Geek Story EP204 : จากจาการ์ตาถึงนูซันตารา ฝันราคาแพงของอินโดฯ หรือเส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน?

จาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียที่เคยเฟื่องฟู กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่คุกคามการดำรงอยู่ของเมือง ด้วยอัตราการจมตัวของเมืองที่รวดเร็วที่สุดในโลก คาดการณ์ว่าภายในปี 2050 เกือบหนึ่งในสามของพื้นที่เมืองจะจมอยู่ใต้น้ำ

สถานการณ์ดังกล่าวนี้ผลักดันให้รัฐบาลอินโดนีเซียต้องหาทางออกอย่างเร่งด่วน นำไปสู่แผนการย้ายเมืองหลวงจากจาการ์ตาบนเกาะชวา ไปยังนูซันตารา (Nusantara) บนเกาะบอร์เนียว ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 1,300 กิโลเมตร

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/5exppj8f

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/bdcyjcbb

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/2uj52suz

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/IZ8WfM1x9XY

วิธีการเรียนรู้แบบฉบับ Elon Musk : ปฏิวัติการศึกษา จากห้องเรียนน่าเบื่อ สู่การเรียนรู้ที่สนุกไม่รู้จบ

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นทุกวันนี้ การศึกษาก็จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับความต้องการของผู้เรียนและสังคม แม้ว่าระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มาอย่างยาวนาน แต่ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองการศึกษาในมุมมองใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของโลกยุคดิจิทัล

พอดีส่วนตัวได้ฟังข้อมูลจากช่อง Youtube ที่มีชื่อว่า Elon Musk speech ที่ให้ข้อมูลวิธีการเรียนรู้แบบฉบับของนักธุรกิจชั้นนำของโลกอย่าง Elon Musk ซึ่งมีหลายส่วนที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว

Musk มองว่าการเรียนรู้ในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่ในรั้วมหาวิทยาลัยอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้เราสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้มากมายได้อย่างง่ายดายและไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม สถาบันการศึกษายังคงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะบางอย่างที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้จากการศึกษาด้วยตนเองเพียงอย่างเดียว

Musk มองว่าหนึ่งในคุณค่าที่สำคัญของการศึกษาในระบบคือการฝึกฝนความอดทนและความมุ่งมั่นในการทำงานให้สำเร็จ แม้ว่าบางครั้งงานที่ได้รับมอบหมายอาจดูไม่น่าสนใจหรือน่าเบื่อ แต่การฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้จนสำเร็จเป็นทักษะที่มีค่าอย่างยิ่งในการทำงานจริง

นอกจากนี้ Musk ก็ยังกล่าวอีกว่าการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยยังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะทางสังคมผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมรุ่นและคณาจารย์ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่มีค่าไม่น้อยไปกว่าความรู้ในตำรา

อย่างไรก็ตาม Musk ก็มองว่าระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมยังมีข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การเรียนการสอนแบบบรรยายหน้าชั้นเรียนอาจไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้มีความน่าสนใจและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

แนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจของ Musk คือการนำเอาหลักการของวิดีโอเกมมาประยุกต์ใช้กับการศึกษา เช่นเดียวกับที่เด็กๆ สามารถเล่นวิดีโอเกมได้อย่างสนุกสนานและกระตือรือร้นโดยไม่ต้องมีใครบังคับ การศึกษาก็ควรจะสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้ด้วยตนเองเช่นกัน การทำให้การเรียนรู้มีการโต้ตอบและมีความน่าสนใจ จะช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้มากขึ้น และเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ Musk มองเห็นก็คือการต้องแยกระดับชั้นเรียนออกจากวิชาเรียน และให้ผู้เรียนก้าวไปข้างหน้าในแต่ละวิชาด้วยความเร็วที่เหมาะสมกับตนเอง

ก็ถือว่าเป็นเป็นแนวคิดที่น่าสนใจนะครับ เนื่องจากแต่ละคนมีความถนัดและความสนใจที่แตกต่างกัน การบังคับให้ทุกคนเรียนในอัตราความเร็วเดียวกันอาจไม่เหมาะสมสำหรับทุกคน บางคนอาจต้องการเวลามากกว่าในบางวิชา ในขณะที่บางคนอาจสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าในวิชาอื่นๆ

แนวคิดนี้ Musk ได้นำมาทดลองใช้ในโรงเรียนขนาดเล็กชื่อ Ad Astra ซึ่งมีนักเรียนเพียง 14 คน (และภายหลังเพิ่มเป็น 20 คน) โรงเรียนนี้จะไม่มีการแบ่งระดับชั้นแบบเดิม ๆ แต่เน้นการปรับการศึกษาให้เข้ากับความถนัดและความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน นอกจากนี้ ยังเน้นการสอนการแก้ปัญหามากกว่าการสอนเรื่องเครื่องมือ โดยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง

ผลลัพธ์ที่น่าสนใจก็คือ เด็กๆ ในโรงเรียนนี้มีความสุขกับการเรียนอย่างมาก พวกเขารู้สึกว่าวันหยุดยาวเกินไปและอยากกลับไปโรงเรียน ซึ่งตรงกันข้ามกับความรู้สึกของเด็กๆ ในระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมที่มักจะรู้สึกว่าการไปโรงเรียนเป็นเรื่องน่าเบื่อหรือเป็นการทรมาน

Musk มองว่าการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ แทนที่จะมองว่าการศึกษาคือการ “ดาวน์โหลด” ข้อมูลและอัลกอริทึมเข้าไปในสมอง เราควรมองว่าการศึกษาคือกระบวนการพัฒนาทักษะและความสามารถที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตและการทำงานในโลกยุคใหม่ การทำให้กระบวนการเรียนรู้สนุกและน่าสนใจเหมือนการเล่นเกม จะช่วยให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องยอมรับว่าการศึกษาในปัจจุบันยังมีปัญหาหลายประการ การสอนแบบบรรยายหน้าชั้นเรียนที่ผู้สอนขาดความกระตือรือร้นและไม่สามารถสื่อสารถึงความสำคัญของเนื้อหาที่สอนได้ ทำให้ผู้เรียนขาดแรงจูงใจและไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่กำลังเรียน นอกจากนี้ หลักสูตรการเรียนการสอนในปัจจุบันอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและสังคมในอนาคต ทำให้ผู้เรียนไม่สามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้จริง

เพราะฉะนั้นการปฏิรูปการศึกษาจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยต้องคำนึงถึงการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น

นอกจากนี้ การส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะการก้าวเข้ามาของเทคโนโลยี AI สุดล้ำ ความรู้และทักษะที่มีอยู่อาจล้าสมัยได้ในเวลาอันสั้น

สรุปแล้ว การศึกษาในยุคปัจจุบันควรเป็นมากกว่าการเรียนในห้องเรียนหรือการแค่ได้รับปริญญาบัตร แต่ควรเป็นกระบวนการที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนอย่างรอบด้าน ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และทัศนคติ เพื่อให้สามารถปรับตัวและประสบความสำเร็จในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การผสมผสานระหว่างการเรียนรู้ด้วยตนเองและการเรียนในระบบ โดยนำเอาเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ จะช่วยสร้างระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนและสังคมได้อย่างแท้จริงนั่นเองครับผม

References :
Elon Musk learning method
https://youtu.be/splkLcpBws8?si=Wr1b2Uoqr3gIY4Fl