บทวิเคราะห์ Apple จะสามารถตามทันคู่แข่งในการแข่งขันด้าน AI ได้หรือไม่?

Apple จะสามารถตามทันคู่แข่งในการแข่งขันด้าน AI ที่กำลังดุเดือดอยู่ในขณะนี้ได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง มีบทความจาก Financial Times ที่วิเคราะห์การแข่งขันได้อย่างน่าสนใจระหว่าง Apple กับคู่แข่งที่โครตแข็งแกร่งอย่าง Google , Microsoft , Meta และ Amazon

โดยการประกาศครั้งสำคัญของ Tim Cook ในงาน WWDC 2024 ได้เผยให้เห็นกลยุทธ์ของ Apple ในการผนวกรวมเทคโนโลยี Generative AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้อย่างน่าสนใจและดูเหมือนเหล่านักลงทุน WallStreet จะเข้าใจถึงแผนการนี้ของ Tim Cook เป็นอย่างดี

Highlights

💡 Apple อาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตามหลังคู่แข่งอย่าง Google , Microsoft , Meta และ Amazon ในการแข่งขันด้าน AI

🚀 การเปิดตัวเทคโนโลยี Generative AI ของคู่แข่งได้สร้างแรงกดดันให้ Apple ต้องรีบตามให้ทัน

💬 หากไม่ให้ความสำคัญกับ Generative AI ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Apple จะทำให้เกิดข้อกังวลว่าบริษัทจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

💻 คู่แข่งอย่าง Google และ Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ AI แล้ว ทำให้พวกเขาอยู่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมอยู่ก่อน

🍎 Apple เผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจ อาทิ ยอดขาย iPhone ที่ชะลอตัว คดีละเมิดกฎหมายการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และการแข่งขันในด้านมูลค่ากิจการกับ Nvidia ที่แอบแซง Apple ขึ้นมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

📱 การประกาศครั้งสำคัญของ Tim Cook ในงาน WWDC 2024 ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ Apple จะได้เผยกลยุทธ์ด้าน AI เพื่อตามให้ทันคู่แข่ง

🤖 การร่วมมือกับ OpenAI อาจช่วยให้ Apple เสริมศักยภาพด้าน AI และลดช่องว่างจากคู่แข่งลงได้

Key Insights

🍎 กลยุทธ์ดั้งเดิมของ Apple ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้สมบูรณ์แบบมากกว่าการเป็นผู้นำนวัตกรรม อาจไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมด้าน AI ที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว Apple จำเป็นต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างรวดเร็วเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

💻 คู่แข่งอย่าง Google และ Microsoft กำลังลงทุนอย่างมหาศาลในเทคโนโลยี AI สร้างสภาพแวดล้อมที่ท้าทายสำหรับ Apple ในการไล่ตามให้ทัน แรงกดดันตกอยู่ที่ Tim Cook ในการเปิดเผยกลยุทธ์ด้าน AI ในงาน WWDC 2024 ซึ่งก็ถือได้ว่าทำได้อย่างน่าประทับใจ เหล่านักลงทุนจาก WallStreet ก็ Get ไอเดียของ Tim Cook ผ่านมูลค่าหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น

🧠 การให้ความสำคัญของ Apple ในด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และการประมวลผล AI บนอุปกรณ์อาจทำให้แนวทางการดำเนินงานของบริษัทแตกต่างจากคู่แข่ง การเน้นการคุ้มครองข้อมูลนี้ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว

💡 ความสำเร็จของความพยายามด้าน AI ของ Apple จะขึ้นอยู่กับความร่วมมือกับบริษัทอย่าง OpenAI เพื่อเข้าถึงรูปแบบ Generative AI ขั้นสูง ความร่วมมือเหล่านี้อาจเสริมสร้างศักยภาพและบริการด้าน AI ของ Apple

💰 ผลการดำเนินงานทางการเงินและมูลค่าตลาดของ Apple ตกอยู่ภายใต้การแข่งขันในสนามรบ AI บริษัทต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างนวัตกรรมและปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด

🌐 ความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับ OpenAI น่าจะเป็นจุดสำคัญสำหรับกลยุทธ์ด้าน AI ของ Apple การนำประสบการณ์และทรัพยากรของบริษัทเหล่านี้มาใช้อาจช่วยเสริมสร้างศักยภาพ AI และทำให้ Apple สามารถแข่งขันในตลาด AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

🚀 การปฏิวัติด้าน AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้เปิดโอกาสให้ Apple ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในสาขานี้ แม้ปัจจุบันจะเผชิญกับความท้าทาย แต่ Apple มีศักยภาพที่จะก้าวนำวงการเทคโนโลยี AI และก้าวขึ้นมาแซงหน้าได้ในอนาคต

Opinion

ส่วนตัวค่อนข้างเซอร์ไพรส์เลยทีเดียวที่เห็น Apple จับมือกับ OpenAI ซึ่งรู้กันอยู่ว่าเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของ Microsoft ผ่านการลงทุนรอบล่าสุดในช่วงก่อนหน้านี้

Apple ถูกบีบให้เปิดตัวเทคโนโลยี AI ของตนเองทั้งที่ยังไม่พร้อม ส่วนตัวผมเชื่อว่าพวกเขากำลังทำของตัวเองอยู่ แต่มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ตามข่าวที่หลุดออกมาก่อนหน้า และหากมีการดีลกับธุรกิจอื่น Tim Cook ไม่ยอมให้ใครมากดแน่นอน ซึ่งดีลที่ออกมาจะเห็นว่า Apple แทบจะไม่เสียเงินกับการจับมือกับ OpenAI เลยด้วยซ้ำ

และคิดว่านี่คือแผนระยะสั้นของ Apple เพียงเท่านั้นในการจับมือเพื่อให้ผ่านปีนี้ไปให้ได้ก่อน เพราะหากไม่มีอะไรกล่าวถึงเกี่ยวกับ AI รับรองปลายปียอดขายผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง iPhone ตกฮวบอย่างแน่นอน เพราะกระแสโลกกำลังไปในทิศทางนี้ที่นำโดยสมาร์ทโฟนของ Samsung

ส่วนแผนระยะยาว อย่างไรก็ตาม Apple ต้องควบคุม ecosystem ทั้งหมดของพวกเขาได้ด้วยตนเอง เหมือนที่ทำกับชิป หรือซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Apple การมีติ่ง AI ของ OpenAI อยู่ไม่ได้เป็นผลดีกับ Apple ในระยะยาว

มันเป็นการแสดงให้เห็นว่า Apple มีกลยุทธ์ ทั้ง Plan A และ Plan B อยู่เสมอ ซึ่งถ้าใครติดตามผลงานของ Tim Cook มาโดยตลอดจะรู้ว่าโครต Genius ในเรื่องนี้ สุดท้าย Apple Intelligence นั้นจะถูกพัฒนาขึ้นโดย Apple โดยสมบูรณ์หรือไม่ก็มีการเข้าซื้อกิจการของบางบริษัทที่น่าสนใจ เช่น Anthropic มากกว่าจะไปเกาะกับ OpenAI ที่เป็นลูกไก่ในกำมือคู่แข่งอย่าง Microsoft ในระยะยาว ซึ่งดูแล้วมีความเสี่ยงสูงมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดนั่นเองครับผม

References :
https://www.ft.com/content/346a18e1-8c8c-4495-bafa-a44d0be57c2b

ฟิลิปส์ เปิดตัว Philips Zenition Series ตัวช่วยแพทย์ศัลยกรรม ตอกย้ำผู้นำอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mobile C-Arm 

บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก เปิดตัว Philips Zenition Series (ฟิลิปส์ เซนนิชั่น ซีรี่ย์) เครื่องเอกซเรย์ฟลูโอโรสโคปเคลื่อนที่แบบซีอาร์ม (Mobile C-arm) 5 รุ่นล่าสุด ได้แก่ Philips Zenition 90 Motorized, Philips Zenition 70, Philips Zenition 50, Philips Zenition 30 และ Philips Zenition 10

เสริมทัพพอร์ทโฟลิโอในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Philips Image Guided Therapy ชูจุดเด่นให้ภาพคมชัด ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ทางการแพทย์ด้านศัลยกรรมที่หลากหลาย 

นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฟิลิปส์ เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมอันทรงคุณค่า เพื่อมาช่วยสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วย โดยในครั้งนี้ เราได้นำเสนอเครื่อง Mobile C-arm ในตระกูล Zenition ถึง 5 รุ่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายด้านการศัลยกรรม ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดทางหัวใจ, หลอดเลือด, ระบบประสาท, กระดูกและข้อ และการผ่าตัดอื่นๆ โดยเฉพาะรุ่น Philips Zenition 90 Motorized ที่เป็นตัวชูโรง ถูกออกแบบมาสำหรับการตรวจวินิจฉัยด้านหลอดเลือดที่ซับซ้อนได้ดี ในขณะที่ Philips Zenition 10 หรือ 30 จะมาพร้อมจุดเด่นด้านความทนทาน ความคุ้มค่า และความสะดวกในการเคลื่อนย้ายเครื่อง ซึ่งการนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ได้หลากหลายของตระกูล Zenition นี้จะช่วยให้ฟิลิปส์สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่อง Mobile C-arm ไว้ได้” 

Philips Zenition 90 Motorized เป็นเครื่องเอกซเรย์ฟลูโอโรสโคปเคลื่อนที่แบบซีอาร์มที่ขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ โดดเด่นด้านการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ถูกออกแบบมาใหม่ล่าสุดให้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของซีอาร์มผ่านปุ่มกดข้างเตียงได้ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและอิสระในใช้งานให้กับศัลยแพทย์

การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 4 แกนอย่างรวดเร็วช่วยป้องกันภาวะการติดเชื้อ และการควบคุมโดยใช้ปุ่มบังคับไร้ทิศทางเพียงตัวเดียว สามารถช่วยควบคุมการเคลื่อนไหว หมุน เอียง ได้ตามต้องการ และมีความเร็วในการหมุนสูงสุดถึง 15 องศาต่อวินาที ซึ่ง 90% ของผู้ใช้งานเชื่อว่าการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์นี้สามารถช่วยประหยัดเวลาในระหว่างกระบวนการทำงานได้

นอกจากนี้ Philips Zenition 90 Motorized ยังมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำในการสร้างภาพ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางคลินิกได้มากขึ้นด้วยการทำงานอัตโนมัติ การควบคุมภาพผ่านโมดูลจอสัมผัสและซอฟต์แวร์ขั้นสูง

สำหรับนวัตกรรมในกลุ่ม Philips Zenition Series นี้ ได้รับการออกแบบที่เน้นด้านความละเอียดของภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานง่ายขึ้น หน้าจอแสดงผลที่มาพร้อมคำแนะนำในแต่ละขั้นตอน การกำหนดจุดถ่ายภาพที่แม่นยำ และมีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ Philips Zenition ยังถูกออกแบบให้สามารถรองรับการใช้งานในอนาคต และรองรับการทำหัตถการที่หลากหลายได้

นอกจากนี้ Philips Zenition ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Philips BodySmart ซึ่งสามารถกำหนดการปล่อยรังสีในปริมาณที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน ทั้งผู้ป่วยที่มีดัชนีมวลกายสูง ผู้ป่วยสูงอายุ หรือจะเป็นโหมดการทำงานรังสีต่ำ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเด็ก และยังสามารถให้คำแนะนำที่แม่นยำแก่ผู้ใช้งาน เพื่อลดขั้นตอนของการสื่อสารและเวลาในการจัดตำแหน่งผู้ป่วยได้ 

“นวัตกรรมในกลุ่ม Mobile C-arm เป็นส่วนหนึ่งของในพอร์ทโฟลิโอกลุ่มผลิตภัณฑ์ Philips Image Guided Therapy โดยในปี 2023 ภาพรวมตลาดกลุ่ม Mobile C-arm มีมูลค่ากว่า 390 ล้านบาท และเติบโตกว่า 11% ในขณะที่ฟิลิปส์มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 และเติบโต 2.5% และเราเชื่อว่าหลังจากการผลักดันนวัตกรรมใหม่ในตระกูล Zenition Series พร้อมกลยุทธ์ทางการตลาดและการบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ เราจะสามารถผลักดันยอดขายในกลุ่ม Mobile C-arm นี้ให้เติบโตได้กว่า 5%” นายวิโรจน์กล่าวทิ้งท้าย