารถในการแก้ไขหากตัดสินใจผิดพลาด

สำหรับการตัดสินใจที่มีผลกระทบน้อย หรือสามารถแก้ไขได้ง่ายหากผิดพลาด เช่น การเลือกร้านอาหารสำหรับมื้อเย็น หรือการจองตั๋วเครื่องบินที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณควรตัดสินใจให้เร็วที่สุด เพื่อประหยัดเวลาและพลังงานสมองไว้สำหรับการตัดสินใจที่สำคัญกว่า

ในทางตรงกันข้าม สำหรับการตัดสินใจที่มีผลกระทบระยะยาว มีความเสี่ยงสูง หรือยากที่จะแก้ไขหากผิดพลาด เช่น การเลือกอาชีพ การแต่งงาน หรือการลงทุนจำนวนมาก คุณควรใช้เวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ทางเลือก และพิจารณาผลที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ

แต่คำถามที่อาจเกิดขึ้นคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วสำหรับเรื่องสำคัญๆ เหล่านี้? Shane Parish เสนอว่าให้สังเกตสถานการณ์ที่เรียกว่า “Stop or Flop” สองประการดังนี้ :

ประการแรก เมื่อคุณพบว่าการใช้เวลาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมแต่ไม่ได้ให้ความรู้ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์อีกต่อไป แต่กลับเป็นการยืนยันความคิดเดิมที่คุณมีอยู่แล้ว นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องตัดสินใจแล้ว

ประการที่สอง เมื่อคุณพลาดโอกาสแรกไปแล้ว และการรอต่อไปอาจทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือโอกาสที่มากขึ้น ก็ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเช่นกัน

Shane Parish เปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับการลงทุนในหุ้น เมื่อราคาหุ้นตกลงไปถึงจุดต่ำสุดและเริ่มปรับตัวขึ้น นักลงทุนอาจไม่อยากรีบเข้าซื้อทันทีเพราะกลัวว่าราคาอาจจะลงอีก แต่หากราคาหุ้นถอยกลับมาและทำจุดต่ำสุดที่สูงกว่าครั้งก่อน (Higher Low) ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง นั่นอาจเป็นจังหวะที่ดีในการตัดสินใจลงทุน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการเติบโตในอนาคต

แม้ว่าการรอเวลาเพื่อตัดสินใจอาจรู้สึกเหมือนมีค่าใช้จ่ายหรือเสียโอกาสบางอย่างไป แต่ Shane Parish ย้ำเตือนว่า “การตัดสินใจที่ดีมีราคาแพง แต่การตัดสินใจที่แย่จะทำให้คุณสูญเสียทรัพย์สินมหาศาล” การใช้เวลาอย่างเหมาะสมในการตัดสินใจเรื่องสำคัญจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

นอกจากนี้ การฝึกฝนทักษะการคิดอย่างชัดเจนยังช่วยพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจในสถานการณ์ที่มีความกดดันสูงได้อีกด้วย เช่น ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือวิกฤต การมีกรอบความคิดที่ชัดเจนจะช่วยให้เราสามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุปแล้ว หนังสือ “Clear Thinking” ของ Shane Parish นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจในการมองชีวิตเหมือนเกม Tetris แห่งการคิด โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการคิดอย่างชัดเจนในการจัดการกับความท้าทายต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นปัญหาล่วงหน้า การทำให้การตัดสินใจซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่าย หรือการรู้จักใช้เวลาอย่างเหมาะสมในการตัดสินใจเรื่องสำคัญ

แนวคิดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราจัดการกับปัญหาในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาตนเองและก้าวไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวอีกด้วย การฝึกฝนทักษะการคิดอย่างชัดเจนจึงเป็นเสมือนการเพิ่ม “รหัสโกง” ให้กับตัวเองในเกมชีวิต ช่วยให้เราสามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างชีวิตที่มีความหมายและประสบความสำเร็จได้ตามที่ใจต้องการ

References :
หนังสือ Clear Thinking: Turning Ordinary Moments into Extraordinary Results โดย Shane Parrish

From Nothing to Something : ถอดรหัสความสำเร็จ Carl Pei กับการปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟน

ในโลกของเทคโนโลยีที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การสร้างสตาร์ทอัพด้านฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสมาร์ทโฟน เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ แต่ Carl Pei ผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus และปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Nothing ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นไปได้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ

Carl Pei เริ่มต้นเส้นทางในวงการเทคโนโลยีตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยความหลงใหลในอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ เขาเล่าว่า “ผมเป็นคนชอบเครื่องมือเทคโนโลยีมาตั้งแต่เด็ก ผมคิดว่าผมน่าจะเป็นคนแรกๆ ในสวีเดนที่มี iPod และผมแน่ใจว่าผมเป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อนๆ ที่มี iPhone” ความหลงใหลนี้นำพาเขาไปสู่การทำงานในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่กำลังเติบโตในประเทศจีน

การเดินทางของ Carl ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เขาเผชิญกับความท้าทายมากมายในการสร้างธุรกิจของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาตัดสินใจก่อตั้ง Nothing หลังจากออกจาก OnePlus

ในปี 2020 เขาเล่าถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากในการระดมทุนและหาพันธมิตรทางธุรกิจ “เรายังถูกปฏิเสธจากโรงงานหลายแห่งที่ผลิตโทรศัพท์ด้วย อย่าง Foxconn ตอนนั้น Foxconn เคยทำงานกับสตาร์ทอัพที่ทำโทรศัพท์มาแล้ว 5 ราย และทั้ง 5 รายนั้นล้มเหลวหมด”

แม้จะเจอกับอุปสรรคมากมาย Carl ไม่ยอมแพ้ เขาตัดสินใจเริ่มต้นด้วยการผลิตหูฟังไร้สายก่อน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเรียนรู้กระบวนการผลิต แต่แม้แต่การผลิตหูฟังก็ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย “โรงงานเดียวที่ยอมทำงานกับเราคือโรงงานที่ไม่มีลูกค้าอื่นเลย ถ้าไม่มีเรา พวกเขาก็จะล้มละลาย” Carl เล่า

ความยากลำบากไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เมื่อผลิตภัณฑ์แรกของ Nothing คือหูฟัง Ear (1) เริ่มวางจำหน่าย พวกเขาพบว่าประมาณ 90% ของสินค้าในล็อตแรกมีปัญหาในการชาร์จ

นี่เป็นช่วงเวลาวิกฤตที่ Carl และทีมต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน “เราเช่าอพาร์ตเมนต์สองห้องใกล้ๆ โรงงานทันที และเราส่งวิศวกร 15 คนไปอยู่ที่นั่น โดยพื้นฐานแล้ววิศวกรของเรากลายเป็นผู้จัดการโรงงานไปโดยปริยาย คอยดูแลทุกส่วนของโรงงานให้ผลิตตามข้อกำหนดของเรา” Carl เล่าถึงวิธีที่พวกเขาจัดการกับวิกฤตครั้งนั้น

ความพยายามของพวกเขาไม่สูญเปล่า ในที่สุด Nothing ก็สามารถขายหูฟัง Ear (1) ได้ถึง 600,000 ชิ้นในปีแรก นี่เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถก้าวไปสู่การผลิตสมาร์ทโฟนได้ในที่สุด

Carl เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอยู่รอดในธุรกิจฮาร์ดแวร์ “ในการไม่มีทางเลือกอื่น มันบังคับให้คุณต้องอยู่รอด” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าแต่ละครั้งที่พวกเขาเผชิญกับอุปสรรค พวกเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น มีกระบวนการทำงานที่ดีขึ้น และมีทีมที่ดีขึ้น

นอกจากการเอาชนะความท้าทายด้านการผลิตแล้ว Nothing ยังให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์และชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง

Carl อธิบายว่า “ผู้ใช้ปัจจุบันของเราบางส่วนเป็นคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยี และบางส่วนเป็นคนสร้างสรรค์ คนที่ชอบการออกแบบ ชอบแฟชั่นและดนตรี” การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและการออกแบบที่สวยงามเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ Nothing

หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นของ Nothing คือ อินเตอร์เฟซ Glyph บนสมาร์ทโฟนของพวกเขา Carl อธิบายแนวคิดเบื้องหลังว่า “เราต้องการให้ผู้คนสามารถพลิกโทรศัพท์และรู้ถึงสิ่งสำคัญทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นผ่านไฟที่ด้านหลังของโทรศัพท์ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องเปิดหน้าจอหรือปลดล็อคตลอดเวลา” นี่เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก

Carl ยังแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับการสร้างสมดุลระหว่างการบริหารจัดการและความคิดสร้างสรรค์ในธุรกิจฮาร์ดแวร์ เขาแนะนำว่าผู้ประกอบการควรเน้นที่การอยู่รอดและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ (แบบ Tim Cook) ประมาณ 80% และใช้ความคิดสร้างสรรค์ (แบบ Jony Ive) ประมาณ 20% โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น และค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนของความคิดสร้างสรรค์เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจจะเริ่มต้นสตาร์ทอัพฮาร์ดแวร์ Carl มีคำแนะนำว่า “มันจะยากแน่ๆ แต่มันทำได้ถ้าคุณอยากทำ” เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางแผนและการสร้างความน่าเชื่อถือไปทีละขั้น “ให้คิดว่าเราจะสร้างความน่าเชื่อถือไปสู่สิ่งต่อไปได้อย่างไร” เขากล่าว

Carl ยังเน้นย้ำถึงความพึงพอใจในการเห็นผู้คนใช้ผลิตภัณฑ์ที่เขามีส่วนร่วมในการสร้าง โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

เส้นทางของ Carl Pei และ Nothing แสดงให้เห็นว่าแม้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย การสร้างสตาร์ทอัพฮาร์ดแวร์ก็เป็นไปได้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ความมุ่งมั่น และความสามารถในการปรับตัว สตาร์ทอัพสามารถก้าวผ่านอุปสรรคและสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้

บทเรียนจากประสบการณ์ของ Carl ไม่เพียงแต่มีคุณค่าสำหรับผู้ที่สนใจในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้ประกอบการในทุกสาขาอีกด้วย

References :
How Nothing Founder Carl Pei Built A Multi-Million Dollar Smartphone Brand In Just 2 Years
https://youtu.be/uZVyBc1CKN0?si=M7Q_q6Wqe9z5022u

Geek Life EP49 : เรียนรู้ ฝึกฝน รับฟีดแบค อัพสกิลตัวเองใน 3 ขั้นตอน สูตรลับที่ใคร ๆ ก็ทำได้

การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา และแท้จริงแล้วชีวิตของเราก็ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่เพื่อให้ได้งานในฝัน หรือการเล่นดนตรีที่เราใฝ่ฝันมานาน การเรียนรู้คือหัวใจสำคัญของทุกสิ่ง แต่บางครั้งเราอาจสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่ได้เก่งขึ้นเลย แม้จะฝึกฝนมาหลายปี

ลองนึกถึงการเขียนหนังสือ คุณอาจจะลองเขียนมาตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ แต่ทักษะการเขียนของคุณอาจไม่ได้พัฒนาขึ้นมากนัก ทั้งๆ ที่ฝึกฝนมาหลายปี แต่กลับไม่เห็นพัฒนาการที่ชัดเจน นี่แสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้นั้นต้องการมากกว่าแค่การฝึกฝนซ้ำๆ เพียงอย่างเดียว

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/2r24uwz4

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/3sw5wsaw

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/9jD72gIg3C0

Geek Story EP219 : จาก ‘0’ สู่จักรวรรดิ ‘Visa’ ตำนานการถือกำเนิดบัตรเครดิตที่เปลี่ยนโลกการเงินไปตลอดกาล

ในโลกของการเงินและการชำระเงิน มีบริษัทหนึ่งที่ยืนเหนือคู่แข่งแทบจะทั้งหมด นั่นก็คือ Visa บริษัทที่กำหนดการไหลเวียนของเงินทั่วโลกมาเกือบ 8 ทศวรรษ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่แทบไม่มีคู่แข่ง มาถึงวันนี้ Visa ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมการเงินไปอย่างสิ้นเชิง

ในอดีต ผู้นำในวงการการเงินมักเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีงบดุลเป็นล้านล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ Visa ซึ่งเป็นเพียงบริษัทประมวลผลการชำระเงิน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทบริการทางการเงินที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยในปี 2023 Visa ประมวลผลปริมาณธุรกรรมรวมมูลค่ามหาศาลถึง 14.8 ล้านล้านดอลลาร์

แต่ Visa ไม่ได้ประสบความสำเร็จเช่นนี้โดยบังเอิญ เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้คือเรื่องราวอันน่าทึ่งของการต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ รวมถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในอุตสาหกรรม และวิสัยทัศน์อันกล้าหาญของผู้นำที่มองการณ์ไกล

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/9s8jarpc

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/ywcjsra3

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/yep55put

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/KI_1dXIQkOs

สิงห์ฯ ร่วมกับ Insightist และ GDK จัดงานใหญ่ Ai Thailand Conference 2024 ทรานฟอร์มคน-องค์กร ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงโลกยุคใหม่

สิงห์ฯ ผนึก Insightist องค์กรธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation และ GDK บริษัทผู้นำด้านการตลาดออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ดึงเหล่ากูรูด้าน Tech จัดงาน Ai Thailand Conference 2024 : The Next Future ครั้งแรกในไทย ร่วม Transform คน-องค์กรธุรกิจ รับมือยุค Digital Disruption เสริมแกร่งองค์ความรู้ด้าน Ai สู่การประยุกต์ใช้กับองค์กรยุคใหม่ ในวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ณ สามย่าน มิตรทาวน์ 

คุณธีรานนท์ ศิริกุลพิริยะ MD of Solutions IMPACT กล่าวว่า การจัดงาน Ai Thailand Conference ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการ ในการเตรียมพร้อมเข้าสู่โลกธุรกิจยุค Ai อย่างแท้จริง ที่จะตอบทุกคำถามคาใจ ทั้งการปรับตัว ตลอดจนแนวคิดการการทำธุรกิจยุคใหม่ จากผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Business Transformation และ People Transformation เพื่อให้พร้อมรับมือ ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และเทรนด์ใหม่ๆ ในการทำธุรกิจแห่งโลกอนาคตต่อไป

ด้านคุณอรรณพ สลิดบัว CEO GDK GROUP, Co-CEO Live Forward กล่าวว่า ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวสู่โลกแห่ง Ai เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่องค์กรต่างๆ ต้องรับมือ โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เพื่อให้สอดคล้องเท่าทันสถานการณ์กับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น และขอขอบคุณ คุณภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนการ Transform คน-องค์กร ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงโลก

ซึ่งสิงห์ฯ ผู้สนับสนุนหลักในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในองค์กรแรกๆ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยี Ai มาใช้ในการทำงาน จนเกิดการ Transform ปรับใช้ Ai ในการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี และภายในงานยังได้รับเกียรติจากผู้บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด องค์กรชั้นนำที่มอบโอกาสถ่ายทอดความรู้ และมุมมองของการพัฒนาอันก้าวกระโดดสู่โลกอนาคต

ทั้งนี้ งาน Ai Thailand Conference 2024 : The Next Future ถือเป็นงานที่รวบรวม Business Transformation และ People Transformation กับ 2 Sessions ที่จะมาช่วยชี้ทิศทางธุรกิจไทยในยุค Ai ในหัวข้อ Business NEXT Future : ที่จะมาถอดรหัสอนาคต Ai กับธุรกิจ และ People NEXT Future สู่การปรับตัวท่ามกลางการเข้ามาของ Ai

พร้อมกันนี้ยังจะได้พบกับเหล่ากูรูคนดังมากมาย (Speaker) อาทิ คุณหนุ่ย พงศ์สุข, คุณท๊อป จิรายุส, คุณกระทิง เรืองโรจน์, คุณแท็ป รวิศ และเหล่ากูรูอีกมากมาย ที่จะมาร่วมให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ Ai / People และที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวบรวม Use case เกี่ยวกับการปรับตัวของธุรกิจ การพัฒนาคน การประยุกต์ธุรกิจ กับการใช้ Ai เพื่อใช้กับธุรกิจ ทั้งระดับองค์กรต่างๆ โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้น 2,000 คน และมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจและองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สู่โลก Ai ในอนาคตและต่อยอดสู่ความเป็น The Next future